สมเด็จวัดชิโนรสลพ.กวยเสกพระพรหมอ.ทองแถม สมเด็จลพ กวยเสกวัดชิโนรส พระผงหยกลพ.วิริยังค์

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,107
    ค่าพลัง:
    +7,142
    ขอจองครับ
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,211
    ค่าพลัง:
    +21,388
    FB_IMG_1748529133284.jpg FB_IMG_1748529140296.jpg

    *** เราเป็นอาจารย์ แต่ช่วยตัวเองให้รวยไม่ได้ แล้วเราจะไปช่วยใครเขา ให้เขารวยได้ ***
    อาจารย์ใหญ่ในวิชาการ พรหมศาสตร์
    อ.ทองแถม ศาสตระรุจิ เจ้าตำหรับวิชาพรหมศาสตร์
    ในบรรดาวิชาไสยศาสตร์ เมื่อเรียนกันไปมากๆแล้ว ก็จะต้องไปสื่อกับครูบาอาจารย์ และมหาเทพและเทพยดาทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ในอดีต ที่มีเรื่องเกี่ยวกับเทวดา เช่น อ.ชุม ไชยคีรี พ่อพราหมณ์สุทโธ ก็มีประวัติเกี่ยวข้องกับเทวดาเบื้องบน
    อ.ทองแถม ศาสตระรุจิ ว่ากันว่า วิชาพรหมศาสตร์ของท่าน ได้มาจาก องค์สมเด็จปรมาจารย์ฝ่ายพรหมศาสตร์ หลังจากนั้นไม่นาน ท่านสามารถสร้างตัว เป็นมหาเศรษฐีได้ จนทำให้ผู้ไปพบท่านที่ที่บ้าน เกิดความเคลือบแคลงไม่ได้ ว่าท่านเป็นของจริงหรือเปล่า เพราะเฉพาะเสาบ้าน ขนาดสองคนโอบ แต่เมื่อได้ฟังคำอ.ทองแถม กับทำให้เกิดศรัทธายิ่งขึ้นอีก เพราะท่านพูดว่า เราเป็นอาจารย์ แต่ช่วยตัวเองให้รวยไม่ได้ แล้วเราจะไปช่วยใครเขา ให้เขารวยได้
    พอดีแอดมินไปอ่านเจอเกร็ดประวัติอ.ทองแถม จึงได้คัดลอกให้แฟนเพจได้ทัศนา
    เนื่องในพิธีพรหมาภิเศก “องค์พรหมเทพปฏิมา” เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมฉลองพระชนมพรรษาครบ 3 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2506 นี้นั้น พิธีได้กระทำขึ้น ณ เทวสถานโบสท์พราหมณ์ เสาชิงช้า พระนคร เมื่อวันที่ 18 – 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 โดยมีผู้เข้าร่วมพิธีหลายฝ่ายด้วยกัน อาทิ ฝ่ายสงฆ์มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน ฝ่ายวิปัสสนาธุระมีท่านเจ้าคุณราชสิทธิ์ วัดมหาธาตุฯ เป็นประธาน ฝ่ายพราหมณ์มีพระราชครูวามเทพมุนี เป็นประธาน และฝ่ายพรหมศาสตร์มีอาจารย์ทองแถม ศาสตระรุจิ เป็นประธาน ซึ่งผู้เข้าร่วมพิธีทุกฝ่ายต่างก็ประกอบพิธีกรรมตามลัทธิของตน เพื่อความขลัง และศักดิ์สิทธิ์ของ "องค์พรหมเทพปฏิมา" เป็นสำคัญ ...
    ปรากฏว่าในระหว่างพิธีกรรมตลอดเวลา 3 วัน 3 คืนนั้น ผู้เข้าร่วมพิธีแต่ละฝ่ายต่างได้คัดตัวบุคคลซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษมาทำการปลุกเสกทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายสงฆ์นั้นได้นิมนต์พระอาจารย์ชื่อดังจากวัดต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักรมาร่วมปลุกเสกโดยพร้อมเพรียง นอกจากนั้นยังนิมนต์พระเถระผู้ใหญ่ซึ่งวุฒิเปรียญ 9 ประโยคอีก 9 รูป มาเจริญพระพุทธชัยมงคลคาถาตลอดเวลา...
    พิธีพรหมาภิเศก "องค์พรหมเทพปฏิมา" ครั้งนี้เป็นพิธีที่ใหญ่ยิ่งพิธีหนึ่งในยุคปัจจุบัน ซึ่งบรรดาผู้เข้าร่วมพิธีทุกท่านต่างได้กล่าวยืนยันว่า นอกจากพระอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญของฝ่ายต่าง ๆ จะมาเข้าร่วมพิธีกันอย่างพร้อมเพรียงแล้ว ยังมีวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของพระภิกษุผู้สำเร็จซึ่งมรณภาพไปแล้วกับเทพเจ้าและองค์พรหมบนสวรรค์เสด็จมาเป็นประธานในพิธีนี้ด้วยจำนวนมาก ...
