พระแก้วมรกตนิราศภัย ลป ดู่,พระลป บรรณ,พระกษิติครรภ์ป้องกันภัยพิบัติ,ตะกรุดมหาบุรุษ8จำพวก..........

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย kiati_sak, 29 สิงหาคม 2022.

  1. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,472
    ค่าพลัง:
    +13,257
    ปิดครับ
     
  2. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,472
    ค่าพลัง:
    +13,257
    263. พระผงรูปเหมือนเต็มองค์ หลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก ออกวัดพลับฯ นนทบุรี
    พระผงรัตนเกษมหลวงพ่อเกษม เขมโก ปี 2517 ห้าสิบกว่าปีที่แล้ว วัดพลับพลากำลังดำเนินการสร้างพระอุโบสถ แต่ขาดทุนทรัพย์
    จึงคิดไปขอพึ่งบารมีหลวงพ่อเกษม ขอสร้างเหรียญและพระผงรุ่นสร้างโบสถ์วัดพลับพลาและหลวงพ่อเกษมได้อนุญาต
    ให้สร้างตามประสงค์เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2517 ทางวัดพลับพลาโดยหลวงพ่อพระครูสิรินนทคุณ เจ้าอาวาส ได้ดำเนินการสร้างขึ้น 3 รายการ คือ
    1. เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อเกษม เนื้อทองคำ, เงิน, นวโลหะ และทองแดง
    2. พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อเกษม(ผงรัตนเกษม)
    3. พระปิดตาเขมโก
    เมื่อสร้างเสร็จแล้วได้นำขึ้นไปให้หลวงพ่อเกษมมนต์เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2517 เวลา 19.39 น. ณ สุสานไตรลักษณ์
    ในการพิธีมนต์นี้ได้มีเหตุอัศจรรย์เกิดขึ้น ซึ่งท่านพระครูสิรินนทคุณ ได้บันทึกไว้ดังนี้
    “ในวันปลุกเสกนั้นเป็นเวลากลางคืน ทางเหนือหมดฝนแล้ว ได้เวลาหลวงพ่อเกษมเดินออกจากกุฏิที่ของท่าน
    พอมาถึงศาลามุงแฝก (หญ้าคา) ปะรำพิธีปลุกเสก ข้าพเจ้ากับคณะกรรมการและทุกคนในที่นั้นได้ยินเสียงฟ้าผ่าเปรี้ยง
    ชาวลำปางจึงตั้งชื่อพระรุ่นนี้ว่า รุ่นฟ้าลั่น ปัจจุบันนี้ชาวลำปางเก่า ๆ ยังจำชื่อรุ่นฟ้าลั่นได้”
    พระชุดนี้เริ่มออกจำหน่ายจ่ายแจกในวันที่ 9 ตุลาคม 2517 ที่วัดพลับพลา ได้เงินสมทบจากพระชุดนี้จนสร้างพระอุโบสถวัดพลับพลาสำเร็จ
    “อยู่มาเมื่อปี 2536 ทางวัดได้จัดเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังอุโบสถ ขาดทุนทรัพย์จึงนำพระชุดนี้ในส่วนที่เหลือคือเหลือเหรียญเนื้อทองแดงประมาณ 200 เหรียญ
    พร้อมพระผงปิดตาเขมโก และพระผงรัตนเกษม ออกมาจำหน่ายจนได้เงินค่าเขียนภาพจิตรกรรมสำเร็จ
    เงินเหลือจากค่าจ้างเขียนภาพก็นำไปสร้างโรงครัวและห้องน้ำ 18 ห้อง” ซึ่งก็เป็นเงินที่พวกเราทุกคนได้มีส่วนบูชากันไปในคราวที่เขียนแนะนำครั้งนั้น
    ทุกวันนี้เหรียญหลวงพ่อเกษม และพระปิดตาเขมโกหมดแล้ว คงเหลือแต่พระผงรัตนเกษมหรือพระผงรูปเหมือนหลวงพ่อเกษม รุ่นสร้างโบสถ์วัดพลับพลาปี 2517 เท่านั้น
    ในการนำพระผงรัตนเกษมออกมาให้บูชาอีกครั้ง ท่านพระครูสิรินนทคุณได้มีลิขิตอธิบายว่า
    “ข้าพเจ้าได้ทราบข่าวพระเดชพระคุณหลวงพ่อเกษมได้ละสังขารไปแล้วเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2539
    ข้าพเจ้าได้รำลึกถึงพระคุณของหลวงพ่อเกษม เขมโก ที่มีเมตตาต่อวัดพลับพลามาในอดีต
    คือได้เมตตาอนุญาตวัดพลับพลาจัดสร้างเหรียญและพระผงรูปเหมือนของหลวงพ่อเกษมเพื่อแจกจ่ายให้แก่คณะศรัทธาบริจาคทรัพย์สร้างอุโบสถจนสำเร็จตามโครงการ
    ข้าพเจ้าจึงปรึกษากรรมการวัดว่าพวกเราควรหาทางตอบแทนพระคุณของท่านบ้าง เพื่อทำบุญอุทิศไปให้ท่าน
    จึงได้นำพระผงรัตนเกษมที่เก็บไว้จำนวน 2,000 องค์ไปมอบให้ท่านประธานจัดงานศพ คือเจ้าประเวทย์ ณ ลำปาง
