*** ยุคศิวิไลซ์ ****

จิตมันทำเองของมันนั้นแหละ ขาดจากเจตนาใดๆ

จิตนำ ทำเอง..

 

จิตรวม อะไร ยังไง ก้แล้วแต่

พระ ราชบุรี สงบ มนัสโต ให้
อุบายในการใคร่ครวญไว้ว่า....

"หลวงปู่เจี๊ยะ พอเกิดอะไร ที่
มันเปนกุสล สงบ สงัด ท่านก้
จะไปถาม หลวงปู่มั่น ว่า แล้วไงต่อ"

"อะไรที่ ทำให้ กุสลเกิด สงบ สงัด
ก้ ทำซ้ำ ไม่ต้องทำอะไรอย่างอื่น

คนที่ต้องเปลี่ยน เพราะบางที ต้อง
เช็คว่า ไม่ถูกกิเลสหลอก"

หลวงปู่เจี๊ยะ จึง เปนแบบอย่างของ
คนภาวนาใช้ ฐานเดียว แทงตลอด
ทั้งสี่ธรรมนิยาม

 

เดี๋ยวคงต้องเดินให้สุดทาง จะได้รู้ด้วยตนเอง..

คุยกันอย่างนี้ ทั้งวันก็ไม่รู้เรื่อง

 

เสียงวิ๊งๆ ในหูนี่แหละเป็นฐาน ที่เราต้องเดินต่อให้สุดทาง..

 

พระบางท่าน ก้ ปรารภว่า

ในขั้นสุดท้าย จุดสุดท้าย

บางคน ก้ต้อง อาสัย กัลยณธรรม
อยู่ใกล้ๆ

ถ้า ไปใกล้ กัลยณมิตร ที่มี จิตไม่ตั้งมั่น

ก้ สามารถ ส่งผลต่อ นักภาวนา ให้
ติดตาย ผบิกเปน มิจฉาไป

ทั้งนี้เพราะ ขันธฺ5 เปนของกลาง

ผู้ขาดการสดับ ย่อม ถือเอาเปนตน
ด้วย ความไม่รู้ ( ซึ่ง จะอ้างว่า รู้
นั้นเปน อฐานะ .... ) โดยย่อ

อุปาทานขันธ์ จึงเปน ทุกขสัจจ

 

เข้าห้องน้ำ เสียง วิ้งๆ ก้ ดังสนั่นแล้ว

ไม่เหนต้องไป ขึ้นเขา

และ ถ้า ถนัดจริง ขณะพิมพ์อยู่นี้

ก้ ได้ยินได้ ไม่มี หายไป

 

ในร่างกาย หนาคืบ กว้างศอก

มีกิจกรรมของ กาย(การประชุม
ของธาตุสี่) ที่แปรปรวนไป แบบ
อัตโนมัติ พ้นความจงใจ หลายอย่าง

แต่ พระศาสดา เลือกใช้ ระบบการ
หายใจ เพื่อให้ จำแนก แยกแยะ
ได้ว่า อย่างไร จงใจ ยังปรากฏ
อย่างไร พ้นเจตนา

การฟังเสียง วิ้งๆ พ้นเจตนา 100%
ก้จริงอยู่ แต่ถ้า มี ขาดตอน ไม่
เหนตลอด ก้จะ เหลาะแหละ โดย
ยังเข้าใจว่า ตนขยัน

( ปล. คนต่างประเทศ ได้ยินเสียงวิ้งๆ
ในหู แล้วไป ฆ่าคน มีเยอะมาก เข้า
ใจว่า เบื้องทิพย์สั่งงาน ให้ทำ ....จน
นักจิตวิยา ต้อง บัญญัตเปน อาการ
จิตเวท ชนิดหนึ่ง )

 

มันมีอยู่ตลอดเวลา นั่นละ เราแค่ต้องการสถานที่ สงบ สงัด วิเวก สัปปายะ..

 

ดังนั้น

แยกแยะ ให้ดีๆ

อยู่กับเสียงวิ้งๆ โดย โน้มไป นั่น สงัด

หรือ

ยิ่งอยู่กับวิ้งๆ แล้ว ใจมัน ฟู ฟุ้งเฟ้อ
เห่อ เหิม ซึ่งเปน อาการของ กิเลส

 

หมด กระแส ความ

ไปขายข้าวมันไก่ ดีเกว่อ

 

การหายใจ มัน ไม่ได้มีเกิดมีตายใดๆ..

เราลองตั้งสติตรงจุดนั้น พร้อมกับหายใจ ไป พร้อมๆกัน ไม่มีก่อนมีหลัง

เราเห็น อาการปกติดับของทุกสรรพสิ่ง ที่ครอบลมหายใจไว้อยู่

คือ มันแค่หลงเข้าไปยึดเป็นตน หลงเข้าไปยึดมั่นถือมั่น สำคัญตน ว่านี่คือเรา เฉยๆ..

 

กั๊กๆๆ

นอกจาก พระศาสดา จะใช้ เพือ
ให้สามารถ แยกแยะ เจตนาหาร
แล้ว

ยังเอาไว้ จับ คนขี้ มูว์

อ้าง ไม่หลงยึดเปนตน มีจิตเปิด

ในขณะที หายใจออก หาก
ปล่อยได้ ไม่ยึด ตนไม่เกิด

การบีบคั้นให้ต้อง หายใจเข้า
ต่อไป ก้คง เกิดไม่ได้

หาก ทว่า สภาพจิตในกาย
หนาคืบกว้างศอก ต้อง ดิ้นรน
ไปตาม อาการบีบคั้นด้วยทุกข์
ให้หายใจเข้า หายใจออก

หากใครมาปรารภ เหน อุปาทาน
สิ้นยึด .....



เฮย !! แน่นอนนนนนนน

 

ปล.

พึงทราบว่า ต้นไม้ ไม่มีวิญญานครอง

มัน ก้ หายใจเข้า หายใจออก เปน

ภาวนา บักจิโอ้ ดั่งดอกไม้บาน

เกิดเปนคน ดัน ภาวนาเพื่อไปเปนต้นไม้


เฮีย!!!! เสถียง ทำ มัด กระ ถาง

ปล.2 : โดยสาละวันหนุมานสายย่อ..
" ทุกข ให้กำหนดรู้ "

 

มรรคมีกิจเดียว รสเดียว..

พอดีตอนอธิษฐามมาเกิด ขอ ปัจเจกในตน ลงมาด้วย

ถ้าสอนมาก แนะนำมาก จะไม่เข้าใจ

แต่ แค่ชี้เท่านั้น เดินเอง สบาย..

 

เป็นประเภท อุคฑฏิตัญญู วิปจิตัญญู ในคราวเดียว ในคน คนเดียว..

ซา บาย มว๊ากกก..

 

มโน ปุพพัง คมา ธรรมา

มโน เสฏฐา มโน มยา..


ใบไม้กำมือเดียว จบกิจ..

 

หน้าที่พวกท่าน คือ ยกระดับความรุนแรง ขึ้นอีก..

ทั้งภายนอก และ ในภายใน..

 

อีก5ปี 7ปี 10ปี เราคงรอไม่ไหวหรอก

เอาปัจจุบันจิต ปัจจุบันธรรม ด้วยเหตุ และ ปัจจัย นี้แหละ..

ข้ามฝั่ง ได้ เมื่อไหร่ ก็ เมื่อนั้น..

 

ขึ้นไปใส่บาตร ที่วัดบนเขา เพิ่งกลับมา..

ไป พอดี มีพิธี ถวายระฆัง พอเหมาะ พอดีมากๆ..