วัตถุมงคล หลายสาย พระกรรมฐาน และเครื่องราง ปี๒๐๒๔ เริ่มหน้า 44 ราคาพิเศษก่อนปีใหม่ ถึง 25/12/67

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย nick2424, 14 สิงหาคม 2019.

  1. nick2424

    nick2424 สมาชิกใหม่ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    841
    ค่าพลัง:
    +12
    พระขุนแผน เนื้อพุทธรักษา
    หลวงปู่แสง ญาณวโร
    เปิดให้บูชา 3950 บาท

    เนื้อหามวลสาร

    มวลสารของพระผงฤทธิ์โชค ได้รวบรวมชนวนมวลสารคณาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ เพื่อนำมาผสมลงไปเอาเนื้อนำไปหุงและหมักเนื้อตามแบบโบราณ ทำให้ได้เนื้อที่สวยแน่นและนุ่มตาเป็นอย่างมาก โดยไม่มีส่วนผสมของเคมี สี หรือกาวใดๆทั้งสิ้น ผงฤทธิ์โชคแบ่งแยกออกเป็น 2 เนื้อ คือ เนื้อเม็ดพุทธรักษาและเนื้อกะลามหาอุตม์ ซึ่งเป็นเนื้อที่มีคุณวิเศษในตัวอยู่แล้ว ยิ่งได้รับการอธิษฐานจิตโดยหลวงปู่แสง จันดะโชโต ยิ่งทำให้ชุดพระผงฤทธิ์โชคนี้ มีพุทธคุณครอบจักรวาล ทั้งมหาลาภ มหาอุตม์ ปกป้องภัย กันเสนียดจัญไร แก้ดวงตก ผู้ใดมีไว้ติดตัวชีวิตจะมีแต่ความสุข ความร่มเย็น และความเจริญรุ่งเรือง

    เนื้อพุทธรักษา
    นอกจากมวลสารอันศักดิ์สิทธิ์แล้ว มวลสารหลักที่ได้นำมาเป็นเนื้อตั้งต้นคือ เม็ดพุทธรักษา ตามโบราณได้กล่าวไว้ว่า เม็ดพุทธรักษาเป็นเม็ดไม้มงคลที่มีฤทธิ์อยู่ในตัว มีพุทธคุณปกป้องสิ่งเลวร้ายและรักษาความเป็นมงคลไว้ โดยไม่มีอำนาจใดๆมาตัดรอนหรือลบล้างได้ นอกจากอำนาจของกฏแห่งกรรมเท่านั้น ผู้ใดมีไว้ครอบครองจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองด้วยลาภยศ สุข การสร้างพระสมัยโบราณจะนิยมกันมากไม่ว่าจะเอามาตำแล้วผสมลงไปในเนื้อพระ ส่วนที่จะเอาเม็ดพุทธรักษามาบดทำเป็นเนื้อหลักหรือเนื้อตั้งต้นเป็นองค์พระนั้นแทบจะไม่เจอเลย เนื่องจากเม็ดพุทธรักษานี้หาได้ยากมากในหลายร้อยหลายพันต้นจะหาต้นที่ออกเป็นเม็ดนั้นยากมาก โดยส่วนมากแล้วจะเอาเม็ดพุทธรักษามาทำเป็นประคำหรือเอามาทำเป็นเม็ดกริ่ง บรรจุลงไปในองค์พระมากกว่าเช่น พระกริ่งคลองตะเคียนเป็นต้น

    เม็ดพุทธรักษา นี้ หลวงปู่แสงท่านได้อธิษฐานจิตให้ไว้เมื่อปีพ.ศ.2558 ที่วัดป่าดงสว่างธรรมและได้อธิษฐานจิตอีกครั้งเมื่อปีพ.ศ.2559 ที่วัดป่าวิมุติธรรม ก่อนที่จะนำมาบดเป็นมวลสารในการทำพระผงชุดนี้ เท่ากับว่า พระผงเนื้อพุทธรักษาได้รับการอธิษฐานจิตจากหลวงปู่ 2 ครั้ง และในวันถวายอีกครั้ง เท่ากับว่าเนื้อพุทธรักษาได้รับการอธิษฐานจิต 3 วาระ



    เนื้อกะลามหาอุตม์

    อีกหนึ่งมงคลที่มีฤทธิ์ในตัวคือ กะลาไม่มีตา และ ไม่มีปาก จัดได้ว่าหายากที่สุด ซึ่งเรียกกันว่า กะลามหาอุตม์แต่ พุทธคุณมหาลาภ ในลูกมะพร้าวหนึ่งแสนถึงหนึ่งล้านลูก จะเจอกะลามหาอุตม์แบบนี้เพียง 1-2 ลูกเท่านั้น หายากมากกว่ากะลาตาเดียวหลายเท่านัก

    พุทธคุณนั้นเด่นมากทางด้านโชคลาภ ค้าขาย เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ มีคุณให้ลาภแก่ผู้ครอบครองสูงมาก ใช้แก้ดวงตกได้ผลชะงัด กะลามหาอุตม์หายากมากกว่ากะลาตาเดียวมาก พุทธคุณจึงโดดเด่นและมากกว่ากะลาตาเดียวหลายเท่าคูณทวี

    คณาจารย์ในสมัยก่อนนิยมนำมาเป็นเครื่องรางของขลัง ของมงคลที่มีไว้ติดตัวหรือเอาไว้ที่บ้าน การที่จะได้ครอบครองวัตถุมงคลที่ทำจากเนื้อกะลามหาอุตม์ ต้องเป็นผู้มีบุญวาสนาเท่านั้น เช่น พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์

    เนื้อกะลามหาอุตม์นี้ได้นำมาขูด บด หุง ตำ ตาก และหมักตามตำราการผสมเนื้อแบบโบราณจากนั้นนำมวลสารศักดิ์สิทธิ์จากคณาจารย์ทั่วประเทศมาผสมลงไป ส่วนตัวผสานได้ใช้น้ำผึ้งและรักน้ำเกลี้ยงเป็นตัวผสานเนื้อ หรือที่เรียกว่า เนื้อผงคลุกรัก

    หลังจากนั้นได้นำจีวรคลองกายหลวงปู่ใส่คลุกเคล้าเข้ากับเนื้อ แล้วนำมากดเป็นองค์พระ ส่วนด้านหลังได้ฝังตะกรุดทองคำคู่ไว้ทุกองค์ เนื้อกะลามหาอุตม์จะมีแต่ในพิมพ์ขุนแผนเท่านั้น
    และนอกจากชนวนมวลสารที่กล่าวมาข้างต้นแล้วนั้น พระทุกองค์ยังได้ใส่ชนวนมวลสารและผงศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ เพิ่มเติมลงไปด้วย เช่น

    มวลสารศักดิ์สิทธิ์
    1.สมเด็จบางขุนพรหม 09 2.สมเด็จบางขุนพรหม 17 3.สมเด็จวัดระฆัง 100 ปี 4.สมเด็จหลวงปู่ลำภู 5.สมเด็จหลวงปู่หินวัดระฆัง 6.พระวัดปราสาทบุญญาวาสปี 06 7.สมเด็จไพ่ตองหลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา 8.พระผงหลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอม 9.พระภูทราวดีปี 06 10.พระผงหลวงปู่หมุน 11.พระผงหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ 12.พระผงหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง 13.พระผงหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง 14.พระสมเด็จไผ่รุ่น 1 หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม 15.พระผงหลวงพ่อเกษม เขมโก 16.พระผงอาจารย์ฝั้นหลายรุ่น 17.พระผงหลวงปู่มั่น ทัตโต 18.พระผงหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี 19.พระผงหลวงปู่คำพันวัดธาตุมหาชัย 18.พระหูไห สมัยอยุธยา 19.พระผงหลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง 20.พระผงหลวงปู่แหวน หลายรุ่น 21.ผงพุทธคุณหลวงปู่ดู่ วัดสะแก 22.พระผงรวมของอาจารย์สุธัน สุนทรเสวีย์

    ผงศักดิ์สิทธิ์
    1.ผงธูปหลวงปู่แสง 2.ผงดินใจกลางองค์พระปฐมเจดีย์ 3.ผงไม้กุฏิอาจารย์มั่น 4.ผงแร่ศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อสมบูรณ์ 5.กาฝากไม้มงคล 6.ข้าวตอกพระร่วงบนพระแท่นดงรัง 7.แร่เกาะล้าน 8.แร่เหล็ก
    น้ำพี้ 9.แร่ขี้เหล็กไหลภูวัง 10.แร่เหล็กเปียก 11.ผงตะไบเหรียญหล่อแสงจันทร์ 12.สีผึ้งหลวงปู่แสง
    13.จีวรคลองกายหลวงปู่แสง 14.เกศาหลวงปู่แสง

    วันอธิษฐานจิต

    พระผงฤทธิ์โชคได้รับการเมตตาอธิษฐานจิตจากหลวงปู่แสง จันดะโชโต ใน วันพุธที่ 6 มิ.ย. 2561

    ในช่วงบ่าย หลวงปู่ท่านได้เมตตาแจกลูกศิษย์และคณะญาติโยมในวันนั้นเลย



    จำนวนการสร้าง

    พระสมเด็จพุทธะรักษา (เนื้อพุทธรักษา) 43 องค์
    พระขุนแผนพุทธะรักษา (เนื้อพุทธรักษา) 303 องค์
    พระขุนแผนฤทธิ์โชค (เนื้อกะลามหาอุตม์หลังตะกรุดทองคำคู่ ) 23 องค์

    พระชุดนี้ผู้ใดที่ได้ไปครอบครอง ขอให้ตั้งมั่นด้วย “คุณธรรม” พุทธคุณในพระผงฤทธิ์โชค จะหนุน
    นำและดลบันดาลให้อุดมไปด้วย โภคทรัพย์ และ โชคลาภ ชีวิตจะมีแต่ความสุขความร่มเย็น ปัดเป่า
    ภัยพิบัติต่างๆ นานา สมกับชื่อ พระผงฤทธิ์โชค

    เครดิตข้อมูล :ศิษย์ล่ำซำ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. nick2424

    nick2424 สมาชิกใหม่ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    841
    ค่าพลัง:
    +12
    ❌❌ปิดแล้วครับ❌❌
     
  3. nick2424

    nick2424 สมาชิกใหม่ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    841
    ค่าพลัง:
    +12
    พระชัยวัฒน์ ตาณังกโร เนื้อนวะโลหะแก่ทองคำ
    หลวงปู่ลี ตาณังกโร วัดหัวตลุกวนาราม จ.นครสวรรค์ ที่ระลึกเยือนสังเวชนียสถานทั้ง 4

    จำนวนสร้าง
    เนื้อทองคำ 9 องค์
    เนื้อเงิน 88 องค์
    เนื้อนวะโลหะแก่ทองคำ 168 องค์

    ลูกศิษย์ขออนุญาตจัดสร้าง เพื่อนำปัจจัยจากการบูชา เป็นปัจจัยดูแลธาตุขันธ์หลวงปู่
    อธิษฐานจิตในช่วงเดือน พฤษภาคม 66 ที่ผ่านมา