    เพื่อสมทบทุนมูลนิธิหลวงพ่อเกษม เขมโก ต่อไป โดยมอบให้เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2539
    พร้อมรับเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมถวายในวันนั้นด้วย
    หลังจากเจ้าประเวทย์ได้รับมอบพระผงรัตนเกษมแล้ว ท่านคิดว่าการก่อสร้างของสุสานไตรลักษณ์หรือสิ่งอื่นภายในเมืองลำปางโดยเฉพาะในสุสานไตรลักษณ์ นั้นไม่มีอะไรจะปลูกสร้างแล้ว หรือว่าจะสร้างต่อไป มูลนิธิของหลวงพ่อเกษมก็มีเพียงพอ จึงปรึกษากันว่าสำหรับพระผงรัตนเกษม 2,000 องค์นี้
    ควรจะได้สร้างอะไรสักอย่างที่เป็นอนุสรณ์ของหลวงพ่อเกษม ถวายให้วัดพลับพลา พอดีวัดพลับพลากำลังจะดำเนินการสร้างศาลาการเปรียญ ขนาด 10 เมตรx15 เมตรอยู่ เนื่องจากของเก่าไม่พอต้อนรับประชาชนในเวลาเทศกาล เจ้าประเวทย์จึงเมตตามอบพระผงรัตนเกษมกลับคืนให้วัดพลับพลาเพื่อดำเนินการต่อไป
    และขอให้ตั้งชื่อศาลาการเปรียญว่า "ศาลาการเปรียญเขมโก”
    นี่ก็เป็นอันว่าพระผงรัตนเกษม จะได้กลับมาสร้างศาลาการเปรียญให้วัดพลับพลาอีกครั้ง
    ให้ขูชา 550 รส

    77954.jpg
    77955.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2025
  3. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,472
    ค่าพลัง:
    +13,257
    264. พระสมเด็จขาโต๊ะ รุ่นพุทโธอรหัง หลังหนุมาน วัดราหุล สิงห์บุรี จัดสร้างโดยพระอาจารย์จรุญ วัดราหุล คงนิมิตร สหายทางธรรมกับพระอาจารย์ตั้ว วัดซับลำไย ลพบุรี
    พระสมเด็จรุ่นนี้ได้นำบล็อคเดิมของหลวงปู่หนู วัดทุ่งแหลม ราชบุรี มากดพิมพ์ใหม่ที่วัดราหุล และได้นำเข้าพิธีปลุกเสก ที่วัดซับลำไย โดยมี หลวงปู่หมุน เป็นประธานปลุกเสก หลายครั้งหลายพิธี ตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา เช่น
    + พิธีหล่อพระกริ่งหิรัญราช ปี 42 ลป.หมุนเป็นประธานในพิธี
    + พิธีมหาสมปรารถนา ปี 43 ทั้ง 2 วาระ วาระแรก 5 พ.ย.43 และวาระที่สอง 2 ธ.ค.43
    นับว่าเป็นพระเครื่องที่มีคุณค่าที่ หลวงปู่หมุน ท่านเมตตาปลุกเสกทิ้งไว้ในศิษย์รุ่นหลัง

    มีมาแบ่งให้บูชา 2 องค์ ๆละ 1200 รส
    78495.jpg
    78496.jpg
    78490.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 78499.jpg
      78499.jpg
      ขนาดไฟล์:
      53.8 KB
      เปิดดู:
      26
    • 78497.jpg
      78497.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44 KB
      เปิดดู:
      28
    • 78498.jpg
      78498.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59.8 KB
      เปิดดู:
      28
  4. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,472
    ค่าพลัง:
    +13,257
    265. เหรียญพระแก้วมรกต นิราศภัย ปี 2530 หลวงปู่ดู่ วัดสะแก อยุธยา ( พุทธคุณสูงมาก มีประสบการณ์ ) สวยกริ๊บ สวยมากๆครับ
    จัดสร้างโดย คุณสุธันย์ สุนทรเสวี ผู้โด่งดังนั่นเองครับ..
    อธิษฐานจิตโดย สุดยอดพระอริยะเจ้า และ พระอรหันต์..
    1.หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อยุธยา โดย หลวงปู่ดู่ได้อธิษฐานจิตให้เป็นพิเศษในวันเกิดของท่าน ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา ( 11 พฤษภาคม 2530 ) ในขณะปลุกเสกและอธิษฐานจิตท่านได้กล่าวว่า ได้อัญเชิญพุทธบารมีขององค์พระแก้วมรกตมาบรรจุให้ และอัญเชิญพระพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์ทั้งแสนโกฏิจักรวาลมาร่วมปลุกเสก พระแก้วมรกตนี้คุ้มครองได้ทั้ง 3 โลก.