    เพื่อที่จะได้ทราบรายละเอียดว่าในพิธีพรหมาภิเศก "องค์พรหมเทพปฏิมา" ดังกล่าวนี้ได้มีวิญญาณของภิกษุรูปใดเทพเจ้าองค์ใด และพระพรหมองค์ใดเสด็จมาร่วมพิธีบ้างนั้น จึงได้นัดพบกับพ.อ. สมาน วีระไวทยะ (ยศในขณะนั้น) วศบ. ทบ. หัวหน้ากองนโยบายและแผน กรมส่งกำลังบำรุงทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งเป็นเจ้าตำรับ “วิทยาศาสตร์ทางจิต” ที่ชาวไทยและต่างประเทศรู้จักดี กับเป็นผู้เชี่ยวชาญทางนั่งตรวจทางใน เพื่อนำเหตุการณ์ในวันประกอบพิธีพรหมาภิเศกมาเสนอ ดังนี้ ...
    พ.อ. สมาน วีระไวทยะ เล่าว่า ความจริงท่านไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับพิธีพรหมาภิเศกในครั้งนี้เลย แต่ในระหว่างพิธีวันที่ 19 พ.ย. นั้น ท่านได้รับคำขอร้องจากอาจารย์ชาญไชย ถาวรธารนายช่างพิเศษกระทรวงอุตสาหกรรมซึ่งเป็นท่านหนึ่งที่ไปร่วมพิธีในทางด้านฝ่ายพรหมศาสตร์ ขอให้ช่วยนั่งทางในตรวจดูว่ามีวิญญาณของผู้ใดรวมทั้งเทพเจ้าและพระพรหมองค์ใดมาเข้าพิธีบ้าง ท่านจึงได้ไปนั่งตรวจให้ข้าง ๆ พิธีในบริเวณเทวสถานแห่งนั้น ...
    พ.อ. สมาน เล่าว่า เมื่อท่านได้เริ่มนั่งทางในตรวจดูนั้นเป็นเวลาประมาณ 00.30 น. การประกอบพิธีพรหมาภิเษกของเกจิอาจารย์ฝ่ายต่าง ๆ กำลังดำเนินอยู่และในการนั่งตรวจครั้งแรกนั้นพ.อ.สมานได้ตรวจถึงวิญญาณของพระอาจารย์ต่าง ๆ ที่มรณภาพไปแล้วว่าจะมีรูปใดมาในพิธีบ้าง ...
    เมื่อนั่งหลับตาเข้าสมาธิแล้วสักครูก็เห็นว่าภาพในบริเวณเทวสถานมืดสนิทลงแล้วค่อย ๆ มีแสงสว่างจ้าเป็นประกายขึ้นโดยรอบ ทันใดนั้นก็เห็นภาพของพระอาจารย์ต่าง ๆ ปรากฏขึ้นทีละองค์ อาทิ หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี วัดระฆังโฆษิตาราม หลวงพ่อศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อทวด วัดช้างไห้ หลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด หลวงพ่อลี วัดอโศการาม และพระอาจารย์สำคัญองค์อื่น ๆ รวม 15 องค์ด้วยกัน และแต่ละองค์ได้บอกให้นายพันเอกแห่งกองทัพบกทราบว่าท่านจะได้มาร่วมในพิธีนี้ทุก ๆ วันจนเสร็จสิ้นพิธี
    ภายหลังจากได้ตรวจดูพระอาจารย์ต่าง ๆ จนทั่วถึงแล้ว พ.อ. สมานจึงได้เปลี่ยนเป็นตรวจดูเทพเจ้าที่มาในพิธีบ้าง หลังจากนั่งสมาธิก็ได้เห็นภายในบริเวณเทวสถานกลับมืดสนิทลงเหมือนครั้งที่แล้ว ชั่วครู่ต่อมาก็ปรากฏเป็นแสงสีเขียวรุ่งโรจน์ขึ้น แต่ไม่ปรากฏร่างของเทพเจ้าองค์ใดให้เห็น แต่จากแสงสีเขียวนี้ พ.อ.สมานทราบว่า เป็นแสงประจำองค์เทพเจ้าชั้นสูงหลายองค์ อาทิ
    ... พระนารายณ์ พระพิฆเณศวร์ และสมเด็จพระอัมรินทราธิราช ...
    ดังนั้นเพื่อจะขอทราบว่าเทพเจ้าองค์ใดในสามองค์นี้จะเป็นผู้เสด็จมา นายพันเอกจึงตั้งอธิษฐานขอให้ท่านเจ้าของแสงปรากฏพระองค์ให้เห็นด้วย ครั้นอธิษฐานเสร็จก็ค่อย ๆ ปรากฏร่างของเทพเจ้าองค์หนึ่งขึ้นราง ๆ และค่อย ๆ เด่นชัดขึ้นจนเห็นได้ถนัด เทพเจ้าองค์นี้มีทั้งหมด 4 กร จึงทราบได้ว่าเจ้าของแสงสีเขียวรุ่งโรจน์ที่เสด็จมานั้นคือ "องค์พระนารายณ์" หรือ "พระวิษณุเทพ" นั่นเอง พร้อมกันนั้นองค์พระนารายณ์ก็ได้ตรัสให้ พ.อ. สมานทราบเช่นเดียวกับพระอาจารย์องค์อื่น ๆ ...