    บูชา 2350 รวมค่าส่งแล้วครับ

    หลวงปู่ลี ตาณํกโร
    หลวงปู่ลี ตาณํกโร มีนามเดิมว่า ลี นามสกุล ถุวัตถี เกิดเมื่อ วันเสาร์ที่ ๖ มกราคม พ.ศ.๒๔๗๙ ตรงกับวันขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๒ ปีฉลู ณ บ้านเลขที่ ๒๔ หมู่ที่ ๒ บ้านนาฝายเหนือ ตำบลบัวเงิน อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ท่านเป็นชาวอำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่นโดยกำเนิดและท่านเป็นน้องชายของหลวงปู่พุฒ สำนักสงฆ์บ้านนาสายเหนือ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ภายหลังหลวงปู่ลี เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ท่านเริ่มรับผิดชอบช่วยเหลือครอบครัวตามวิถีชีวิตคนชนบทในภาคอีสานและอายุพอสมควรจึงบรรพชาเป็นสามเณร

    นับจากในช่วงเริ่มต้นของชีวิตในบวรพระพุทธศาสนา ท่านมีโอกาสดีได้ถวายตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อทองสุข วัดป่าบ้านหนองโน อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นสำนักวิปัสสนาธุระและหลวงพ่อทองสุขท่านก็เป็นศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เช่นกัน ดังนั้นการเริ่มต้นในเพศบรรพชิตท่านก็เริ่มต้นกับอาจริยสงฆ์ด้วยพื้นฐานที่ดีเยี่ยมนับตั้งแต่ก้าวแรก

    ระหว่างนั้นสามเณรลี ท่านได้พักปฏิบัติธรรม ณ ป่าช้าบ้านหนองโนนั่นเอง กระทั่งครบอายุจึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์สังกัดธรรมยุติกนิกาย ณ วัดสุรพิมพาราม อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี หลังจากนั้นหลวงปู่ลี ตาณํกโร ได้ธุดงควัตรไปยังสถานที่ต่างๆ ในภาคอีสาน, ภาคกลาง, ภาคเหนือ และอีกหลายๆ แห่ง ซึ่งการธุดงควัตรคือ บุญฤทธิ์หรือความสำเร็จด้วยบุญอย่างหนึ่ง เนื่องจากท่านมีโอกาสปรนนิบัติและศึกษาธรรมปฏิบัติกับบรรดาพระอริยสงฆ์ศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ดังกล่าว

    ท่านเคยได้ศึกษาอบรมธรรมกับพ่อแม่ครูอาจารย์หลายรูป เช่น หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี , หลวงปู่ขาว อนาลโย , หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ , หลวงปู่ทอง อโสโก , หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร , หลวงปู่แว่น ธนปาโล เป็นต้น หลวงปู่ลี ท่านมีปฏิปทาและวัตรปฏิบัติที่เรียบง่าย สันโดษ ทำอะไรทำจริง รวดเร็ว กระชับฉับไว มุ่งมั่น กล้าหาญ เด็ดเดี่ยว และเปี่ยมด้วยเมตตาอย่างที่สุดไม่มีประมาณ

    ในส่วนสหธรรมิกที่หลวงปู่ลี ตาณํกโร เคยกล่าวถึงสมัยที่ท่านปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานกับครูบาอาจารย์ข้างต้น ได้แก่ หลวงปู่คำไพ รักขิตตจิตโต วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย และพระอาจารย์อุทัย ฌานุตฺตโม (พระอาจารย์ติ๊ก) วัดป่าบ้านห้วยลาด อ.ภูเรือ จ.เลย

    อนึ่ง แม้หลวงปู่ลี ตาณํกโร ท่านจะเป็นพระสงฆ์สายวิปัสสนาธุระ แต่ด้วยความศรัทธาของบรรดาสานุศิษย์ จึงมักขออนุญาตสร้างวัตถุมงคลถวายวัดเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นกุศโลบายหนึ่งที่นำวัตถุมงคลมอบให้แก่ผู้ที่ร่วมอนุโมทนาบุญในการถวายปัจจัยทำนุบำรุงวัดหัวตลุกวนาราม กระทั่งวัตถุนิยมหลายๆ รุ่นของหลวงปู่ลี ตาณํกโร ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีผู้ประสบเหตุอภินิหารผ่านประสบการณ์แคล้วคลาดและได้เกิดความเมตตามหานิยมนานาประการ จนเป็นที่ปรารถนาของบรรดาลูกศิษย์ทั้งที่เป็นเซียนพระเครื่องและสาธุชนทั่วไปเพื่อนำไปบูชาติดตัวไว้เป็นสิริมงคลสืบต่อไป
    Cr . ข้อมูล 108 พระเกจิ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2023
  4. nick2424

    nick2424 สมาชิกใหม่ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    841
    ค่าพลัง:
    +12
    เหรียญ(หมดห่วง) รุ่นสรงน้ำ 2566 เนื้ออัลปาก้า
    วัดป่าธรรมสันติ อ.หางดง จ.เชียงใหม่
    จำนวนการสร้าง
    เหรียญหลวงปู่อินสม สุวีโร รุ่นสรงน้ำ
    1. เนื้อทองคำ 6 เหรียญ, นัมเบอร์ 1, 2, 3, 8, 9, หลังเรียบ 1 เหรียญ ไม่มีนัมเบอร์
    2. เนื้อเงิน 99 เหรียญ
    3. เนื้อนวะ 239 เหรียญ
    4. เนื้ออัลปาก้า 3,000 เหรียญ
    5. เนื้อตะกั่ว (กรรมการ 2 โค๊ต) 99 เหรียญ
    6. เนื้อดีบุก (กรรมการ 2 โค๊ต) 99 เหรียญ
    7. เนื้อทองแดงหลังเรียบ (กรรมการ 2 โค๊ต ไม่มีนัมเบอร์) 99 เหรียญ
    8. เนื้อตะกั่วลองพิมพ์ไม่ตัดปีก 9 เหรียญ
    9. เนื้อทองแดงลองพิมพ์ 2 เหรียญ
    รวมจำนวนเหรียญที่สร้างทั้งหมด 3,652 เหรียญ

    บล็อกเหรียญคณะผู้จัดสร้างได้ทำตำหนิบล็อกไว้ใต้ฐานองค์หลวงปู่ หลังจากทำเหรียญครบตามจำนวน

    บูชา 790 บาท รวมค่าส่งแล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2023
  5. nick2424

    nick2424 สมาชิกใหม่ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    841
    ค่าพลัง:
    +12
    6/7/66 ขออนุญาตเปิด

    พระกริ่งรุ่นแรกหลวงพ่อประสิทธิ์ วัดป่าหมูใหม่ เนื้อทองทิพย์ หมายเลข ๑๕๙๖ (ติดเกศาหลวงปู่)

    เปิด 3000 บาท รวมค่าส่งแล้วครับ

    วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง
    นำปัจจัยรายได้ทั้งหมดจากการทำบุญวัตถุมงคลชุดนี้บูรณะวิหารวัดศรีดอนชัย สำหรับท่านที่ร่วมทำบุญจองพระกริ่ง พระชัยวัฒน์นี้ถือว่าท่านได้ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพในการบูรณะวิหารของวัดศรีดอนชัย เพื่อให้สำเร็จลุล่วงสืบไป

    ชนวนสำคัญที่หล่อองค์พระกริ่ง พระชัยวัฒน์ รุ่นแรก ไตรมาส อธิษฐานจิต ๑ พรรษา ถ้วนไตรมาสปี ๒๕๕๐

    -ชนวนเททองหล่อพระเจ้าทันใจวัดร้องขุ้ม ซึ่งทำพิธีหล่อโดยหลวงพ่อประสิทธิ์ เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๔๙

    -ชนวนเททองหล่อพระประธาน ทำพิธีเททองโดยหลวงตามหาบัว ที่วัดป่าศาลาปางสัก

    -ชนวนเททองหล่อพระเจ้าทันใจวัดเจดีย์หลวง ทำพิธีเททองโดยหลวงตามหาบัว เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๙

    -ชนวนพระกริ่งหลวงปู่ครูบาเจ้าบุญปั๋น วัดร้องขุ้ม รุ่นเศรษฐีล้มลุก ปี ๒๕๔๓

    -ชนวนเททองหล่อพระมหาจักรพรรดิ, หลวงปู่ทวด, หลวงปู่ดู่, ของหลวงตาวรงคต วัดพุทธพรหมปัญโญ ปี ๒๕๔๒

    -ชนวนเททองหล่อพระเจ้าเพชรศีมุงเมือง วัดศรีมุงเมือง ซึ่งทำพิธีหล่อโดยหลวงพ่อเปลี่ยน เมื่อปี ๒๕๕๐

    -ชนวนพระกริ่งหลวงปู่ครูบาอิน อินโท วัดทุ่งปุย รุ่นไจยะเบ็งจร ปี ๒๕๔๕

    -ชนวนเททองหล่อพระเจ้าแสนล้าน วัดเจดีย์หลวง ทำพิธีเททองโดยหลวงปู่พระพุทธพจนวราภรณ์ เมื่อนวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๙

    -ชนวนเททองหล่อพระพุทธสิงหชัยวัฒน์ และรูปเหมือนหลวงปู่ครูบาหน้อย วัดบ้านปง ซึ่งทำพิธีหล่อโดยหลวงพ่อเปลี่ยน เมื่อปี ๒๕๕๐