    2.หลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ ลำปาง โดย หลวงปู่ได้เมตตามนต์ให้ ณ โรงพยาบาลศูนย์ลำปาง เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2530 โดยท่านได้เมตตามนต์ให้เป้นการเจาะจง โดยท่านได้สั่งให้เปิดกล่องเหรียญออกและได้มอบพวงมาลัยดอกมะลิมาบูชาพระแก้ว มรกตทั้งเหรียญนี้ด้วย .
    3.หลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข สิงห์บุรี
    ฯลฯ
    จัดได้ว่าเป็นพระเครื่องดีอีกรุ่นหนึ่งที่หลวงปู่ออกปากการันตีด้วยตนเอง ( นอกเหนือไปจากเหรียญและพระผงดวงยันต์ดวง พระเหนือพรหม พระขุนแผน และเหรียญเศรษฐี ) ใครมีไว้เสมือนหนึ่งมีพระแก้วมรกตองค์จริงติดตัวเพราะหลวงปู่ดู่ได้ขอ อัญเชิญพระพุทธบารมีจากองค์จริงมาเต็มๆ
    อักขระยันต์หลังเหรียญ ลป เกษม เขียนให้โดยเฉพาะ " อันตรายา วินาสสันตุ"

    ให้บูชา 4000 รส
    78780.jpg
    78781.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2025 at 08:19
  5. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,472
    ค่าพลัง:
    +13,257
    266. เหรียญพระแก้วมรกต นิราศภัย ปี 2530 หลวงปู่ดู่ วัดสะแก อยุธยา ( พุทธคุณสูงมาก มีประสบการณ์ ) สวยกริ๊บ เก่าเก็บ สวยมากๆครับ อายุสามสิบกว่าปี หายาก ไม่ค่อยมีให้เห็นครับ
    ให้บูชา 3800 รส
    78684.jpg
    78685.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2025 at 08:31
  6. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,472
    ค่าพลัง:
    +13,257
  7. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,472
    ค่าพลัง:
    +13,257
    267. ชุดหลวงพ่ออุตตะมะ
    (ปิดรายการนี้แล้ว)
    79267.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 79266.jpg
      79266.jpg
      ขนาดไฟล์:
      206.2 KB
      เปิดดู:
      19
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤษภาคม 2025 at 08:20
  8. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,472
    ค่าพลัง:
    +13,257
    ปิดครับ
     
  9. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,472
    ค่าพลัง:
    +13,257
    268. เหรียญหลวงพ่อพุทธชัยนาท วัดหนองอีดุก เนื้อทองแดง ปี 2515 จ.ชัยนาท เหรียญที่หลวงพ่อกวยปลุกเสกให้
    รายละเอียด เหรียญพุทธชัยนาท ที่ระลึกในงานผูกพัทธสีมา วัดหนองอีดุก ปี2515 หลวงพ่อกวยปลุกเสก พระดีพิธีใหญ่ น่าใช้น่าบูชาอย่างยิ่ง หลวงพ่อกวย ร่วมปลุกเสก เป็นของดีนอกวัดอีกเหรียญหนึ่งของหลวงพ่อกวยครับ เป็นเหรียญที่เล่นง่าย วัดหนองอีดุก นับเป็นวัดที่มีความผูกพันธ์กับหลวงพ่อมากพอสมควร ท่านได้อุปถัมน์มาตลอด พระที่ท่านสร้างเพื่อช่วยเหลือวัดนี้มีมากเเละหลายครั้ง ทั้งเนื้อดินเเละเนื้อผงเเบบต่างๆ ในที่นี้จะขอกล่าวถึงเหรียญพระพุทธชัยนาท ซึ่งจัดสร้างโดยหลวงพ่อเเสวงศิษย์หลวงพ่ออีกท่านนึง จัดสร้างในโอกาสฝังลูกนิมิตรพระอุโบสถของทางวัด ปีพ.ศ.2515 มีการจัดพิธีพุทธาภิเษก มีพระเกจิมาร่วมพิธีหลายรูป ที่สำคัญคือ หลวงพ่อกวย วัดบ้านเเค เเละหลวงพ่อมหาวีระ วัดท่าซุง หรือท่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำนั่นเอง เหรียญนี้หลังจากพิธีปลุกเสกใหม่ๆ พวกทหารที่มาในพิธี ได้นำเหรียญไปลองยิงที่หลังวัด ปรากฎว่า ทั้งยิงไม่ออก เเละไม่ถูก มีการลองกันหลายหน