    ในการตรวจทางในขั้นสุดท้าย พ.อ.สมาน ได้ตรวจว่าเทพเจ้าขั้นพรหมนั้นจะมีองค์ใดเสด็จมาบ้าง ครั้นได้ทำสมาธิและปรากฏความมืดสนิทขึ้นมาแล้ว ก็ปรากฏแสงสีขาวนวลคล้ายสีของไข่มุกเป็นประกายรุ่งโรจน์ และพร้อมกับแสงสีที่ปรากฏขึ้นนั้น นายพันเอกแห่งกองทัพบกก็ได้เห็นภาพของพระพรหมองค์สมเด็จปรมาจารย์ฝ่ายพรหมศาสตร์เสด็จมาเอง...
    เมื่อได้นั่งทางในตรวจเห็นบรรดาพระอาจารย์ต่าง ๆ รวมทั้งเทพเจ้าและพระพรหมองค์ใดที่เสด็จมาในพิธีแล้ว พ.อ.สมานจึงได้เขียนบันทึกมอบให้อาจารย์ทองแถม ศาสตระรุจิ ประธานฝ่ายพรหมศาสตร์เก็บไว้เป็นหลักฐาน
    ทั้งหมดนี้คือบันทึกที่มีขึ้นในปี พ.ศ. 2506 เป็นเรื่องอัศจรรย์ที่การเห็นการรู้ของหลาย ๆ ท่านตรงกันอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งท่าน พลโท สมาน วีระไวทยะ และอาจารย์ทองแถม ศาสตระรุจิแม้แต่การสร้างพระมหาเทพทั้งสามของวัดโกรกแก้ววงพระจันทร์ ซึ่งหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ เป็นผู้ปลุกเสก พระผงรูปพระนารายณ์ก็ยังใช้ "ผงสีเขียว" ในการสร้าง ซึ่งตรงกับสีรัศมีกายของพระองค์พอดี นับว่าผู้จัดทำมีความรอบคอบยิ่งนัก ...
    แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เรามองไม่เห็นนั้น ไม่ได้แปลว่าไม่มี และบางสิ่งที่เราไม่เชื่อ ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีอยู่จริงเช่นกัน ...
    ขอขอบคุณ ท่านเจ้าเรื่องและภาพ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญพระพรหมอาจารย์ทองแถม กะไหล่ทองลงยาสีแดง ปี ๒๕๒๙
    ให้บูชา 550 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20250529_213437.jpg IMG_20250529_213408.jpg
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,211
    ค่าพลัง:
    +21,388
    FB_IMG_1748527765514.jpg

    หลวงปู่ดูดวงให้ฟรีทุกคนโดยเน้นหลักธรรม ตามที่ลูกศิษย์ประสบกันเล่าเป็นเสียงเดียวกันว่าหลวงปู่ดูแม่น ... มีครั้งหนึ่ง มีอาแป๊ะคนหนึ่ง อาชีพ ค้าขายอยู่ที่หน้าศาลพระกาฬ ลพบุรี ขึ้นมากราบหลวงปู่บนเขาตอนเช้า พร้อมกับขอโชคขอลาภ หลวงปู่ถามถึงวันเดือนปีเกิดสักพัก ก็บอกว่า เอ็งไม่มีดวงทางโชคลาภหรอก ตอนนี้แทงอย่างไรก็ไม่ถูก เก็บเงินไว้เลี้ยงลูกเลี้ยงเมียดีกว่า อาแป๊ะตอบว่า ไม่เป็นไรหรอกหลวงปู่ ลองดู ขอสักสองตัวเถอะ เดี๋ยวตอนบ่ายหวยจะออกแล้ว ผมจะลองไปแทงสักหน่อย หลวงปู่ย้ำอีกว่า เอ็งไม่มีดวง แล้วจะแทงถูกอย่างไร อย่าแทงเลย อาแป๊ะไม่ฟัง ขอลูกเดียว หลวงปู่รำคาญ ก็เลยบอกเล่น ๆ ให้ไป อาแป๊ะดีใจใหญ่ ลงจากเขาทันที ขณะกลับบ้านพอดีเจอเพื่อนที่ตีนเขา เลยชวนกันไปกินข้าวที่บ้านเพื่อน คุยกันจนบ่าย นึกได้ว่ายังไม่ได้แทงหวย จึงรีบไปซื้อหวย แต่ไม่ทันเวลา เขาเลิกขายหมดแล้ว
    พอดีหวยออก เลขตรงตามที่หลวงปู่ให้ อาแป๊ะแทบลมใส่ เสียใจที่ไม่ได้ซื้อ อีกสองวันต่อมา อาแป๊ะขึ้นมากราบหลวงปู่บนเขาอีก ต่อว่าหลวงปู่ว่า ไม่น่าบอกว่าไม่ถูกเลย เลยไม่ได้ด่วนซื้อ เสียดายจัง หลวงปู่หัวเราะ แล้วพูดว่า ก็กูบอกแล้วมึงก็ไม่เชื่อ อาแป๊ะเลยของวดต่อไปอีก หลวงปู่หัวเราะ ว่ามึงขนาดนี้ มึงยังไม่เชื่อกูอีกเรอะ อาแป๊ะเลยไม่กล้าขออีก หลวงปู่สอนว่า มึงดวงยังไม่มีโชค หมั่นทำบุญทำกุศลความดีไว้เถอะ เดี๋ยวความดีจะช่วยมึงเอง ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่วเสมอ ใครทำอย่างไรย่อมได้อย่างนั้น หนีไม่พ้นหรอก จะเร็วหรือช้าก็ต้องได้แน่นอน มึงไม่เชื่อกูก็ไม่เป็นไร แต่มึงเชื่อพระพุทธเจ้าเถอะ พระพุทธเจ้าท่านไม่โกหกใครหรอก