    -ชนวนพระกริ่งวัดสุทัศนเทพวราราม หลายนุ่น หลายพิธี

    -เศษพระบูชาเนื้อโลหะสำริดเก่าจำนวนมาก

    -ทองจังโก๋พระธาตุแช่แห้ง

    -ทองจังโก๋พระธาตุดอยสุเทพ

    -ทองยอดฉัตรเจดีย์วัดร้องขุ้ม ๒ สมัย

    -ทองยอดฉัตรอุโบสถวัดร้องขุ้ม

    -แผ่นยันต์ ๑๐๘ นะปถมัง ๑๔

    -แผ่นยันต์มหาพิชัยสงครามดวงประสูติ ตรัสรู้ พระพุทธเจ้า

    -แผ่นทองคำ เงิน ทองแดง ตะกั่วจารหลวงพ่อประสิทธิ์ วัดป่าหมู่ใหม่

    -แผ่นยันต์จารหลวงปู่ครูบาน้อยวัดบ้านปง

    -หลวงปู่ครูบาบุญปั๋น วัดร้องขุ้ม

    -หลวงปู่ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง

    -หลวงปู่ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี

    -หลวงปู่ทอง วัดพระธาตุศรีจอมทอง

    -หลวงปู่ครูบามา วัดศิริชัยนิมิต

    -หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง

    -หลวงพ่อตัด วัดชายนา

    -หลวงปู่ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อน

    -หลวงปู่ครูบาจันทร์แก้ว วัดศรีสว่าง

    -หลวงปู่ครูบาอินตา วัดวังทอง

    -หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว

    -หลวงปู่ทิม วัดพระขาว

    -หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ

    -หลวงปู่สวัสดิ์ วัดศาสาปูน

    -หลวงพ่อรวย วัดตะโก

    -หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว

    -หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล่อม

    -หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน

    -หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ

    -หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังวิเวการาม

    -หลวงพ่อคูณ สัดบ้านไร่

    -หลวงปู่ตี๋ วัดหลวงราชาวาส

    -หลวงตาวรงคต วัดพุทธพรหมปัญโญ

    -หลวงปู่สังข์ วัดป่าอาจารย์ตื้อ

    -หลวงพ่อบัวเกตุ วัดป่าแม่ปาง

    -หลวงปู่ครูบาคำ วัดธรรมชัย

    -หลวงปู่ครูบาสิทธิ วัดปางต้นเดื่อ

    -หลวงปู่ครูบาแก้วมา วัดร่องดู่

    -หลวงปู่สุภา ภูเก็ต

    -หลวงปู่ครูบาตั๋น วัดม่อนปู่อิ่น

    -หลวงปู่ครูบาก๋องคำ วัดดอนเปา

    -หลวงพ่อประเสริฐ วัดพระพุทธบาทเวียงเหนือ

    -หลวงปู่ครูบาเผือก วัดไชยสถาน

    -ครูบาเจ้าจันทรังษี วัดกู่เต้า

    -หลวงปู่ครูบาอ่อน วัดสันต้นหวีด

    -หลวงปู่ครูบาคำปัน วัดนาแส่ง

    -หลวงปู่ครูมาสุข วัดป่าซางน้อย

    -หลวงปู่ครูบาบุญมา วัดช่างคำน้อย

    -หลวงปู่ครูบาคำปัน วัดพระธาตุม่อนเปี้ย

    -หลวงปู่ครูบาผดุง วัดป่าแพ่ง

    -หลวงปู่พระราชเจติยาจารย์ วัดเจดีย์หลวง

    -หลวงปู่ครูบาพรรณ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม

    -หลวงปู่ครูบาข่าย วัดหมูเปิ้ง

    -หลวงปู่บุญหนา วัดป่าโสตถิผล

    -หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่ากุง

    -หลวงพ่อเมือง วัดป่ามัชฌิมาวาส

    พิธีกรรม 8 วาระ

    วาระที่ 1
    วันที่ 30 พ.ค. 2550 เวลา 21.19 น. พิธีเททองหลอมชนวนหลวงพ่อประสิทธิ์ เป็นองค์เททอง ณ มณฆลพิธี วัดศรีมุงเมือง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่

    วาระที่ 2
    วันที่ 9 มิ.ย. 2550 พิธีปลุกเสกชนวน เข้าพิธี ณ. วัดบ้านปาง อ.ลี้ จ.ลำพูน หลวงพ่อประสิทธิ์ พร้อมพระมหาเถระเกจิอาจารย์สายครูบาศรีวิชัยจำนวนมากนั่งปรกอธิฐานจิต

    วาระที่ 3
    วันที่ 13 มิ.ย. 2550 พิธีปลุกเสกชนวน เข้าเข้าพิธี ณ วัดพญาวัด อ.เมือง จ.น่าน ะรัเกจิสายเขาอ้อ จำนวน 8 รูป นั่งปรกอธิฐานจิต

    วาระที่ 4
    วันที่ 12 ส.ค. 2550 พิธีปลุกเสกชนวน เข้าพิธี ณ วัดป่าดาราภิรมย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ หลวงพ่อประสิทธิ์ พร้อมพระคณาจารย์สายวัดป่า จำนวน 9 รูป นั่งปรกอธิฐานจิต

    วาระที่ 5
    วันที่ 14 ส.ค. 2550 พิธีปลุกเสกชนวน เข้าพิธี ณ วัดท่าจำปี อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ครูบาเจ้าดวงดี พร้อมพระคณาจารย์สายครูบาศรีวิชัยจำนวนมากนั่งปรกอธิฐานจิต

    วาระที่ 6
    วันที่ 28 ส.ค. 2550 เวลา 17.09 น. พิธีเททองหล่อพระกริ่งแบบโบราณ หลวงพ่อประสิทธิ์ เป็นองค์เททอง เฉพาะเนื้อนวะโลหะทั้งหมด ณ มณฑลพิธี วัดร้องขุ้ม อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่

    วาระที่ 7
    วันที่ 29 ก.ย. 2550 จนถึง วันที่ 23 พ.ย. 2550 หลวงพ่อประสิทธิ์อธิฐานจิตเดี่ยว ณ วัดป่าหมู่ใหม่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

    วาระที่ 8
    วันที่ 24 พ.ย. 2550 พิธีสมโภชพุทธาภิเษฏพระกริ่ง-พระชัย หลวงพ่อประสิทธิ์อธิฐานจิตเดี่ยว พร้อมพระคณาจารย์สายวัดป่าเจริญพระพุทธมนต์พุทธาภิเษก ณ อุโบสถวัดป่าหมู่ใหม่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. nick2424

    nick2424 สมาชิกใหม่ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    841
    ค่าพลัง:
    +12
    สนใจ สอบถาม ได้ครับ

    บัญชี ธ.ไทยพานิชย์ เลขที่ 4089834941
    พัชวรัตน์ หลวงยศ
    Id line : pawr2424
     
  7. nick2424

    nick2424 สมาชิกใหม่ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    841
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการนี้ปิดแล้ว
     
  8. nick2424

    nick2424 สมาชิกใหม่ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    841
    ค่าพลัง:
    +12
    พระสมเด็จ "ปุญญมากโร" เนื้อผง หลังอุดจีวร
    หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร
    ปี 55 จำนวนสร้าง 1900 องค์
    เปิด 650 บ. รวมส่ง ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2023
  9. nick2424

    nick2424 สมาชิกใหม่ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    841
    ค่าพลัง:
    +12
    Update ข้อมูลเลสพันล้าน ล่าสุด ครับ หลังจากปี 68 พระมหาอุโบสถเสร็จแล้ว จะเป็นตำนานในสายแน่นอน รุ่นแรก

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. nick2424

    nick2424 สมาชิกใหม่ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    841
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการนี้มีผู้บูชาแล้วครับ
     
  11. nick2424

    nick2424 สมาชิกใหม่ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    841
    ค่าพลัง:
    +12
    เหรียญสร้างบารมี ย้อนยุค ๒๕๑๙
    รุ่นพุทธคูณสยาม มหาลาภ เนื้อนวโลหะ
    ออกวัดใหม่อัมพวัน จ.นครราชสีมา ปี 54

    พิธีปลุกเสก 2 วาระ
    1.วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2554 โดย หลวงพ่อคูณ ณ วัดบ้านไร่
    2.วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2554 ปลุกเสก ณ วัดใหม่อัมพวัน

    วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง

    1. เพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุ วัดใหม่อัมพวัน

    2. เพื่อสมทบทุนสร้างโรงเรียนแก่เด็กยากไร้

    3. เพื่อเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กยากจน

    ราคา 1200 บาท พร้อมส่งอีเอ็มเอสครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2023
  12. nick2424

    nick2424 สมาชิกใหม่ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    841
    ค่าพลัง:
    +12
    เหรียญหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา รุ่นพรหลวงพ่อ ปีใหม่ ๒๕๓๗
    ราคาบูชา 590 บาท พร้อมจัดส่งครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. nick2424

    nick2424 สมาชิกใหม่ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    841
    ค่าพลัง:
    +12
    พระกษิติครรภ์ มหาโพธิสัตว์ เนื้อเงิน จำนวนสร้าง 529 องค์
    พระครูวิจิตรชยากร ฐานสีโล (พระอาจารย์จิ๊ )
    วัดธรรมิกาวาส จ.ชัยนาท
    อธิษฐานจิต 2 วาระ
    1. วันที่ 20 ก.พ.66 พิธีพุทธาภิเษกอายุวัฒนมงคล 50 ปี
    2. วันที่ 9 เมษายน 66 พิธีพุทธาภิเษก รุ่นกตัญญู

    หลวงพ่อปรารภว่า "พกพระกษิติครรภ์ ไว้เป็นใบเบิกทาง" หมายถึงว่า ใครก็ไม่กล้ายุ่ง ผีสาง ยมบาลไม่กล้ายุ่ง ถ้าได้เป็นลูกหลานศรัทธาท่านเเล้วใครก็ไม่กล้ายุ่ง..
    Cr .คุณฟีม ศิริตวรรธน์
    ราคาบูชา 6900 บาท รวมค่าส่งครับ
    พระอยู่ในกล่องซีลเดิม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. nick2424

    nick2424 สมาชิกใหม่ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    841
    ค่าพลัง:
    +12
    ❌❌ปิดแล้วครับ❌❌
    เหรียญโต๊ะหมู่ ญาณวโร
    เนื้อทองแดงเลข ๑๘ พร้อมบูชา

    เหรียญรุ่นนี้ หลวงปู่บอกให้คณะศิษย์ล่ำซำไปสร้างเหรียญมาให้หลวงปู่เพื่อเอาไว้แจก ทางคณะศิษย์ล่ำซำจึงได้จัดสร้างเหรียญขึ้นมา 2 ชุด เพื่อถวายให้หลวงปู่แจก คือ เหรียญโต๊ะหมู่ญาณวโร และเหรียญฐานะ

    เหรียญโต๊ะหมู่นี้ หลวงปู่ได้ทำการอธิษฐานจิต เมื่อ วันที่ 9 มี.ค 2555 ลักษณะของเหรียญโต๊ะหมู่รุ่นนี้ มีลักษณะคือ เป็นรูปเหมือนหลวงปู่นั่งอยู่บนฐานขาสิงห์ ( เหรียญโต๊ะหมู่ของสำนักอื่นไม่เคยปรากฏว่านั่งอยู่บนฐานขาสิงห์

    จำนวนการจัดสร้าง เหรียญโต๊ะหมู่ ญาณวโร มีดังนี้

    1.ชุดกรรมการ 9 ชุด ประกอบไปด้วย เนื้อทองคำ, เนื้อสามกษัตริย์, เนื้อนาค

    2. เนื้อเงิน 99 เหรียญ

    3. เนื้อนวะโลหะหน้าทองคำ 20 เหรียญ

    4. เนื้อทองแดง หลังจารอักขระลายมือหลวงปู่ 12 เหรียญ

    5. เนื้อทองแดง ตอกเลข 999 จำนวน 2 เหรียญ

    6. เนื้อทองแดงนอก 500 เหรียญ

    7. เนื้อตะกั่วหลังเรียบจาร 1 เหรียญ

    หลังจากที่หลวง ปู่ได้ทำการอธิษฐานจิตเหรียญชุดนี้เสร็จ ท่านได้แจกเหรียญโต๊ะหมู่และเหรียญฐานะบางส่วนให้กับผู้ที่อยู่ในพิธีในวันนั้น แล้วหลวงปู่ได้สั่งให้เอาเหรียญทั้งหมด ไปเก็บไว้ในห้อง (ในกุฏิของท่าน) วันเวลาผ่านไปหลายวัน

    ในคืนวันหนึ่งได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นในกุฏิหลวงปู่ คือ ลังที่บรรจุเหรียญโต๊ะหมู่และเหรียญฐานะ ได้เกิดลำแสงสีเหลืองนวลสว่างลอยขึ้นมาจากลังที่บรรจุเหรียญชุดนี้

    เริ่มจากลำแสง ขนาดเล็กค่อยๆ สว่างขึ้นมาเป็นลำแสงขนาดใหญ่ หมุนวนรอบลังที่บรรจุเหรียญจนกระทั่งลำแสงนั้นสว่างจ้าไปทั่วกุฏิ