    ให้บูชา 1500 รส
    78682.jpg
    78683.jpg
     
  10. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,472
    ค่าพลัง:
    +13,257
    269. พระแหวกม่าน หลวงพ่อกวย ชุตินธโร รุ่นย้อนยุค ปี39 หลังปั๊มยันต์ครู หายาก
    ของดีอีกหนึ่งรุ่น ที่หลวงพ่อกวยบอกให้ศิษย์เร่งหามาบูชา ไม่ค่อยพบเห็นทั่วไป
    *** ***
    พระผงรุ่นนี้ตำผง ผสมเนื้อและกดพิมพ์กันเองที่วัด จัดพิธีปลุกเสกใหญ่มาก มีพระเกจิเก่งๆยุคนั้นมาร่วมในพิธีกันหลายท่าน พระผงจะใช้เนื้อหามวลสารจากผงเก่าของหลวงพ่อกวยเป็นหลัก โดยมีสารวัตรละออง สุขนิลและครูสุทน เป็นผู้ดำเนินการให้จัดสร้างขึ้นที่วัดโฆสิตารามเมื่อปี2539 มีเสี่ยตี๋(คุณกมล)เป็นผู้จัดหาน้ำมันตังอิ๊วแบบใสหลายแกลลอนมาทำเป็นตัวประสานเนื้อ จำนวนการสร้างที่รวมทุกเนื้อ-ทุกพิมพ์รวมทั้งเหรียญ-รูปถ่าย มีหลายหมื่นชิ้น
    *** ***
    1. เนื้อโขลก หรือที่เรียกว่าเนื้อก้นครก เนื้อจะหยาบและมีสีเข้ม มองเห็นมวลสารชัดเจน เป็นเนื้อพระที่ตำกันเองที่วัดโดยใช้ครกหินใบใหญ่ เน้นใส่มวลสารมากเป็นพิเศษ มีแร่อุกกาบาต ผงตะไบทอง และใส่เกศาของหลวงพ่อลงไปด้วย เนื้อแบบนี้จะนิยมกันมาแต่อดีต แต่พระมีจำนวนน้อย เพราะเมื่อกดพระออกมาได้ไม่มากนักเพียงหลักพันองค์ กรรมการวัดก็เห็นว่าเปลืองผงที่เตรียมไว้ทำพระ ก็ให้ใส่ปูนผงมากขึ้นในครกที่ตำผสมเนื้อกับน้ำมันตังอิ๊ว จึงกลายเป็นเนื้อขาวแก่ปูนในครกต่อๆมา กล่องที่ใส่พระเนื้อหยาบนี้ สั่งมาเป็นชุดแรกๆจากโรงงาน ส.พลาสติก จะเป็นกำมะหยี่บุเต็มกล่อง รองด้านในด้วยกระดาษแข็งสีขาว การวางตัวหนังสือหน้ากล่องก็จะแตกต่างกับกล่องใส่ของพระเนื้อละเอียดสีขาว พระผงเนื้อหยาบแบบนี้หมดจากตู้วัตถุมงคลของวัดก่อนเนื้อขาวละเอียด ด้วยมวลสารที่เข้มข้นและเกศาของหลวงพ่อ
    2. เนื้อขาว หรือที่เรียกว่าเนื้อละเอียด เป็นพระเนื้อแก่ปูนมีสีขาวนวล ไม่ค่อยเห็นมวลสารในเนื้อพระมากนัก เป็นเนื้อที่ตำผสมโดยใช้ครกไม้ใบใหญ่ ใช้ปูนเป็นส่วนผสมมากกว่าเนื้อหยาบที่ตำจากครกหิน เมื่อแห้งแล้วเนื้อพระมีการหดตัวมากกว่าแบบเนื้อหยาบเล็กน้อย พระเนื้อขาวละเอียดจะพบได้มากกว่าเนื้อหยาบ กล่องพลาสติกชุดหลังๆที่สั่งมาบรรจุพระ ก็จะแตกต่างกับกล่องที่สั่งมาชุดแรก ทั้งการวางตัวหนังสือหน้ากล่องและกำมะหยี่ที่บุไว้ไม่เต็มกล่อง แต่ตัดช่องตรงกลางขนาดเท่าองค์พระและรองด้านหลังด้วยแผ่นยางบางๆ พระเนื้อขาวละเอียดบางองค์อาจจะมีรอยหัวแหวนประทับไว้ด้านหลัง โดยพระเนื้อขาวละเอียดยังมีให้บูชาในตู้วัตถุมงคลของวัดโฆสิตารามอีกหลายปี และหมดลงในปี2552
    พิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคล ณ วัดโฆสิตาราม (บ้านแค) ตำบลบางขุด อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท วันพฤหัสบดี ที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๓๙
    เวลา ๐๓.๐๔ น. เริ่มพิธีพุทธาภิเษก หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ เจิมเทียนชัยในพิธี หลวงปู่ทิม วัดพระขาว จุดเทียนชัย หลวงพ่อพร้า วัดโคกดอกไม้ ดับเทียนชัย เกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณ ดังนี้