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่เรือง ปลุกเสกไตรมาสปี๒๕๔๒
    ให้บูชา 170 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20250529_152648.jpg IMG_20250529_152725.jpg IMG_20250529_152621.jpg
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,211
    ค่าพลัง:
    +21,388
    เมื่อวานและวันนี้ จัดส่ง

    1748599817421.jpg 1748599782836.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,211
    ค่าพลัง:
    +21,388
    FB_IMG_1748606580831.jpg FB_IMG_1748606583650.jpg FB_IMG_1748606586174.jpg
    วัตถุมงคลที่พระเกจิอาจารย์ปลุกเสกเดี่ยวถึง ๑๐ รูป
    พระสมเด็จชินบัญชร รุ่นประวัติศาสตร์ฯ ปี 2535 สมเด็จที่ระลึก 60 พรรษา สมเด็จพระบรมราชนีนาถจัดสร้างโดยมูลนิธิธรรมชีวินวัดอรุณราชวราราม มวลสามากมาย อาทิ ผงวัดระฆัง ผงวัดวัดบางขุนพรหม ผงวัดเกศไชโย ผงวัดสะตือ ผงวัดไก่จ้น ผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงมหาราช ผงตรีนิสิงเห ผงพุทธคุณ ผงธรรมคุณ ผงสังฆคุณ ผงมาตาปิตุปัจฐานมงคล เกษรดอกไม้จากพระอุโบสถ 108 วัด เช่น วัดพระแก้ว วัดโสธร วัดบ้านแหลม วัดพระธาตุพนม วัดพระธาตุดอยสุเทพ ดอกกาหลง ดอกกุหลาบแดง ดอกรักขาว ดอกกุหลาบขาว ดิน 7 ป่า ตะใคร่เสมา ฯลฯ
    เริ่มพิธีพุทธาภิเษกตลอด ปี 2534 ดังนี้
    ครั้งที่ 1 วันที่ 9 ม.ค.2534 หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม ปลุกเสกเดี่ยว
    ครั้งที่ 2 วันที่ 9 ก.พ.2534 หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จังหวัดนครปฐม ปลุกเสกเดี่ยว
    ครั้งที่ 3 วันที่ 9 ม.ค.2534 หลวงพ่อเกษม สำนักสุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง ปลุกเสกเดี่ยว
    ครั้งที่ 4 วันที่ 9 เม.ย.2534 หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จังหวัดสิงห์บุรี ปลุกเสกเดี่ยว
    ครั้งที่ 5 วันที่ 9 พ.ค.2534 หลวงพ่อจรัล วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี ปลุกเสกเดี่ยว
    ครั้งที่ 6 วันที่ 9 มิ.ย.2534 หลวงปู่หล้าตาทิพย์ วัดป่าตึง จังหวัดเชียงใหม่ ปลุกเสกเดี่ยว
    ครั้งที่ 7 วันที่ 9 ก.ค.2534 หลวงปู่ทองมา วัดสว่างท่าสี จังหวัดร้อยเอ็ด ปลุกเสกเดี่ยว
    ครั้งที่ 8 วันที่ 9 ส.ค.2534 หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญสูข จังหวัดสิงห์บุรี ปลุกเสกเดี่ยว
    ครั้งที่ 9 วันที่ 9 ก.ย.2534 หลวงพ่ออุตมะ วัดวังวิเวการาม จังหวัดกาญจนบุรี ปลุกเสกเดี่ยว
    ครั้งที่ 10 วันที่ 9 ต.ค.2534 หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จังหวัดนครราชสีมา ปลุกเสกเดี่ยว
    ครั้งที่ 11 วันที่ 9 พ.ย.2534 มหาพุทธาภิเษกที่วัดอรุณราชวราราม โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ พร้อมเกจิอาจารย์จากทั่วประเทศอีก 108 รูป
    ครั้งที่ 12 วันที่ 10 ธ.ค.2534 มหาพุทธาภิเษกที่มณฑณท้องสนามหลวงโดยมี สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร เสด็จเป็นองค์ประธานจุดเทียนชัยพร้อมด้วยเกจิอาจารย์ทั่วประเทศจำนวน 108 รูปเจริญสมาธิพุทธาภิเษก อาทิ
    1.) สมเด็จพระสังฆราช(สมเด็จวาส) วัดราชบพิตรฯ
    2.) สมเด็จพระญาณสังวร วัดบรวนิเวศวิหาร ( พระสังฆราชองค์ต่อมา
    3.) สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา
    4.) สมเด็จพระวันรัด วัดโสมนัสววิหาร
    5.) สมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดปธุมคงคา
    6.) พระพรหมคุณาภรณ์ (สมเด็จพุฒาจารย์เกี่ยว)วัดสระเกศ (รักษาการองค์พระสังฆราช)
    7.) พระมหาวีระ ถาวะโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)
    8.) พระอาจารย์ชื้น พุทธสาโร วัดญาณเสน
    9.) หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
    10.) พระครูสันติวรญาณ (หลวงปู่สิม) วัดถ้ำผาปล่อง
    11.) พระอุดมสังวรเถร (หลวงพ่ออุตตะมะ) วัดวังค์วิเวการาม เทพเจ้าแห่งสังขระบุรี
    12.) พระครูฐาปนกิจสุนทร (หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ
    13.) พระครูปริมานุรักษ์ (หลวงพ่อพูล) วัดไผ่ล้อม
    14.) หลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก
    15.) พระครูเกษมธรรมนันท์ (หลวงพ่อแช่ม) วัดดอนยายหอม เป็นต้น
    และสมเด็จพุทธโฆษาจารย์วัดสามพระยาเป็นประธานดับ เทียนชัย
    โดยทหาร,หมอ,พญาบาลทุกคนที่ได้รับมอบให้เป็นของป้องกันตัวที่ประเทศติมอร์ทุกๆ คนกลับมาด้วยความปลอดภัยไม่มีใครได้รับอันตราย
    อ้างอิง : มูลนิธิธรรมชีวิน
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250312_150900.jpg IMG_20250312_150941.jpg IMG_20250312_151004.jpg
     
  6. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,176
    ค่าพลัง:
    +1,213
    โอนแล้วครับ 31/05/68 จำนวน 230 บ.เวลา 08.09 น.จัดส่งที่เดิมครับ
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,211
    ค่าพลัง:
    +21,388
    FB_IMG_1743082706096.jpg

    “ไม่ปรารถนาเอาเลือด เอาเนื้อผู้อื่น มาเป็นเลือดเนื้อตัวเอง
    ประวัติและปฏิปทา
    หลวงพ่อสุทัศน์ โกสโล
    วัดกระโจมทอง
    ต.วัดชลอ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
    หลวงพ่อสุทัศน์ โกสโล ถือกำเนิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๖ มกราคม ๒๔๗๘ ปีกุน ในตระกูลชาวนา เป็นบุตรของนายพรหม และนางพันธ์ ตามภานนท์ ซึ่งเป็นนามสกุลที่ได้รับพระราชทานเมื่อสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ในจำนวนพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๗ คน ท่านเป็นคนที่ ๖ ณ ต.ท่าพญา อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ด้วยบิดาของท่านเป็นพระภิกษุถึง ๒๐ พรรษา เป็นพระนักเทศน์ที่ได้รับความเคารพนับถือจากภิกษุอื่น นอกจากนั้นยังเป็นสมภารปกครองหลายวัด ถึงแม้ว่าโยมบิดาจะสึกมามีครอบครัวแล้วก็ตาม พระภิกษุอื่นก็ยังเคารพโยมบิดาในฐานะของอาจารย์เสมอมา โยมบิดาท่านปฏิบัติตัวอยู่ในศีลในธรรมเสมอๆ ประกอบทั้งได้อบรมลูกๆ ให้มีความเคารพต่อพระบรมศาสดา สอนให้ละการเบียดเบียนบุคคลอื่นด้วยกาย วาจา และใจ และชี้แนะแนวทางในการช่วยเหลือมนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยากด้วยพรหมวิหาร ๔
    ธรรมะเกิดในราวปีพุทธศักราช ๒๔๘๘ ขณะที่ท่านอยู่ระหว่างการศึกษาเล่าเรียนนั้นได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ขึ้น หลังจากสงครามสงบลงใหม่ๆ ภายในหมู่บ้านได้เกิดอาการไข้แพร่เชื้อติดต่อกัน ในจำนวนผู้เป็นไข้นั้นมีตัวท่านเอง น้องชายของท่าน เพื่อนเล่นของท่านและเด็กคนอื่นๆ แต่ก็ไม่มียามารักษา เพราะว่าหลังสงครามขณะนั้นยาหายากมาก อาการไข้ของน้องชายและเพื่อนของท่านทวีขึ้นอย่างรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ และถึงแก่ความตายในที่สุด ความตายนี้มาพรากน้องชายและเพื่อนของท่าน ทำให้ท่านเสียใจอย่างสุดซึ้ง ได้บังเกิดเป็นสิ่งมหัศจรรย์สิ่งหนึ่งเข้ามาในจิตใจของท่าน