    เหตุการอัศจรรย์นี้ปรากฏขึ้นติดต่อกัน 3 คืน บางคืนหลวงปู่ไม่สามารถหลับลงได้ เนื่องจากความสว่างจ้าไปทั่วกุฏินั่นเอง เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากนิมิตรที่หลวงปู่เห็น แต่เกิดจากการมองเห็นด้วยตาเนื้อของท่านนั่นเอง จนหลวงปู่ท่านได้พูดกับลูกศิษย์ใกล้ชิดของท่านว่า ” เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก “
    ขอบคุณข้อมูล ศิษย์ล่ำซำ

    3500 บ. รวมจัดส่งครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2023
  15. nick2424

    nick2424 สมาชิกใหม่ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    841
    ค่าพลัง:
    +12
    น้อมกราบหลวงปู่ถวายความอาลัยครับ

    พระราชมงคลวุฒาจารย์ ( สุวรรณ สุวิชาโน )
    หลวงปู่ทอง วัดดอนไก่ดี จังหวัดสมุทรสาคร
    ได้ละสังขารด้วยอาการสงบ
    เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๖
    เวลา ๑๖.๕๒ น. ณ โรงพยาบาลกรุงเทพ
    อายุ ๑๐๗ ปี พรรษาที่ ๘๓
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. nick2424

    nick2424 สมาชิกใหม่ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    841
    ค่าพลัง:
    +12
    วันที่ 28 กรกฎาคม 66
    วันเฉลิมพระชนมพรรษา
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐
    IMG_20230728_172404.jpg
    ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
     
  17. nick2424

    nick2424 สมาชิกใหม่ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    841
    ค่าพลัง:
    +12
    ล็อกเก็ตหลวงปู่พิศดู ธมฺมจารี วัดเทพธารทอง จ.จันทบุรี รุ่น 7 ล็อกเก็ตหน้าหนุ่ม จำนวนสร้าง 500 องค์ รายละเอียดตามภาพครับ มาพร้อมกรอบทองคำ 80% พร้อมบูชา

    9500 รวมจัดส่งแล้วครับ

    รุ่นนี้หลวงปู่เสกอธิฐานจิต ตอนปรับธาตุรักษาร่างกาย จึงเหมาะสำหรับใครที่ไม่สบายบ่อย ๆ ครับ
    Credit ข้อมูลคุณสิรภพ

    ขอบคุณข้อมูลคุณสิรภพ

    ล็อกเก็ตหน้าหนุ่มนี้ หลวงปู่ท่านเป็นผู้สั่งให้สร้างตั้งแต่ปี 2551 ครับ พอดีมีอยู่วันนึงหลวงปู่ท่านไปพบรูปถ่ายในหนังสือสุทธิของท่าน เป็นรูปท่านตอนพรรษาแรกครับ ท่านก็พิจจารณารูปนั้นสักพักนึง(คงคิดถึงอดีต) แล้วท่านบอกว่า " ไปทำล็อกเก็ตรูปนี้ได้ไหม.." คณะศิษยานุศิษย์ก็เลยสนองพระเมตตาขององค์ท่าน ได้จัดสร้างล็อกเก็ตรูปหน้าหนุ่มขึ้นมาจำนวนหนึ่ง โดยแบ่งเป็นรูปที่มีชื่อฉายา และไม่มีชื่อฉายา
    นอกจากนี้ยังได้สร้างล็อกเก็ตที่ระลึกเยือนอินเดีย(สรวมหมวกไหมพรม) ขึ้นในวาระเดียวกันด้วย..
    ล็อกเก็ตชุดนี้ผ่านพิธีอธิษฐานจิตจากองค์หลวงปู่อย่างดีที่สุด และยาวนานอีกรุ่นนึงเลยครับ โดยอยู่กับหลวงปู่ไม่ต่ำกว่า 3 เดือน และโดยเฉพาะมีความพิเศษตรงที่ว่า อยู่กับองค์ท่านตอนที่ท่านปรับธาตุรักษาธาตุขันธ์ด้วย จะกล่าวได้ก็คือ ในระหว่างนั้นหลวงปู่ท่านอาพาธ คณะศิษยานุศิษย์ก็ผลัดเปลี่ยนกันมาดูแลท่านเป็นอย่างดี ส่วนล็อกเก็ตชุดนี้ก็ได้ถูกนำมาวางไว้ใต้เตียงของหลวงปู่ท่าน เพื่อที่จะเป็นเคล็ดให้หลวงปู่ปรับธาตุ ให้ธาตุขันธ์แข็งแรงยิ่งๆขึ้น เนื่องจากองค์หลวงปู่ท่านเป็นผู้เอ่ยปากให้จัดสร้างพระชุดนี้ขึ้นมาก็คงต้องมีความหมาย ซึ่งหลวงปู่ท่านก็ทราบดีว่าพระชุดนี้ได้วางอยู่ใต้เตียงของท่าน ในระหว่างนั้น หลวงปู่จะสั่งว่าถ้าไม่จำเป็นอย่าให้ใครเข้ามารบกวนท่าน ท่านจะพักผ่อน และรักษาตัวอย่างสงบ คณะศิษย์ชุดอุปัฏฐากจึงได้ตกลงกันว่าในเมื่อเป็นคำสั่งของหลวงปู่ท่านเราก็ต้องทำตามนั้นอย่างเคร่งคลัด เพราะว่าหลวงปู่ท่านจะรู้ตัวท่านเองดีที่สุดด้วยญาณทัศนะอันแจ่มใส.. ตั้งแต่หลวงปู่ท่านได้พักผ่อนเป็นการส่วนตัว เพียงไม่กี่วันอาการอาพาธของท่านกลับดีขึ้นอย่างรวดเร็ว แบบว่าดีวันดีคืนเลยทีเดียว คณะศิษยานุศิษย์ที่ดูแลต่างดีใจ และแปลกใจกันอย่างมากเลย ว่าอาการอาพาธของหลวงปู่ท่านดีขึ้นผิดปกติ มีเรี่ยวแรงกระปรี้กระเปร่า ฉันภัตตาหารได้เยอะ อารมณ์ดี พูดอบรมณ์ธรรม และสวดมนต์ได้เป็นชั่วโมงๆ ราวกับว่าหายเป็นปกติดีแล้ว แพทย์ได้มาตรวจดูอาการก็บอกว่าร่างกายของหลวงปู่แข็งแรงขึ้นเร็วมาก หลวงปู่ท่านจึงเปิดโอกาสให้ผู้ศรัทธาที่เป็นห่วงอาการอาพาธของท่านสามารถเข้าพบได้เป็นปกติ
    มีครูบาอาจารย์ผู้มากด้วยบารมีธรรมท่านหนึ่ง เมตตาบอกมาว่า หลวงปู่ท่านสั่งให้จัดสร้างล็อกเก็ตหน้าหนุ่มขึ้นมานี้ แสดงว่าหลวงปู่ท่านตัดสินใจที่จะรักษาธาตุขันธ์ เพื่อโปรดลูกศิษย์ต่อไปอีก.. และในระหว่างที่ท่านเข้าสมาธิเพื่อปรับรักษาธาตุขันธ์นั้น ล็อกเก็ตหน้าหนุ่มนี้ก็วางอยู่ใต้เตียงของท่านตลอดเวลา ซึ่งก็แน่นอนเป็นที่สุดเลยว่า พลังสมาบัติที่หลวงปู่ได้อธิษฐานปรับรักษาธาตุขันธ์นั้นย่อมบรรจุเข้าอยู่ในล็อกเก็ตชุดนี้เต็มๆอย่างแน่นอนที่สุดแบบไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เลย ซึ่งนอกจากจะได้รับกระแสดังกล่าวแล้ว หลวงปู่ท่านยังได้ตั้งใจอธิษฐานจิตพระชุดนี้ให้อย่างดีที่สุดอีกด้วย ซึ่งรวมความแล้วพระชุดนี้นอกจากจะดีเด่นในทุกๆทางแล้ว ยังเด่นในด้านใช้อธิษฐานเพื่อปรับรักษาธาตุขันธ์ให้แข็งแรงได้อีกด้วย.. ผู้ใดร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เจ็บป่วยบ่อยๆ ลองหาพระชุดนี้มาบูชาและอาราธนาเพื่อรักษาตัวก็ดีนะครับ นับว่าเป็นวัตถุมงคลที่มีพุทธคุณเด่นเฉพาะทางอีกรุ่นหนึ่ง ที่องค์หลวงปู่ท่านตั้งใจให้จัดสร้างด้วยองค์เองครับ.. สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. nick2424

    nick2424 สมาชิกใหม่ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    841
    ค่าพลัง:
    +12
    ประวัติ-ชาติภูมิ ของ หลวงปู่พิศดู ธมฺมจารี
    นามเดิมชื่อ : พิศ (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นพิศดู)
    ชื่อเล่นชื่อ : โบ๊ะ
    นามสกุล : สิงหพันธุ์
    เกิดเมื่อ : วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2466 ปีกุน ที่ ต.เกาะปอ อ.เกาะกง จ.ปัจจันตคีรีเขต(ปัจจุบันคือ จ.กำปอด) ประเทศกัมพูชา
    โยมบิดาชื่อ : อี้
    โยมมารดาชื่อ : เพี้ยน
    มีพี่น้องร่วมสายโลหิตด้วยกัน รวม 3 คน หลวงปู่เป็นพี่คนโต
    อุปนิสัย : เป็นคนเรียบร้อย รักสันโดษ มีนิสัยรักการศึกษาศิลปวิทยาแขนงต่างๆ มีความชำนาญในการอ่าน และเขียนภาษาขอม-ไทย ตั้งแต่เล็กๆ เป็นคนเอาจริงเอาจัง เฉลียวฉลาดและมีความจำดีเยี่ยม

    ครั้นอายุได้ประมาณ 7-8 ปี พอรู้ความ โยมพ่อ และโยมแม่ ได้ส่งมาอยู่วัดเพื่อให้ท่านได้ศึกษาเล่าเรียน ท่านก็ได้เรียนสวดมนต์ เขียนอ่านหนังสือกับท่านอาจารย์ลี (นามท่านเช่นเดียวกันกับท่านพ่อลี วัดอโศการาม แต่เป็นคนละองค์กัน) และพระที่วัด ที่ทำหน้าที่สอนก็ดุมาก หากไม่ตั้งใจเรียน หรือตอบข้อถามต่าง ๆ ได้ไม่ถูกใจก็จะใช้หวายตี ซึ่งเจ็บมาก แต่ท่านก็มิได้ย่อท้อแต่อย่างไร หากยังพากเพียรเรียนมาจนได้วิชาทั้งทางด้านการสวดมนต์ การปฏิบัติภาวนา วิปัสสนากัมมัฏฐานเบื้องต้น มีความรู้ความชำนาญ จนในบางครั้ง หากพระที่สอนไม่สามารถมาสอนได้ ในวันนั้น ท่านก็จะเป็นผู้ทำการสอนเด็กคนอื่น ๆ แทน