    ๑. หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี
    ๒. หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ นครปฐม
    ๓. หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง อยุธยา
    ๔. หลวงพ่อพิมพา วัดหนองตางู นครสวรรค์
    ๕. หลวงพ่อดี วัดพระรูป สุพรรณบุรี
    ๖. หลวงพ่อคร่ำ วัดวังหว้า ระยอง
    ๗. หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดธรรมิกาวาส
    ๘. หลวงพ่อสำราญ วัดปากคลองมะขามเฒ่า
    ๙. หลวงพ่ออุตตมะ กาญจนบุรี
    ๑๐. พระครูทวีศักดิ์ วัดช่องลม
    ๑๑. หลวงพ่อเจริญ วัดธัญญวารี
    ๑๒. หลวงพ่อพร้า วัดโคกดอกไม้
    ๑๓. หลวงพ่อพยุง วัดบรรลัง
    ๑๔. หลวงพ่อบุญตา วัดคลองเกตุ
    ๑๕. หลวงปู่ปรง วัดธรรมเจดีย์
    ๑๖. หลวงพ่อหลิว วัดไร่แตงทอง
    ๑๗. หลวงพ่อลำไย วัดลาดหญ้า
    ๑๘. หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา
    ๑๙. หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย
    ๒๐. หลวงพ่อเกษม วัดม่วง
    ประสบการณ์้เรื่องเล่า เรื่องที่๑
    ผมทำงานที่ศูนย์การค้าสัญชาติฝรั่งแห่งหนึ่ง หลายคนอาจไม่ทราบกันว่าทุกห้างนั้น เล่นไสยศาสตร์มนต์ดำกันทุกห้างกันอยู่แล้ว แม้แต่ห้างฝรั่งก็ตาม เพราะต้องการเรียกลูกค้าหรือแย่งลูกค้ากันก็ตามที หลายเดือนมานี้ผมรู้สึกไม่ค่อยสบาย มาตลอด อันที่จริงผมก็ทราบอยู่แล้วว่าผมโดน คุณไสย มนต์ดำ ลมเพลมพัด แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไรดี วันที่16/8/2549 ผมก็บังเอิญมาพบเวปบอร์ดนี้ วันที่19/8/2549 ก็เลยไปกราบพระศพหลวงพ่อกวย ก็เลยบูชาพระปรกโพธิ์ปี2539มา ช่วงเดินทางกลับกรุงเทพฯ ก็ปวดหัวตลอด เมื่อคืนนี้ก็เลยไหว้พระสวดมนต์ แล้วก็ชุมนุมเทวดา แล้วใช้พระปรกโพธิ์ รุ่น2539 ทำน้ำมนต์กินและอาบ หลังจากนั้นไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ผมก็รู้สึกว่าหายปวดหัวแบบปลิดทิ้ง รู้สึกโล่งสบายมากๆ ครับ นี่แหละครับ พุทธานุภาพ ธรรมมานุภาพ สังฆานุภาพของหลวงพ่อกวย ที่ผมได้รับประสบการณ์ ลืมบอกไป เมื่อตอนบูชาพระปรกโพธิ์ของท่านที่วัด แล้วนำไปวางไว้ที่รูปปั้นที่มือของหลวงพ่อ ผมสวดชุมนุมเทวดา ขอพรให้หลวงพ่อเสกพระของท่านให้มีอานุภาพดุจหลวงพ่อท่านทำเองกับมือท่าน หลวงพ่อกวยท่านมาสงเคราะห์ทำให้จริงๆครับ ทุกท่านโปรดวางใจว่า พระรุ่นปี 2539 ของหลวงพ่อกวยนั้นมีอานุภาพเหมือนท่านทำตอนมีชีวิตอยู่ทุกประการ
    ประสบการณ์เรื่องที่๒
    พระชุดนี้ พระเเละฆราวาส ตำผงกันเอง กดพิมพ์ที่วัด ใส่มวลสารเก่าๆของหลวงพ่อลงไปด้วย จัดพิธีปลุกเสกใหญ่มาก เกจิเก่งๆยุคนั้นมากันหลายท่าน
    ศิษย์หลวงพ่อ ตาสอน สมัยที่มาเผ้าศาลาหลวงพ่อ วันนึงไม่สบายนอนหลับ หลวงพ่อไปบอกที่หูว่า (ของที่พวกมึงทำ ของดีๆทั้งนั้น ทำไม่เอาไปใช้กัน) ตาสอนเลยไปหาพระรุ่นนี่มาคล้องคอเลยครับ
    พระรุ่นนี้ มีคนเช่าไปเเล้ววันนึงกลับมาเช่าอีกเป็นร้อยองค์ ทางวัดถาม เเกบอกว่า วันนึงคล้องพระรุ่นนี้ที่เช่าไปจากวัด ทำปืนลั่นใส่ตัวเอง มีเเต่เสียงเเชะ ก็เลยศรัทธาพระรุ่นนี้มากครับ