    ในขณะที่ใคร่ครวญพิจารณาศพเพื่อนและน้องชายด้วยใจจดใจจ่อ ได้บังเกิดเป็นฝ้าขาวบางแผ่กระจายไปทั่วบริเวณและได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อนเดินผ่านหน้าท่านไปอย่างช้าๆ ทำให้ท่านหวนคิดไปว่า ผู้หญิงคนนั้นเขามีสิ่งใด เขาจึงเดินได้ เคลื่อนไหวได้ แล้วเพื่อนของเราขาดสิ่งใด จึงเคลื่อนไหวไม่ได้ ในขณะที่คิดพิจารณาอยู่กับการตายของน้องและเพื่อนนั้น จิตเริ่มค่อยๆ ลงสู่ความสงบพร้อมกับฝ้าขาวค่อยๆ หนาขึ้น หนาขึ้น จนกระทั่งเห็นสีขาวเต็มไปหมด นานเท่าไรไม่ทราบได้ จิตจึงเริ่มถอนออกมา รับรู้สภาพภายนอก ทบทวนย้อนหลังกลับไปถึงสาเหตุของสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับความคิดที่พิจารณาถึงความตาย หลังจากนั้นเป็นต้นมาในดวงใจของท่านเหมือนมีสิ่งมาดลใจไปให้ท่านอยากบวชเสมอมา
    กุศลดลใจ สิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจอีกสิ่งคือ เสียงเด็กร้องไห้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ถ้าท่านได้ยินเมื่อไร จะทำให้เกิดอาการเจ็บปวดเหมือนถูกกรีดด้วยมีดคม ต้องหลีกให้ไกลเท่าที่จะไกลได้ จนไม่ได้ยินเสียง มูลเหตุนี้ทำให้ท่านคิดว่า สมมติว่าเราแต่งงานมีลูก ถ้าลูกร้องแล้วเราเจ็บปวดอย่างนี้ เราจะเข้าไปหาลูก หรือเราจะหนีลูก ได้รับคำตอบมาทันทีว่า เราต้องหนี และถ้าเราหนีขณะที่ลูกร้องจะตาย ใคร ๆ เขาจะว่าเราบ้า เพราะมันไม่ใช่พ่อคนแล้ว พ่อสัตว์แน่ๆ
    เมื่อท่านพิจารณาเช่นนั้น ท่านจึงตั้งปณิธานไว้ว่าจะไม่ขอแต่งงานเด็ดขาด ยิ่งเป็นการสนับสนุนความคิดเดิมที่จะบวชให้ทวียิ่งขึ้นไปอีก หลังจากนั้นมา ท่านก็ขอฝากตัวเป็นศิษย์ของพระครูประภาส ภูมิสถิต วัดคงคาสวัสดิ์ ที่ท่านเล่าเรียนหนังสืออยู่ ได้ติดสอยห้อยตามพระครูไปในสถานที่ต่างๆ ในกรณีที่ท่านมีกิจนิมนต์เทศน์ และปรนนิบัติท่านพระครูด้วยดี ในยามว่างจากการปรนนิบัติแล้ว ท่านพระครูมักจะไล่ให้ท่านลงไปพิจารณากรรมฐาน โดยให้พิจารณา ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ทุกๆ คืน นอกจากนี้ ท่านยังได้ศึกษาด้านปริยัติและได้นำบทเรียนที่เกี่ยวกับการทำกสิณมาปฏิบัติจนกระทั่งท่านมีความชำนาญในฝ่ายสมถะมากพอสมควร
    ในปีพุทธศักราช ๒๕๐๒ ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดคงคาสวัสดิ์ ต.คงคาสวัสดิ์ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช โดยมี ท่านพระครูประภาส ภูมิสถิต เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์เจิม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระปลัดเกตุ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้อยู่ศึกษาด้านพระปริยัติธรรม ๑ ปี แล้วย้ายไปอยู่วัดวิชิตสังฆาราม ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อศึกษาทางด้านภาษาบาลี แต่เรียนไม่จบ เนื่องจากท่านเป็นเนื้องอกในจมูก จึงได้กลับมาศึกษานักธรรมเอกที่วัดคงคาสวัสดิ์ดังเดิม และออกธุดงค์ในเวลาต่อมา
    ราวปีพุทธศักราช ๒๕๐๕ หลังจากที่ท่านและสหายได้เดินทางกลับจากธุดงค์ เพื่อจะสอบนักธรรมและสอบได้ในคราวนั้นแล้ว ปีนั้นได้เกิดวาตภัยครั้งใหญ่ที่แหลมตะลุมพุก ที่ อ.ปากพนัง เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิตคนสัตว์อย่างมากมาย มีการทยอยนำศพมาตั้งไว้ที่วัดคงคาสวัสดิ์นั้นมากมายเต็มศาลา ทำให้ท่านรำพึงว่า “มนุษย์เราไม่ว่าจะมีตำแหน่งใหญ่โต ร่ำรวยมหาศาล สวยหรืองาม ทุกข์ยากลำเข็ญเพียงใด ก็หนีความตายไม่พ้น เมื่อตายแล้วก็เอาอะไรไปไม่ได้ เกิดตายเช่นนี้ไม่รู้กี่ร้อยกี่พันชาติ ศีล สมาธิ และปัญญาเป็นทางไปแห่งความไม่ตายที่นิจนิรันดร์” เสียงหนึ่งผุดกังวานขึ้นในใจ เป็นเหตุให้ท่านเบื่อหน่ายต่อความเกิด มุ่งที่จะปฏิบัติอย่างเต็มกำลัง