    #บรรพชา
    ต่อมาเมื่อประมาณปี พ.ศ 2480 ขณะนั้นท่านอายุได้ประมาณ 14 ปี เป็นช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามอินโดจีน ซึ่งโยมพ่อ และโยมแม่ได้เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้แล้ว ท่านก็ได้บวชเป็นสามเณร ณ วัดเกาะปอคงคาราม โดยมีพระครูบัวตูมรัตนสาครเป็นพระอุปัชฌาย์ บวชเป็นเณรได้เพียง 1 ปี ก็ต้องอพยพหนีภัยสงครามมาอยู่ที่เมืองไทย โดยหนีมาทางน้ำ แจวเรือมากับหลาน และน้องชาย รวมทั้งพระสงฆ์รูปอื่น ๆ หลบหนีออกมา เมื่อมาถึงเมืองไทยได้แวะพักอยู่ที่เขาวงก่อน ต่อมาจึงได้มาอยู่ที่วัดคลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด

    ขณะที่อยู่ที่วัดคลองใหญ่นี่เอง ท่านได้เริ่มเรียน เวทย์มนต์คาถาต่าง ๆ เช่น คาถาโคมแก้ว คาถาเจริญคุณ และวิชาอาคมต่างๆด้วย รวมถึงวัตรปฏิบัติ เบ็ดเตล็ดต่างๆ โดยมีพระครูบัวตูมรัตนสาคร เป็นผู้ถ่ายทอดให้วันละคำสองคำ ท่านก็ได้ จดจำร่ำเรียนมา และเนื่องจากการที่ท่านมีนิสัยรักการอ่านเขียน มีความจำแม่น ท่องเก่งมาตั้งแต่เมื่อครั้งยังอาศัยอยู่กับโยมพ่อและโยมแม่ รวมทั้งการที่ท่านได้อาศัยอยู่วัดตั้งแต่เล็ก ทำให้ท่านมีความชำนาญ เชี่ยวชาญในความรู้ต่าง ๆ ท่านอาศัยอยู่ที่วัดคลองใหญ่ได้ประมาณ 3 เดือน ก็เริ่มออกธุดงค์

    ธุดงค์ครั้งแรกมาทางป่า แถบเทือกเขาบรรทัด จ.ตราด ขณะที่ท่านเดินธุดงค์อยู่บริเวณ แหลมตะก้อ จ.ตราด ได้เดินผ่านบ้านที่กำลังนวดข้าว ท่านก็แวะพักในบริเวณนั้น ได้หลับ และฝันไปว่ามียักษ์ได้แปลงร่างเป็นพญานกแร้งปากแหลม ตัวใหญ่เข้ามาจะทำร้าย ก็ได้ต่อสู้ตีกันเป็นพัลวัน และท่านได้อธิษฐานจิตว่า “แม้ว่าข้าพเจ้าจะได้อยู่รับใช้ในบวรพระพุทธศานาตลอดไป ก็ขอให้ได้ชัยชนะแก่พญานกนี้เทอญ” ในที่สุดท่านก็ได้รับชัยชนะ และจากนิมิตนี้เอง ทำให้ท่านมีความมั่นใจว่า ท่านสามารถอยู่ในร่มกาสาวพัตร แห่งพระบรมศาสดาได้ตลอดไป เพราะสามารถต่อสู้กับอธรรม และกิเลสดั่งเช่นพญานกแร้งได้ดังจิตอธิษฐาน
    ท่านออกเดินธุดงค์อยู่องค์เดียวเรื่อยมาจนถึงชายเขา ก็ได้มาเจอพระสายธรรมยุติของวัดคีรีวิหาร หลวงปู่ได้เห็นวัตรปฏิบัติของพระวัดนี้แปลกออกไปจากที่หลวงปู่ปฏิบัติอยู่ ก็ทำให้นึกขำ หัวเราะกับวัตรแปลก ๆ ของพระเหล่านี้ แต่ในที่สุดท่านก็ได้ขอบวชเป็นธรรมยุติ (อาจจะเป็นบุญบารมีของหลวงปู่ที่ได้มาพบวัดนี้ เพราะมีผลทำให้หลวงปู่ได้มาเป็นพระสายธรรมยุติจนถึงปัจจุบันนี้)

    #อุปสมบท
    เมื่อท่านมีอายุได้ 21 ปี ประมาณปี พ.ศ.2487 ขณะนั้นท่านได้พำนักอยู่ที่วัดเขาแก้ว ท่านเจ้าคุณวินัยบัณฑิต เจ้าคณะจังหวัดตราด ก็ได้ทำหนังสือส่งตัวฝากมายังหลวงพ่อลี ธัมมธโร (ท่านพ่อลี วัดอโศการาม ซึ่งขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าคลองกุ้ง จ.จันทบุรี) พร้อมกับเณรอีก 2 รูป ท่านพ่อลีก็จัดการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดจันทนาราม ต.จันทนิมิตร อ.เมือง จ.จันทบุรี เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ.2487 เวลา 15.15 น. โดยมีพระอมรโมลี เป็นพระอุปปัชฌาย์ และมีท่านพ่อลี ธมฺมธโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ในสังกัดธรรมยุติกนิกาย ได้รับฉายาว่า ธมฺมจารี แปลว่า ผู้ประพฤติธรรม

    หลังจากบวชเป็นพระภิกษุแล้ว ท่านก็ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าคลองกุ้ง อ.เมือง จ.จันทบุรี และอยู่ปรนบัติรับใช้ ศึกษาพระธรรมวินัยกับท่านพ่อลี ยอดขุนพลแห่งกองทัพธรรมสายป่า ท่านพ่อลีเห็นแววว่า “ พระภิกษุพิศดูรูปนี้ ต่อไปจะได้บวชยาว และจะได้ดีในวันข้างหน้า “ จึงรับไว้ในการดูแลและให้ช่วยงานอยู่วัดป่าคลองกุ้ง
    ขณะที่ได้อยู่จำพรรษาที่วัดป่าคลองกุ้ง และได้ดูแลอุปัฏฐากรับใช้ท่านพ่อลีด้วยดี ก็ได้ศึกษานักธรรมบาลี จนสอบได้นักธรรมชั้นโท หลวงปู่พิศดูท่านเป็นคนที่มีปัญญา และความจำเป็นเลิศมาก ไม่ว่าจะเรียนรู้อะไรก็สามารถสำเร็จและเจนจบได้อย่างรวดเร็ว แม้แต่การท่องจำบทพระปาฏิโมกข์ก็สามารถท่องจำได้จบภายใน 15 วัน โดยที่ไม่ต้องเปิดทวนตำราเลย จากนั้นจึงเข้าสู่เส้นทางศึกษาการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง โดยรับเอาพระกัมมัฏฐานการปฏิบัติภาวนา พุทโธ ตามแบบสายพระป่าอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตโต
    หลวงปู่ท่านเคยเล่าว่า ในช่วงที่เริ่มเรียนกัมมัฏฐานกับท่านพ่อลี ก็ได้เดินจิตตามคำสอน ท่านก็ทำตามได้ไม่นานจิตก็รวมลงเข้าสู่ฐานของอัปปนาสมาธิได้อย่างรวดเร็ว บังเกิดความสว่างไสวขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจเป็นที่สุด จากนั้นท่านก็เอาดีแต่ทางปฏิบัติเพียงอย่างเดียว และได้เที่ยวเดินตามธุดงค์ไปกับท่านพ่อลีและคณะ ไปกันทั่ว ทั้งบุกป่าฝ่าดงไปตามป่าเขาลำเนาไพร จนถึงประเทศเพื่อนบ้านเพื่อการขัดเกลากิเลส และได้พจญภัยมาทุกรูปแบบ หลวงปู่พิศดูท่านเป็นพระที่ท่านพ่อลีไว้ใจ และโปรดปรานมากเป็นพิเศษ ถึงกับขนาดบอกและฝากฝังกับลูกศิษย์ต่างๆเอาไว้เลยว่า..
    “ ต่อไปภายหน้าถ้าเกิดเรา(ท่านพ่อลี)ไม่อยู่แล้ว ให้พวกเธอไปหาท่านพิศดูแทน ต่อไปท่านพิศดูท่านจะแทนเราได้..”

    พรรษาที่ 10 ตรงกับปี พ.ศ.2497
    หลวงปู่พิศดูก็ได้ตัดสินใจออกธุดงค์เพียงรูปเดียว ธุดงค์ไปจนถึงแถบภาคเหนือ เพราะได้มีเสียงเล่าลือกันว่าที่ภาคเหนือนั้นมีของดี เป็นสถานที่ๆพระนักปฏิบัติรุ่นเก่าๆ ชอบไปภาวนากัน ด้วยความอยากรู้ท่านจึงอยากจะพิสูจน์ด้วยตนเอง ในระหว่างการเดินทางอยู่มีอยู่วันหนึ่งในช่วงเวลาบ่ายท่านได้พักนั่งผ่อนจนหลับไป ท่านพ่อลีได้มาเข้าฝันว่า ที่เชียงใหม่อันตราย จะไม่ให้ไป แต่ด้วยความตั้งใจที่ท่านอยากจะไปพิสูจน์ของดี และหาประสบการณ์ในการปฏิบัติ ทำให้ท่านต้องเดินทางต่อไป จนกระทั่งถึง จ.เชียงใหม่ โดยปีนั้นได้จำพรรษา ณ วัดเจดีย์หลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และได้มีโอกาสเข้ากราบครูบาอาจารย์รุ่นใหญ่หลายองค์ อาทิ หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม เป็นต้น..
    และที่เชียงใหม่นี่เองที่ทำให้ท่านเกือบเอาชีวิตไม่รอดตามความฝัน เพราะต้องผจญกับแม่เสือสาวสวย เป็นสาวชาวไทลื้อ เป็นชาวบ้านแถบนั้น มีรูปร่างหน้าตาสะสวย พร้อมทั้งเป็นคนใจบุญ รวยศีล รวยธรรม รวยน้ำใจมาก เธอผู้นั้นมีนามว่า แสงจันทร์ ซึ่งแม่หญิงแสงจันทร์ผู้นี้ หลวงปู่ยอมรับว่ามีอิทธิพลมากต่อจิตใจของท่าน เหมือนชะตาพาให้ต้องตาต้องใจกัน จนเก็บมาครุ่นคิดพิสมัย หลับตาข่มใจภาวนาก็พลันเห็นแต่ภาพของแม่หญิงแสงจันทร์ผุดขึ้นมาทุกคราไป ในตอนนั้นท่านต้องรวบรวมกำลังใช้วิปัสสนาธรรมเป็นอาวุธ เพื่อข่มนิวรณ์อย่างหนัก จนได้ใช้การพิจารณาอสุภกัมมัฏฐาน 10 จนกระทั่งเห็นแจ้งตามความเป็นจริง กล่าวคือ หลวงปู่ท่านได้จับเอาภาพของแม่หญิงแสงจันทร์ขึ้นมาพิจารณาให้เห็นเป็นของไม่สวย ไม่งาม เป็นสิ่งปฏิกูลไม่น่ายินดี เมื่อถึงที่สุดแล้วเกิดนิมิต ภาพแม่หญิงสาวสวยได้แก่ชรา เนื้อหนังเหี่ยวย่นหมดความสวย ตายลง เกิดความเปลี่ยนแปลงเน่าเหม็น มีหมู่หนอนชอนไช ซากถูกสัตว์กัดกินกระจัดกระจาย จนเหลือแต่โครงกระดูก สุดท้ายย่อยสลายเป็นผงธุลีคืนสู่ธาตุดินไปตามลำดับ หลวงปู่จึงได้ดวงตาเห็นธรรมแจ้งประจักษ์ใจ และมีจิตใจมั่นคงต่อคำสอนของพระบรมศาสดา และตัดสินใจจะบวชยาวไม่ขอสึกหาลาเพศเป็นแน่แท้..
    หลวงปู่อยู่จำพรรษาที่วัดเจดีย์หลวงจนถึงช่วงออกพรรษา ก็ออกเดินธุดงค์จาริกไปเรื่อยๆ ตามป่าตามดอย พจญภัยในสิ่งลี้ลับ และอันตรายในป่าดง เพื่อฝึกฝนพัฒนาจิตอย่างจริงจัง จนมีความรู้ความเห็นที่เป็นเรื่องมหัศจรรย์มากมายสุดที่จะกล่าว หลวงปู่ใช้เวลาอยู่ที่เชียงใหม่ได้ 1 ปีเต็มๆ และก็ได้พบของดีอย่างที่เขาลือกันจริงๆ จึงได้ตัดสินใจเดินทางกลับมายังวัดป่าคลองกุ้งในช่วงใกล้จะเข้าพรรษา