    วันที่ทำพิธีปลุกเสกพระรุ่นนี้ที่โบสถ์ของวัดบ้านเเค หลวงพ่อพร้าเล่าให้ฟังว่า ขณะปลุกเสก ท่านได้อธิษฐานจิต เชิญหลวงพ่อกวยมาร่วมปลุกเสกด้วย ท่านมองไปที่สายสิญ ซึ่งโยงมาจากโลงเเก้วของหลวงพ่อที่ศาลาหลังเก่า ท่านเห็นเเสงสีเขียววิ่งมาตามสายสิญ เข้าสู่กองวัตถุมงคลครับ
    สรุปสั้น ของดีๆจริงๆครับ ของหลวงพ่อรุ่นไหน เเบบไหน คล้องเดี่ยวได้สบายใจ

    ให้บูชา 2500 รส
    79515.jpg
    79516.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2025 at 20:17
  11. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,472
    ค่าพลัง:
    +13,257
    270. พระปิดตาเพชรกลับหนุนดวง พระครูสุภัทรกาญจนกิจ (สนองชาติ ฐิตฺจิตฺโต) วัดเย็นสนิทธรรมาราม ต.ลาดหญ้า อ.เมือง กาญจนบุรี สวยเดิม กล่องเดิม
    ว่าด้วยข้อมูลบางประการเกี่ยวกับองค์หลวงพ่อท่าน
    ท่านเป็นศิษย์ พระครูเนกขัมมวิสุทธิคุณ (ฮวด) วัดไม้รวก อยุธยา
    เรียนการเขียนอักษรขอม เลขยันต์ต่างๆ โหราศาสตร์ การดูฤกษ์ยาม แพทย์แผนโบราณ
    นอกจากนี้ท่านได้ศึกษาวิชากับ พระปลัดบุญรอด วัดแค (โคกมะนาว) อยุธยา ซึ่งเป็นพระเขมร
    และยังได้ไปเรียนวิชาต่างๆ จาก ลพ.นอ วัดกลางท่าเรือ ลพ.แจ่ม วัดวังแดงเหนือ และ ลพ.ตาบ วัดมะขามเรียง ลพ.นา วัดดอนพุด
    อีกทั้งยังได้ศึกษาค้นคว้าจากตำรับตำราของ ลพ.ปาน วัดบางนมโค
    ต่อมาท่านได้ไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ลพ.เงิน วัดดอนยายหอม และได้รับการครอบครูให้ โดย ลพ.เงิน ให้ท่านไปอธิษฐานให้พระพุทธเจ้าเป็นคนครอบครูให้แทน ลพ.สนองชาติท่านชอบไปนั่งปฏิบัติอยู่ตามป่าช้าเป็นนิจ ตอนหลังท่านได้ถือหลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปฏิบัติ
    (ข้อมูลบางส่วนใตการปลุกเสกแหวนนพสิทธิ์ฯ 2) ท่านเมตตาเสกให้นานราวๆ 10 นาที ท่านเสกแบบหลับตาสลับกับการลืมตาเพ่งไปที่วัตถุมงคลเป็นพักๆ
    ท่านบอกว่า...ของที่ทำให้ในวันนี้ไม่มีเสื่อม ใช้ได้ทุกทางตามแต่จะอธิษฐานเอา แต่ถอนของไม่ได้
    แต่ถ้าเป็นของๆ ท่านเอง จะสามารถถอนของได้ด้วย
    แค่มีวัตถุมงคลของท่านสักอย่างจะอะไรก็ได้ แม้แต่รูปเล็กๆ ของท่านที่ท่านแจก
    แค่กำไว้ในมือ ของที่อยู่ในตัวจะไหลออกมาทางมือข้างที่กำวัตถุมงคลของท่าน
    เราจะรู้สึกซ่าๆ ที่ปลายนิ้ว ท่านบอกว่าปล่อยให้มันหายไปเอง หมดซ่าเมื่อไรก็แสดงว่าของออกหมดแล้ว
    แต่เวลาจะทำ ให้เอาวัตถุมงคลอื่นที่ติดตัวอยู่ออกจากตัวให้หมด ไม้งั้นของมันจะไปติดอยู่ตรงที่วัตถุมงคลมาขวางไว้ทำให้ออกไม่ได้
    และถ้าวัตถุมงคลนั้นเสกมาไม่ดีก็จะโดนถอนพลังออกไปด้วย

    เลยถามท่านว่า...แล้วอย่างนี้คนที่เขาสักยันต์หรือลงน้ำมันอะไรมาอย่างนี้ของเขาจะเสื่อมด้วยไหม
    ท่านบอกว่า...เสื่อมเหมือนกัน แต่เสื่อมชั่วคราวคือเสื่อมแค่ชั่วในขณะที่ถอนของเท่านั้น
    เพราะตำราเขายังมี ครูเขายังมีอยู่ ดังนั้นพอเขาระลึกถึงวิชาที่เขาลงไว้ หรือระลึกถึงครูความศักดิ์สิทธิ์ก็จะกลับมาเอง

    ไม่รู้ว่าคนอื่นในคณะที่ไปจะนึกสงสัยเหมือนผมหรือเปล่า คือผมก็นึกในใจว่าแล้วทำไมหลวงพ่อไม่เสกให้ถอนของได้แบบหลวงพ่อด้วย
    แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามท่าน ท่านก็เฉลยมาเองเลยว่า....