    เมื่อดำริเช่นนั้นแล้วจึงได้จัดเตรียมบริขาร และชักชวนพระสหายออกเดินธุดงค์แถบป่าเขา จ.นครศรีธรรมราช อีกครั้ง ท่านได้ไปลาโยมพ่อ โยมพ่อแสดงความห่วงใยและแนะนำให้ไปนมัสการพระบรมธาตุ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ก่อนออกเดินทาง ท่านก็ได้รับปาก จังหวะเดียวกันนั้นท่านได้รับนิมนต์ให้ไปฉันที่วัดทับโคก และได้พบกับท่านพระอาจารย์อุดม สมถกิจ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดนั้น ท่านได้บอกความตั้งใจที่จะธุดงค์ พระอาจารย์อุดมก็เห็นดีด้วย เพราะคำนึงถึงผลที่จะได้รับจากการธุดงค์ พร้อมกันนั้นพระอาจารย์อุดมได้แนะนำให้ท่านเดินทางไปกราบนมัสการพระอาจารย์ใหญ่ ธัมมธโร ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่วัดชายนา หาแนวทางในการปฏิบัติไว้เป็นพื้นฐานเสียก่อนจะไปธุดงค์ พระอาจารย์สุทัศน์ก็เห็นด้วยกับคำแนะนำนั้น ได้เป็นศิษย์รุ่นแรกของพระคุณอาจารย์ใหญ่ ธัมมธโร พระครูภาวนานุศาสก์
    ในวันมาฆบูชานั่นเอง เป็นวันที่หลวงพ่อสุทัศน์ และพระอาจารย์บัญญัติ ได้เดินทางไปทำการนมัสการพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช ด้วยการเวียนเทียนและเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางอีกที่หนึ่งคือวัดชายนา ครั้งแรกที่ท่านพบพระคุณอาจารย์ใหญ่ ธัมมธโร ขณะนั้นท่านกำลังทำการสอบอารมณ์แม่ชีอยู่และได้มีการการไต่ถามข้อที่กล่าวด้วยมรรคมีองค์ ๘ โดยพระอาจารย์ใหญ่เป็นผู้ถามและแม่ชีน้อยเป็นผู้ตอบ
    หลวงพ่อสุทัศน์ท่านยืนฟังและพิจารณาตามจนจิตเกิดความสงบนึกนิยมชมชอบในตัวพระคุณอาจารย์ใหญ่และคำตอบของแม่ชีน้อยที่โต้ตอบไป พลางรำพึงในใจว่า เราเรียนนักธรรมมายังตอบไม่ได้ลึกซึ้งอย่างนี้เลย เมื่อได้โอกาสแล้ว พระอาจารย์สุทัศน์จึงเข้ากราบเรียนจุดประสงค์ในการเดินทางมาครั้งนี้ ซึ่งพระคุณอาจารย์ใหญ่ก็รับด้วยความยินดี พร้อมกับแจงการปฏิบัติของท่านว่า
    “การปฏิบัติให้จับอิริยาบถทั้ง ๔ คนเรามี การยืน การเดิน การนั่ง การนอน ทุกคน แต่ไม่มีใครเลยที่ตามจับความรู้สึกในอิริยาบถทั้ง ๔ ให้ใช้ความเพียรพยายามในการติดตาม อย่าย่อท้อ”
    อุบายการสอนของพระคุณอาจารย์ใหญ่สอนเพียงสั้นๆ แต่กินใจของหลวงพ่อสุทัศน์อย่างลึกซึ้ง เหมือนหนึ่งส่องไฟที่มีดให้สว่าง หงายของคว่ำให้แจ้ง บังเกิดศรัทธาอย่างแรงกล้า ได้ให้สัจจะต่อหน้าพระคุณอาจารย์ใหญ่ว่า“ตราบใดที่ผมได้ปฏิบัติอยู่ในสำนักนี้ ถ้าไม่แจ้งในขันธ์ ๕ นี้จะไม่ขอพูดกับใคร” ท่านได้ตั้งใจปฎิบัติโดยมีพระคุณอาจารย์ใหญ่คอยเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด จนท่านพิจารณาเห็นว่าท่านพอจะมีสติและปัญญาเป็นเครื่องคุ้มครองตัวได้ พร้อมกับมีศรัทธาเชื่อมั่นในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างสูงยิ่ง ท่านจึงปรารถนาที่จะไปนมัสการพระเจดีย์ชเวดากองที่ประเทศพม่า ที่เชื่อว่ามีพระเกศาของพระพุทธองค์ประดิษฐานอยู่ จึงได้ออกธุดงค์พร้อมพระสหายในปีพุทธศักราช ๒๕๐๖ นั่นเอง

    ๏ รับหน้าที่ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดกระโจมทอง
    ปีพุทธศักราช ๒๕๐๘ ท่านกลับจากธุดงค์ในประเทศพม่า โดยได้ไปกราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ณ พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง เมืองย่างกุ้ง แล้ว ท่านก็ได้เข้ากราบนมัสการ พระครูประภาส ภูมิสถิต และเดินทางเข้ากราบพระคุณ ท่านพระอาจารย์ใหญ่ ธัมมธโร แล้วได้รับมอบหมายจากท่านพระอาจารย์ใหญ่ ธัมมธโร ให้ช่วยฝึกอบรมพระภิกษุและฆราวาส ณ วัดอัมพวัน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
    ปีพุทธศักราช ๒๕๑๒ หลวงพ่อสุทัศน์เป็นกำลังสำคัญร่วมกับพระคุณอาจารย์ใหญ่ ธัมมธโร จัดประชุมสัมมนาพระวิปัสสนาจารย์ทั่วประเทศครั้งที่ ๑ โดย สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ)ขณะดำรงตำแหน่งเป็น สมเด็จพระวันรัตน ประธานเมตตาเปิดการประชุมครั้งนี้ เป็นไปเพื่อการเผยแพร่และยืนยันการเจริญวิปัสสนากรรมฐานในแนวสติปัฏฐาน ๔ ถือเป็นจุดเริ่มที่น่าภูมิใจ
    ปีพุทธศักราช ๒๕๑๒ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ) ขณะดำรงตำแหน่งเป็น สมเด็จพระวันรัตน ได้ประทานพื้นที่รกร้าง มีโบราณสถานเป็นลักษณะโบสถ์ มีพระพุทธรูป ๓ องค์ สันนิษฐานว่าเป็นโบราณสถานสมัยอู่ทองยุคต้น ให้แก่พระคุณอาจารย์ใหญ่ ธัมมธโร เพื่อพิจารณาพัฒนาให้เป็นสถานที่เพื่อการเผยแผ่การปฏิบัติธรรมและให้เป็นที่พึ่งพิงแก่ชาวบ้าน พระคุณอาจารย์ใหญ่ ธัมมธโร จึงมอบหมายให้หลวงพ่อสุทัศน์ ศิษย์คนสำคัญเป็นเจ้าอาวาสวัดนั้น ซึ่งก็คือ วัดกระโจมทอง จ.นนทบุรี จนถึงปัจจุบัน
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จหลังรูปเหมือนหลวงพ่อสุทัศน์วัดกระโจมทอง
    หลวงพ่อสุทัศน์ โกสโล วัดกระโจมทอง บางกรวย นนทบุรี ท่านเป็นพระปฏิบัติที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยอย่างมาก สงบและเพียบพร้อมด้วยความงดงามแห่งศีลอย่างยิ่งนัก เป็นพระผู้ไม่ปรารถนาเบียดเบียนสรรพสัตว์
    ดังความตอนหนึ่งในหนังสือที่เขียนว่า
    “ไม่ปรารถนาเอาเลือด เอาเนื้อผู้อื่น มาเป็นเลือดเนื้อตัวเอง
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ๒ องค์คู่
    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20250327_203929 (1).jpg IMG_20250327_203948 (1).jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 พฤษภาคม 2025 at 14:20
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,211
    ค่าพลัง:
    +21,388
    FB_IMG_1748605701016.jpg

    เหรียญหลวงพ่อยัง(บุญยัง) เป็นเหรียญที่ปลุกเสกโดย หลวงพ่อมหาโพธิ์ วัดคลองมอญ จ.ชัยนาท สร้าง ปี 2532 เนื้อทองแดง
    หลวงพ่อยัง(บุญยัง) คงคสโร วัดหนองน้อย ท่านเป็นศิษย์ก้นกุฏิใกล้ชิดหลวงปู่ศุข วักปากคลองมหาเฒ่า จ.ชัยนาท หลวงพ่อบุญยังท่านสำเร็จวิชาในตำราพุทธคุณของหลวงปู่ศุข โดยภายหลังท่านก็ถ่ายทอดให้กับหลวงพ่อมหาโพธิ์ วัดคลองมอญ ซึ่งเป็นหลานชายแท้ๆของท่าน
    เหรียญรุ่นนี้ หลวงพ่อมหาโพธิ์ สร้างใน ปี 2532 โดยสร้างต่อจากเหรียญหลวงปู่ศุขซึ่งสร้างมาก่อน ใน ปี 2531 ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อยังผู้เป็นอาจารย์ ด้านหลังประทับยันต์ครู ยันต์ที่มีคุณวิเศษและสำคัญในสายวัดมะขามเฒ่า
    กล่าวได้ว่า หลวงพ่อมหาโพธิ์ ท่านเป็นศิษย์สายตรงรูปสุดท้าย ของ หลวงปู่ศุข วักปากคลองมหาเฒ่า
    มีให้เลือกพิจารณา2 เหรียญครับ

    เหรียญละ 270 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    FB_IMG_1748605741629.jpg FB_IMG_1748605744690.jpg
    .

    FB_IMG_1748605682957.jpg FB_IMG_1748605686210.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...