    ช่วงใกล้เข้าพรรษา ปี พ.ศ. 2498 หลวงปู่เดินทางจาก จ.เชียงใหม่ กลับมาที่วัดป่าคลองกุ้ง เมื่อเข้ากราบท่านพ่อลี ท่านก็คิดว่าท่านพ่อลีคงจะตำหนิที่หนีไปธุดงค์แต่เพียงผู้เดียว แต่มิได้เป็นเช่นนั้น ท่านพ่อลีกลับชื่นชมบอกว่า “ ออกธุดงค์คนเดียวก็ดีเหมือนกัน สงบดี..”

    พรรษาที่ 11 ตรงกับปี พ.ศ. 2498
    จำพรรษาที่วัดป่าคลองกุ้ง

    พรรษาที่ 12 ตรงกับปี พ.ศ.2499
    ท่านพ่อลีมีคำสั่งให้ไปช่วยงานก่อสร้างวัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

    พรรษาที่ 13 ตรงกับปี พ.ศ. 2500
    ท่านพ่อลีได้จัดมหกรรมงานบุญฉลอง 25 พุทธศตวรรษ อย่างยิ่งใหญ่ ที่วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ โดยรวบรวมลูกศิษย์ทั้งหมดทั้งพระ และฆราวาสไปช่วยงานที่วัดอโศการาม ส่วนที่วัดป่าคลองกุ้งไม่มีใครอยู่ดูแลเลย ทุกคนต้องการไปร่วมงานที่วัดอโศการามกันหมด หลวงปู่พิศดูจึงต้องอาสาอยู่เฝ้ารักษาวัดป่าคลองกุ้งแทน หลวงปู่เล่าว่าในระหว่างนั้นไม่มีใครอยู่เลย วัดสงบเงียบมาก ท่านไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า ยามว่างท่านได้เดินจงกรมรอบวัด เพื่อการปฏิบัติพัฒนาจิต และเป็นยามเฝ้าวัดไปในตัว ในระหว่างนั้น มีอยู่วันหนึ่งช่วงเวลาใกล้ค่ำ ก็ได้มีผู้ลักลอบเข้ามาในวัดเพื่อจะขโมยของ พอดีหลวงปู่เดินจงกรมอยู่ได้เห็นเข้า จึงวิ่งเข้าไปเพื่อทำการขับไล่ออกไปได้ทันท่วงที ด้วยใจที่กล้าหาญเด็ดเดี่ยว ไม่ได้เกรงกลัวภัยอันตรายใดๆเลย
    เมื่อเสร็จงานฉลองกึ่งพุทธกาล พระและลูกศิษย์ของท่านพ่อลีก็ได้เดินทางกลับมายังวัดป่าคลองกุ้งแล้ว ก็ได้ทำการไปบุกเบิกพื้นที่เพื่อสร้างวัดเขาแก้ว ต.ท่าช้าง อ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี กันต่อไป ในช่วงนั้นชื่อเสียงของท่านพ่อลีโด่งดังอย่างมาก มีผู้เข้ามากราบนมัสการท่านที่วัดป่าคลองกุ้งไม่เคยขาด ทำให้ขาดความสงบวิเวก ซึ่งจริตของหลวงปู่เป็นพระที่ชอบความสงบสันโดษ ท่านจึงกราบขออนุญาตท่านพ่อลีไปจำพรรษาต่อที่วัดทรายงาม ต.หนองบัว อ.เมือง จ.จันทบุรี

    พรรษาที่ 14-18 ตรงกับปี พ.ศ.2501 – 2505
    จำพรรษาที่วัดทรายงาม ต.หนองบัว อ.เมือง จ.จันทบุรี

    พรรษาที่ 16-17 ตรงกับปี พ.ศ.2503 - 2504
    ได้เป็นผู้ปกครองวัดทรายงาม ในขณะนั้นวัดทรายงามไม่ค่อยมีพระจำพรรษาเนื่องจากค่อนข้างขาดแคลนเรื่องปัจจัย 4 อันเหมาะแก่สมณบริโภค หลวงปู่จึงมาช่วยพัฒนา และช่วยในการก่อสร้างถาวรวัตถุต่างๆให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรงดีตามลำดับ

    พรรษาที่ 17 ตรงกับปี พ.ศ. 2504
    ท่านพ่อลีได้มรณภาพ ที่วัดอโศการาม ช่วงนั้นหลวงปู่อยู่ที่วัดทรายงาม ก็ได้นิมิตเห็นท่านพ่อลีมาหาแล้วบอกว่า.. “ ถึงเวลาของเราแล้ว เราต้องไปแล้ว ฝากดูแลวัดทรายงามด้วย..”
    หลวงปู่ท่านจึงท่านทราบด้วยญาณวิถีทันทีว่า ท่านพ่อลีได้มรณภาพแล้ว และยังได้ฝากให้ช่วยดูแลวัดทรายงามและพระเณรในวัดต่อไปด้วย ซึ่งในช่วงระยะนั้นยังไม่ค่อยมีใครรู้จักหลวงปู่พิศดูมากนัก ท่านจึงจำเป็นต้องแสดงอิทธิวิธีด้วยอภิญญาจิตให้เห็นเป็นอัศจรรย์เพื่อเรียกศรัทธาสาธุชนให้เข้ามาทำบุญกับวัดทรายงาม เช่น เดินบิณฑบาตรกลางสายฝนจีวรไม่เปียก พาลูกศิษย์ไปชมเมืองลับแล บอกใบ้ตัวเลข ฯลฯ เป็นต้น แต่ท่านก็มิได้แสดงให้เห็นบ่อยครั้งนัก เนื่องจากจะไปส่งเสริมให้คนติดในอิทธิปาฏิหาริย์เกินไป บางครั้งหากมีเวลาว่าง หลวงปู่จะเอาตำรับตำราภาษาขอม มาแปลเป็นภาษาไทย เขียนจารเป็นบทสวด หรือคำเทศนาลงในใบลาน ผูกเข้าเล่ม แล้วเอาไปขายเพื่อนำเงินมาเป็นค่าน้ำชากาแฟของพระในวัดก็มี ต่อมามีพระเข้ามาอยู่มากขึ้น และมีครูบาอาจารย์เข้ามาช่วยพัฒนาวัดให้มีความพร้อม หลวงปู่จึงค่อยๆวางภาระลงหันมาเอาจริงกับการปฏิบัติมากขึ้น ในช่วงนี้หลวงปู่ท่านก็ได้เดินเข้าออกระหว่างวัดและป่าอยู่เสมอ พื้นที่ป่าที่หลวงปู่ชอบไปบำเพ็ญเพียรบ่อยๆนั้น ก็คือเทือกเขาสระบาป เป็นทิวเขาอันกว้างใหญ่ ครอบคลุมอยู่ในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอมะขาม อำเภอเมือง อำเภอแหลมสิงห์ และอำเภอขลุง หลวงปู่เล่าให้ฟังว่า อันเทือกเขาสระบาปแห่งนี้ มีแดนลี้ลับที่ซ้อนภพกันอยู่ มีทั้งภูมิของชาวบังบดลับแล นาค ยักษ์ และอมนุษย์ทั้งหลาย สมัยนั้นเป็นป่าดงดิบ มีอันตรายรอบด้าน ทั้งสัตว์ร้าย ไข้ป่า ภูตผีปีศาจ และอาถรรพ์ต่างๆ แต่หลวงปู่ก็ฝ่าฟันผ่านมาได้ด้วยอำนาจแห่งเมตตาธรรม และขันติธรรม
    หลวงปู่ได้มีเวลาอยู่ในที่อันเป็นสัปปายสถาน จึงไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า ช่วงนั้นท่านเร่งทำความเพียรอย่างหนักเพื่อหาหนทางแห่งการดับทุกข์ด้วยตนเอง ครั้งนั้นท่านได้ขึ้นไปปลูกเพิงพัก แขวนกลดภาวนาอยู่บนยอดเขาที่วัดทรายงาม จนทำให้ท่านต้องเป็นไข้ป่า ชาวบ้านไม่เห็นท่านลงมาบิณฑบาตหลายวัน จึงเกิดความสงสัยขึ้นไปดู ก็พบท่านนอนห่มผ้าตัวสั่นมีไข้ขึ้นสูง จึงนิมนต์ลงมารักษาตัวก่อน เมื่อรักษาตัวเพียงแค่เริ่มจะดีขึ้นเท่านั้น ท่านก็ขึ้นเขาไปเพื่อบำเพ็ญเพียรภาวนาต่อ

    พรรษาที่ 18 ตรงกับปี พ.ศ.2505
    ท่านก็ได้บรรลุความเพียร แจ้งประจักษ์ในคุณธรรมอันสูงสุด ตามที่ตั้งความปรารถนาไว้ ณ บนยอดเขาวัดทรายงาม ต.หนองบัว อ.เมือง จ.จันทบุรี