    ที่ท่านไม่ได้ลงถอนของให้ เพราะว่ามันจะต้องทำพิธีในโบสถ์ มีบายศรี เครื่องบูชาครู มีฤกษ์ยาม
    ถ้ามาให้เสกแบบนี้ท่านก็ทำให้ได้เต็มที่แค่นี้
    แต่ถึงเสกให้แบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะถอนไม่ได้เลย ก็พอได้บ้างแต่ไม่เต็มที่เหมือนกับของๆ ท่านเอง

    ท่านยังเล่าอีกว่าสมัยก่อนที่ท่านเรียนวิชามานั้น ท่านเรียนทั้งกันและแก้มาเพียงคนเดียว
    ปกติการเรียนไสยศาสตร์เขามักจะเรียนกันเป็นคู่ เผื่อคนหนึ่งเป็นอะไรไปก็จะได้มีอีกคนช่วยแก้ให้ได้
    แต่ท่านเรียนมาคนเดียวโดดๆ ไม่มีคู่ ดังนั้นจะทำอะไรก้ต้องระวัง ผิดครูไม่ได้ไม่งั้นจะไม่มีใครช่วยแก้ให้
    อย่างบายศรีสมัยนี้ไปจ้างเขาทำ แต่ของท่านนี่ไม่ได้ ท่านต้องทำเองคนเดียว เราเป็นศิษย์ท่านใครจะมารู้จักอาจารย์ของเราดีเท่าเรา
    บายศรีนี่การม้วนก็มีความสำคัญ จะม้วนเข้าหรือม้วนออก เขามีกำหนดไว้ ขึ้นอยู่กับว่าจะทำอะไร ดังนั้นไปจ้างคนอื่นทำให้ไม่ได้
    แล้วไข่ยอดบายศรีนี่สำคัญ เวลาเราเชิญครูบาอาจารย์มาท่านก้จะสถิตย์อยู่ที่ไข่ยอดบายศรีนี่ล่ะ
    แล้วทีนี้เวลาเราไหว้ครู พลังของเราอาจจะไปกระทบคนอื่น เขาก็จะปล่อยของมา
    ทีนี้ของที่ปล่อยออกมาจะวิ่งผ่านข้ามบายศรีมาโดนตัวเราไม่ได้ ก็จะตกอยู่ที่ไข่ลูกยอด
    ในทางไสยศาสตร์เขาเชื่อกันว่า หากเรากินของที่เขาทำออกมาแล้วเขาก็จะทำของนั้นใส่เราไม่ได้อีก
    ไข่ยอดบายศรีจึงมีความสำคัญมาก ช่วยป้องกันตัวเราในระหว่างทำพิธี
    ท่านได้เล่าให้พวกเราฟังว่าตัวท่านเรียนไสยศาสตร์มาก่อน
    ยิ่งแต่ก่อนท่านอยู่อยุธยา ตำรับตำราเก่าๆ มีมาก ตำรับตำราไหนๆ ท่านก็ไปขอยืมมาค้นคว้า คัดลอก เรียนจนประสบความสำเร็จ
    จนบางทีเจ้าอาวาสวัดที่ไปขอยืมตำราเขามาเขาก็อิจฉา เพราะเขาเรียนแล้วทำไม่ได้ พาลโมโหเลยเผาตำราทิ้ง เสียสติไปเลย
    ของอย่างนี้ไม่ได้ เขามีครูบาอาจารย์อยู่ แล้วตำรับตำราเก่าๆ พวกนี้ สมัยก่อนเขาใส่พานบูชาอยู่ที่โต๊ะ
    อย่าว่าแต่ตัวตำราเลย ขนาดตู้ที่ใส่ตำราก็ยังเฮี้ยน บางทีเด็กไปจับตู้เข้าชักดิ้นชักงอเลย
    สมัยนั้นท่านชอบศึกษาค้นคว้า เรียนมามาก จนพอจะครอบครูท่านก็เลยจะไปให้ ลพ.เงิน วัดดอนยายหอมท่านครอบครูให้
    ทีนี้การจะครอบครูนี่เขาก็มีวิธีการของเขา คือ ท่านก็ให้แต่ละคนที่จะครอบครูไปทำของมาประมาณครึ่งบาตร
    แล้วก็ปลุกให้ของขึ้น ทีนี้ถ้าคนไหนจะเป็นครูบาอาจารย์เขาได้ก็จะต้องสั่งของนั้นให้หยุดได้