    หลวงปู่ท่านมีจริตเป็นพระปัจเจกภูมิ เพราะฉะนั้นการปฏิบัติท่านมักไม่ได้ไปศึกษาความรู้จากใคร มีแต่ผึกฝนเรียนรู้และหาคำตอบด้วยตัวท่านเองเป็นหลัก
    จากนั้นท่านก็ยังปลีกตัวออกธุดงค์เที่ยวหาความวิเวก และดื่มด่ำในรสอมตะธรรม หาความสงบสันโดษตามจริตวิสัยที่มีมาแต่เดิมอย่างมิรู้สิ้น และโปรดสัตว์เรื่อยไป ไม่ค่อยได้อยู่เป็นที่เป็นทาง ส่วนใหญ่ท่านชอบหาความสงบวิเวกแถวๆเทือกเขาสระบาป เทือกเขาคิชฌกูฏ เขาใหญ่ ตลอดจนป่าดงพงไพรในเมืองไทย และแถบชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
    มีอยู่ครั้งหนึ่งหลวงปู่ท่านธุดงไปถึงเกาะกูด จ.ตราด และสถานที่นี้เองทำให้ท่านได้พบกับพระมหาเถระอุปคุต พระอรหันต์ผู้เลิศฤทธิ์ ผู้ปราบพญามารในสมัยพระเจ้าธรรมาโศกราช แห่งชมพูทวีป
    การธุดงค์ของหวงปู่ส่วนใหญ่ท่านจะออกธุดงค์เพียงรูปเดียว จะมีบ้างในบางครั้งที่มีลูกศิษย์อาสาคอยเดินติดตามรับใช้ อาหารส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกพลไม้ป่าที่ลูกศิษย์เก็บหามาถวาย แต่ในบางครั้งก็หาไม่ได้ก็ต้องยอมอดกัน หรือกินใบไม้เพื่อประทังชีพ แต่ท่านก็อยู่ได้โดยไม่มีความวิตกเดือดร้อน แต่ก็มีหลายครั้ง ที่เป็นเรื่องน่าแปลก คือ ในบางวันที่อยู่กันกลางป่ากลางเขา ไม่มีบ้านคน หลวงปู่จะออกบิณฑบาตรองค์เดียว กลับมาพร้อมกับข้าวสุก 2-3 ปั้น บางครั้งท่านก็ให้ลูกศิษย์เดินตามไปบิณฑบาตรด้วย เดินกันถึงตีนเขา ท่านก็บอกว่า ให้รอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวเรามา ท่านก็เดินขึ้นเขาไปองค์เดียว ไม่ถึง 10 นาที กลับลงมาพร้อมกับข้าวสุกสีเขียวอ่อนอมเหลือง และมีกลิ่นหอมกรุ่นอยู่ในบาตร 2-3 ปั้น ซึ่งอาหารดังกล่าวนี้ มักเรียกกันว่า ข้าวเทวดา หรือว่าอาหารทิพย์นั่นเอง
    ตามลักษณะที่ได้รับทราบมานั้น ชาวบังบดหรือชาวลับแลที่เคยมาหาหลวงปู่ จะมีลักษณะหน้าตาผิวพรรณดี สะอาดเรียบร้อย คางจะออกเหลี่ยมๆแต่ดูสมส่วนดี แต่งตัวเหมือนกับชาวบ้านสมัยก่อนย้อนไปสัก 60-70 ปี เดินทางมาด้วยเท้าไม่มียวดยานพาหนะ เมื่อมาจะไม่ค่อยพูดจากับใคร สิ่งที่น่าแปลกก็คือแม้ข้าวที่ใส่บาตรมาจะเป็นเพียงข้าวเปล่าๆ แต่พอได้กินเข้าไปกลับมีความอร่อย นุ่มละมุนละมัย และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ รสชาติพอดีๆ อร่อยกว่ากว่าข้าวที่เราได้กินกันเป็นไหนๆ
    แม้แต่ที่วัดทรายงาม และที่วัดเทพธารทองเองหลวงปู่ท่านก็เคยได้รับบิณฑบาตรอาหารทิพย์จากชาวลับแล หรือพวกกายทิพย์หลายครั้งเช่นกัน
    องค์หลวงปู่ท่านได้ออกได้ธุดงค์จาริกไปเรื่อยๆ สลับกับการจำพรรษาตามสถานที่ต่างๆ เช่น วัดเขาน้อยท่าแฉลบ วัดเขาแก้ว หรือแม้แต่บ้านญาติโยมก็มี โดยรวมแล้วก็เป็นเวลาหลายปี จนกระทั่ง...

    พรรษาที่ 30 ตรงกับปี พ.ศ. 2517
    ก็ได้มาพำนักอยู่กับวัดเขาสุกิม ต.เขาบายศรี อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี โดยการนิมนต์ของหลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย อยู่ที่นั่นได้ประมาณเกือบ 2 ปี

    พรรษาที่ 32 ตรงกับปี พ.ศ.2519
    ทางวัดเขาสุกิมก็ได้ส่งท่านไปช่วยดูแลวัดเนินดินแดง(สาขาวัดเขาสุกิม) ซึ่งในขณะนั้นไม่มีพระจำพรรษาอยู่ ท่านได้พำนักอยู่ที่นี่จนกระทั่งปลายปี พ.ศ 2519 รวมเป็นเวลาได้ประมาณ 11 เดือน ซึ่งในระหว่างนี้เอง หลวงปู่สมชายก็ได้ทำนายว่า “ หลวงปู่พิศดูจะสิ้นในผ้าเหลือง.. ”
    ในระหว่างนั้นหลวงป่พิศดูได้ไปเยี่ยมเยือน และพำนักอยู่ที่วัดเขาน้อยท่าแฉลบ และคืนก่อนหน้าที่จะกลับไปที่วัดป่าคลองกุ้ง ก็ได้เกิดนิมิตว่ามีเทวดานำพระขรรค์เล่มทองสวยงามมากมาถวาย วันรุ่งขึ้นก็เดินทางกลับจากเขาน้อยมาที่วัดป่าคลองกุ้ง ยังไม่ทันได้เข้าพักก็ได้รับคำสั่งจากคณะสงฆ์ให้มารักษาการเจ้าอาวาสที่วัดเทพธารทอง ต.พลวง กิ่งอ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี

    #มาอยู่วัดเทพธารทอง
    วัดเทพธารทอง เดิมเป็นป่าธรรมชาติ เป็นดงเสือ ดงช้าง มีไก่ป่า หมูป่า เก้งกวางอาศัยอยู่ เมื่อประมาณปี พ.ศ.2510 เจ้าของที่ดินคือคุณหมอปฐม หอมหวล ได้บริจาคที่ดินเพื่อสร้างวัดเป็นจำนวน 10 ไร่ ซึ่งชื่อวัดเทพธารทองนี้ ได้มาจาก
    “เทพ” มาจากชื่อของหลวงพ่อแก่ พระอุปัชฌาย์ วัดจันทนาราม
    “ธาร” มาจากลำธารที่ไหลผ่านวัด
    “ทอง” มาจากคุณทองใหญ่ ตั้งชื่อไว้ให้เป็นอนุสรณ์แก่เจ้าของที่ดินเดิมที่ขายที่ดินให้แก่คุณหมอปฐม หอมหวน

    พ.ศ 2519 ปลายปี หลวงปู่ได้มารักษาการเจ้าอาวาส อยู่ที่วัดเทพธารทอง ครั้งแรกที่มาก็มีศาลาอเนกประสงค์ยกใต้ถุนสูง 1 หลัง และกุฏิโทรมๆอีกเพียง 2-3 หลังเท่านั้น รอบๆบริเวณวัดนั้นยังเป็นป่าชัฏ มีไก่ป่าและสัตว์ป่าอาศัยอยู่ แต่ไม่ค่อยมีบ้านคนอยู่อาศัย เวลาบิณฑบาตท่านต้องเดินไกลหลายกิโล ในบางครั้งก็มีชาวบ้านที่หาของป่า ได้ทำอาหารที่หาได้จากในป่า มาต้ม แกง ถวายอยู่บ้าง แต่พอวัดนี้ได้พัฒนาขึ้น ก็มีชาวบ้านตามมาอาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง ทำให้สัตว์ป่าพวกนี้หายไปหมด หลวงปู่ต้องผจญกับสิ่งที่ทั้งมองเห็น และมองไม่เห็น มีชาวบ้านบางคนเห็นว่าท่านเป็นพระอยู่องค์เดียวมาอยู่ก็เอาปืนหมายมาขู่ ชักเข้าชักออกหวังจะให้กลัว เพราะถ้าหลวงปู่กลัว จะได้ย้ายไปที่อื่น เขาก็จะได้นำที่ดินนี้มาใช้ประโยชน์เสียเอง แต่หลวงปู่ก็ไม่สนใจ และไม่อยากยุ่งด้วย ในที่สุดก็แพ้ภัย และเลิกราไปเอง นอกจากนี้ ในบางครั้งก็ยังมีผู้ก่อการร้าย เข้ามากวน พากันมากินเหล้าในวัด มาข่มขู่ หวังจะให้กลัวเช่นกัน แต่หลวงปู่ก็ไม่กลัว บางคนก็ใช้มนต์ดำหวังทำร้าย หรือทดสอบอำนาจจิตของหลวงปู่ก็มี นอกจากพวกคนเกเรเหล่านี้แล้ว หลวงปู่ก็ยังต้องสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็นด้วย เนื่องจากที่ดินบริเวณนี้เป็นป่ามาก่อน ว่ากันว่าเจ้าที่แรง มีผีดุมาก ใครมาอยู่ก็ไม่ได้ เจ้าอาวาสที่เคยมาอยู่ถ้าไม่มรณภาพก็ต้องสึกหาลาเพศไปหมด แต่หลวงปู่มั่นใจว่าท่านอยู่ได้เพราะหลวงปู่เคยพบเจออุปสรรค อันตรายที่ร้ายแรงกว่านี้มาแล้ว และท่านยังมีพระขรรค์เล่มทองที่เทวดาถวายให้เล่มนั้นไว้ต่อสู้ ซึ่งก็สู้ได้จริงๆ จึงอยู่ได้อย่างสบาย และต่อมาได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดเทพธารทองอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ.2522 หลวงปู่ท่านอยู่แบบสมถะ เรียบง่ายตามข้อวัตรปฏิบัติของพระกัมมัฏฐาน และไม่ค่อยจะคลุกคลีกับผู้ใด

    #เริ่มอาพาธ
    ในปี พ.ศ. 2545 หลวงปู่ท่านเริ่มอาพาธด้วยโรคปอด และทางเดินหายใจ จึงเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสองพี่น้อง ต.สองพี่น้อง อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี โดยเป็นภิกษุไข้พิเศษ ในความดูแลของหลวงปู่ฟัก สันติธัมโม เจ้าอาวาสวัดเขาน้อยสามผาน และเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลดังกล่าว เป็นระยะเวลา 2 ปี จึงได้ย้ายกลับมาจำพรรษาที่วัดเทพธารทองดังเดิม นับตั้งแต่นั้นมา องค์หลวงปู่ท่านก็อาพาธเรื่อยมา และได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลต่างๆ อยู่เสมอ ด้วยอาการของโรคปอดและทางเดินหายใจ

    วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ.2553
    ทางวัดได้จัดงานตักบาตรพระมหาอุปคุตประจำปี ในวันนั้นองค์ท่านได้ประกาศบอกลูกศิษย์ทั้งหลายว่า ให้มาตักบาตรท่านพ่ออุปคุตพร้อมกัน ปีนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่ ครั้งสุดท้ายแล้วนะ ปีหน้าไม่มีแล้ว ให้บอกต่อๆกันด้วย และพิธีในวันนั้นลูกศิษย์ลูกหาได้มาร่วมพิธีมากที่สุดเท่าที่เคยมีการจัดมาในทุกๆปี พอหลังจากวันดังกล่าวเพียง 2 วัน
    วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ.2553
    หลวงปู่ก็ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระปกเกล้า ด้วยมีอาการบวมน้ำตามร่างกาย สาเหตุจากขาดโปรตีนมาก และต่อมาก็ติดเชื้อที่ปอดตามลำดับ จึงได้ย้ายท่านไปรับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ.2553 นับจากนั้นเป็นต้นมา อาการทุกอย่างดีขึ้นบ้างตามลำดับ
    กระทั่งย่างเข้าเดือนมีนาคม พ.ศ.2554 อาการขององค์หลวงปู่เริ่มทรุดลงอีกเรื่อยๆ เนื่องจากไตขับของเสียไม่ได้

    #มรณภาพ
    วันที่ 13 เมษายน พ.ศ.2554 เวลา 13.00 น. องค์หลวงปู่พิศดู ธัมมจารี พระอริยสงฆ์ดวงประทีปแก้วแห่งบูรพา ได้มรณะภาพลง ด้วยวัยชรา สิริอายุได้ 88 ปี 2 เดือน 11 วัน พรรษาที่ 67 ..อย่างสงบราบเรียบที่สุด เคลื่อนจิตเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพานตราบอนัตกาล ฯ
    ข้อมูล คุณสิรภพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. nick2424

    nick2424 สมาชิกใหม่ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    841
    ค่าพลัง:
    +12
    พระชัยวัฒน์ชินบัญชร เนื้อชนวน
    พระครูสุเมธธรรมวัฒน์(ครูบากฤษดา สุเมโธ)
    วัดป่ายาง(สันพระเจ้าแดง) อ.บ้านธิ จ.ลำพูน

    ว่าด้วยเรื่องการสร้าง
    พระชัยและพระกริ่งชินบัญชรล้านนา
    แผ่นยันต์บังคับในการสร้างพระชัย-พระกริ่งชินบัญชรล้านนา ประกอบด้วย พระยันต์ทั้ง ๑๐๘ ประกอบด้วย พระยันต์ชื่อ ปทุมจักร, พระควัมบดี, นวโลกุตรธรรม, ไตรสรณคมณ์, จัตตุสาริยสัตย์, จักรสิรโลก, พระรัตนไตร, มงกุฎพระพุทธเจ้า, บารมี ๓๐ ทัศ, ปถมัง, พระเจ้า ๕ พระองค์, สุกิตติมา, องครักษ์, โสฬสมงคล, พระเจ้า ๒๘ พระองค์, พระพุทธคุณ ฯลฯ
    เมื่อรวมได้ ๑๐๘ พระยันต์แล้ว ยังมียันต์นะบังคับอีก ๑๔ นะ คือ นะบังสมุทร, นะกำจาย, นะครอบจักรวาล, นะบังไตรภพ, นะปรีชาทุกทิศ, นะนาคบาศก์, นะกำจัด, นะปิดอากาศ, นะล้อม, นะสะท้านดินไหว, นะปิด, นะบังเมฆา, นะทน, นะวชิราวุธ
    นอกเหนือจากนี้ก็จะมียันต์ครูต่างๆ ที่ครูบารจนาขึ้นมาเอง ทั้งยันต์พระพุทธชนะมาร, ยันต์พระอุปคุต, ยันต์ดวงแก้วพระสีวลี ฯลฯ
    ทั้งนี้ครูบายังเมตตาจารให้ 2 ชุด เพื่อใส่ในเบ้าเนื้อชนวน และอีกชุดแผ่นจารสำหรับเนื้อเงิน
    คุณพ่อเพียรวิทย์ได้ ได้มอบก้อนชนวนทองคำและแท่งชนวนนวะโลหะ(พระกริ่งชินบัญชรที่เทเสียนำมาหลอมเป็นแท่ง) พระกริ่งชินบัญชร ของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ระยอง ซึ่งคุณพ่อได้เก็บห่อผ้าไว้ที่บ้านตั้งแต่ปีพ.ศ2517 ที่สุดแล้ววันนี้คุณพ่อได้มอบชนวนทั้งหมดถวายแด่ครูบากฤษดา สุเมโธ ตามแต่ท่านจะพิจารณาเห็นสมควร ตอนนี้ชนวนทั้งหมด จะเป็นชนวนพระกริ่ง รุ่น ชินบัญชร ล้านนา ของวัดสันพระเจ้าแดง องค์ฌานบารมีจิตแห่งหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ที่แผ่ลงสถิตมั่นในชนวนพระกริ่ง2แท่ง รวมกับชนวนมวลสารของพระกริ่งครูบา ที่รวบรวมมา บวกด้วย พลังอธิษฐาน ของครูบา กฤษดา สุเมโธ ผมว่า เป็นอะไรที่ไม่มีคำบรรยายครับ

    กำหนดการ งานสรงน้ำพระเจดีย์ และเททองหล่อพระปัจเจก-พิธีพุทธาภิเษกกพระกริ่งชินบัญชรล้านนาพร้อมเถราภิเษกรูปเหมือนครูบาอาจารย์ วัดป่ายาง(สันพระเจ้าแดง)ต.ห้วยยาบ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน ในวันที่ 15-16 ก.พ2565 ดังนี้
    ✨วันอังคาร ที่ 15 ก.พ 2565
    -เวลา 13.00น พระสงฆ์ 39 รูป สวดเจริญพระพุทธมนต์-เทศน์ธรรมพุทธาภิเษกเรียกญานเข้าสู่มงคลวัตถุต่างๆ
    -เวลา19.09 น. พิธีพุทธาภิเศก-เถราภิเษก -พระสงฆ์ในพิธีภาวนาจิต สวดมนต์ตั๋นพุทธาภิเษกฉบับล้านนา
    -เวลา21.00น สวดเบิกพระเนตรพระกริ่งและวัตถุมงคลรุ่นอื่นๆ-จุดประทีปบูชา
    -เวลา22.00น สวดมนต์พร้อมกันเตียมตัวใส่บาตรพระอุปคุตเวลาเที่ยงคืน
    และ ดับเทียนชัย
    จำนวนการสร้างพระกริ่ง พระชัยวัฒน์ชินบัญชรล้านนา

    จำนวนการจัดสร้าง
    พระกริ่งและพระชัยวัฒน์ รุ่นชินบัญชรล้านนา
    พระกริ่งชินบัญชรทองคำ กรรมการ 1-19
    พระชัยชินบัญชรทองคำ กรรมการ 1-28
    พระกริ่งชินบัญชรทองคำองค์ตัวอย่างอุดผง 1
    พระกริ่งชินบัญชรเนื้อชนวนองค์ตัวอย่างอุดผง 1
    พระกริ่งชินบัญชรทองคำ 1-233
    พระชัยชินบัญชรทองคำ 1-135
    พระกริ่งชินบัญชรเนื้อเงิน 1-6000
    พระชัยชินบัญชรเนื้อเงิน 1-4000
    พระกริ่งชินบัญชรเนื้อเงินมีก้าน 1-105
    พระชัยชินบัญชรเนื้อเงินมีก้าน 1-99
    พระกริ่งชินบัญชรเนื้อชนวน 1-10,000
    พระชัยชินบัญชรเนื้อชนวน 1-5000
    พระกริ่งชินบัญชรเนื้อชนวนมีก้าน 1-500
    พระชัยชินบัญชรเนื้อชนวนมีก้าน 1-320
    พระกริ่งชินบัญชรเนื้อชนวนอุดผง 1-1359
    ชนวนพระกริ่งชินบัญชร แท้ดั่งเดิมตั้งแต่หลวงปู่ทิม ท่านยังมีชีวิตอยู่ ชนวนนี้เกิดจากนำพระกริ่งชินบัญชรที่ชำรุดนำมาหลอมเป็นแท่งแล้วหลวงปู่ทิมลงกำกับให้อีกรอบปี2518 ตอนนี้ตัดออกเป็น10ชิ้น เพื่อเตรียมไว้หย่อนลงในแต่ละเนื้อแต่ละเบ้า ของพระกริ่งชินบัญชร วัดป่ายาง
    ขออนุโมทนาบุญกับพ่อเพียรวิทย์ ศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่ทิม ที่ถวายชนวนนี้ให้กับครูบากฤษดา

    ปิดตำนานพระกริ่งชินบัญชร อนาคตังสญานที่หยั่งรู้เหตุการณ์อนาคตได้เกิดขึ้นจริงแล้วครับแห่งคำทำนายนั้นย้อนอดีตถอยหลังไป 47 ปีอมตะวาจาแห่งอมตะพระเถราจารย์ผู้เฒ่าแห่งบูรพาภาค นาม หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ จ.ระยอง ได้เอ่ยทำนายเอ่ยวาจาเปรยๆกับศิษย์ใกล้ชิดว่า "" สักวันหนึ่ง รูปกริ่งของนี่ จะโด่งดังอีกครั้งหนึ่งในเมืองเหนือ""และคุณพ่อเพียรวิทย์ได้หวนนึกได้อีกครั้งหลังจากจดจำอมตะวาจานี้มาร่วม47ปี จนมาถึงวันนี้ ใครจะรู้ได้ว่า... คำทำนายนั้นจะปรากฏขึ้นจริงเมื่อวันที่12ธ.ค2564 เวลา09.19 นาที พระกริ่งชินบัญชร ได้ถือกำเหนิดขึ้นอีกครั้ง เป็นรอบที่สอง ซึ่งต่อยอดจากชนวนเดิมที่เก่าเก็บมาร่วม47ปี พระกริ่งชินบัญชรล้านนาโดย ครูบากฤษดา สุเมโธ เป็นผู้จัดสร้างเป็นอะไรที่ลงตัวที่สุดครับว่าทำไมต้องมาเป็นครูบากฤษดา ท่านเท่านั้นในการสร้างพระกริ่งชินบัญชรถือเป็นการปิดตำนานพระกริ่งชินบัญชร และในพิธีวันนั้นทางวัดป่ายางได้ตั้งโต๊ะพิธีบรวงสรวงอัญเชิญครูบาอาจารย์และหลวงปู่ทิม อิสริโก เมตตาลงมาแผ่เมตตาจิตในพิธีเททองพระกริ่งชินบัญชล้านนาในครั้งนี้ คราวบรวงสรวงเสร็จจู่ก็เกิดลมพัดแรงตลอดพิธีเททอง เมื่อเสร็จพิธี ครูบาท่านน้อมส่งครูบาอาจารย์และเหล่าพรหมเทพ กระแสลมนั้นได้จางหายทันทีใบไม้ที่นิ่งสนิท ที่สุดคำทำนายอมตะมหาเถรผู้เฒ่าผู้เลิศคุณ ได้ปรากฏขึ้นจริงๆแล้วครับ... พระกริ่งชินบัญชรล้าน ครูบากฤษดา สุเมโธ ชนวนมวลสารที่เข้มข้นที่สุด

    พระชุดนี้ ได้กระจายแบ่งกันออกไปในศิษย์ผู้ศรัทธาทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ
    และท่านครูบากฤษดา มีดำริ ห้ามลูกศิษย์จัดสร้างพระกริ่ง พระชัยวัฒน์ เนื้อทองคำ และ เนื้อเงินอีกตลอดไป

    บูชา 7900 บาท พร้อมจัดส่ง
    Credit: คุณแฮม เกรียงไกร, คุณ Thanasak...

    IMG_20230105_205530.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2023
  20. nick2424

    nick2424 สมาชิกใหม่ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    841
    ค่าพลัง:
    +12
    สนใจ สอบถาม ได้ครับ ขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาชมครับ

    บัญชี ธ.ไทยพานิชย์ เลขที่ 4089834941
    พัชวรัตน์ หลวงยศ
    Id line : pawr2424
     

แชร์หน้านี้

Loading...