    แต่ปรากฏว่าของที่ท่านทำมา ใครๆ ก็สั่งให้หยุดไม่ได้
    ลพ.เงิน ก็ว่า...เอาอย่างนี้แล้วกัน ท่านเรียนวิชามาเยอะ ครูบาอาจารย์มีมากเสียเหลือเกิน
    ท่านเอาพานดอกไม้ธูปเทียนไปอธิษฐานต่อหน้าพระพุทธรูปก็แล้วกัน ให้พระพุทธเจ้าท่านครอบครูให้ท่าน

    ท่านได้เล่าถึงเรื่งการเสกแหวนในครั้งนี้ให้ฟังด้วยว่า
    เริ่มแรกท่านจะลงอาถรรพ์ให้ก่อน เพราะอาถรรพ์ไม่มีวันเสื่อม
    แล้วใช้อาคมบางบทปลุกเสกเพื่อให้จิตเกิดเป็นสมาธิได้เร็ว แล้วค่อยใช้สมาธิเสกอีกที
    แต่ถ้าเป็นตามปกติที่ท่านทำ วัตถุมงคลของท่านจะใช้สมาธิอย่างเดียวล้วนๆ
    ซึ่งญาติธรรมเจ้าเดิมที่จิตสัมผัสดีได้ดูการเสกของท่านพบว่า
    ตอนแรกท่านใช้สมถะในการเสกแล้วค่อยใช้วิปัสสนาญาณเสกคลุมทับอีกที
    ท่านได้อธิบายให้ฟังว่าการเสก มี 2 แบบ คือ ปลุก กับ เสก
    เสกเป็นการทำของที่ไม่มี (พลัง) ให้มีขึ้น ส่วนการปลุกเป็นการทำของที่มีอยู่ (ในตัว) แล้วให้ขึ้นมาแล้วถ่ายลงไปในวัตถุมงคล
    ดังนั้นพวกปลุกของก็จะมีอาการตัวสั่นแบบของขึ้น ซึ่งพวกนี้น่าสงสาร
    เพราะเวลาของขึ้นมันเป็นอย่างไรรู้ไหม หัวใจนี่มันจะทำงานหนักเต้นเร็วมาก
    ดังนั้นครูบาอาจารย์ที่แก่ๆ แล้วเสกด้วยวิธีปลุกแบบนี้มีโอกาสหัวใจวายในขณะทำพิธีได้ง่ายๆ
    อีกอย่างเคยสังเกตกันบ้างไหมว่าทำไมเราใช้วัตถุมงคลบางอย่างแล้วมีอาการฮีกเหิม โมโหร้าย อยากมีเรื่องชกต่อย
    ทั้งนี้ก็เพราะว่าเวลาที่ครูบาอาจารย์ท่านถ่ายพลังลงในวัตถุมงคล ถ้าองค์ๆนั้นไม่ได้ฝึกวิปัสสนากรรมฐานมาอารมณ์จริตนิสัยของท่านเป็นแบบใด
    ก็จะลงไปอยู่ในวัตถุมงคลด้วย ทำให้ผู้นำไปใช้มีอามณ์จิตแบบนั้นตามไปด้วย
    ดังนั้นผู้ที่เรียนอาคมมาจริงๆ ต้องฝึกวิปัสสนาไปด้วย เพื่อควบคุมอามณ์จิตของตนเองไม่ได้ไปติดอยู่ในวัตถุมงคล แต่มักไม่ค่อยมีใครฝึกกัน เพราะวิปัสสนามันต้องละวาง แต่อาคมมันต้องเพ่งยึดรูป แต่หลวงพ่อไม่เอา หลวงพ่อฝึกทั้ง 2 ด้านไปพร้อมๆ กัน
    แล้วท่านก็ได้สอนว่า เวลาไปหาครุบาอาจารย์ถ้าจะขอให้ท่านทำอะไรให้ ถ้าง่ายๆ ก็ให้หาพวงมาลัยกับธุูปเทียนแพไปขอท่าน ถ้าจะให้ดีหน่อยก็แต่งขัน 5 ไป ทำกรวยกระทงในกรวยใส่ ธุูป 1 ดอก เทียน 1 เล่ม หมากพลู 1 ยาเส้น 1 ดอกไม้ 1 ทำอย่างนี้เหมือนกันทั้ง 5 กระทง อันนี้เป็นประเพณีโบราณที่เขาปฏิบัติกันมา
    ครั้งหนึ่งท่านเคยพูดถึงเรื่องพุทธาภิเษกวัตถุมงคลว่าท่านไม่ค่อยอยากไป เดี๋ยวนี้ไปแล้วไปลองกันมากกว่า
    ท่านถามว่า...ถ้าเป็นเธอๆ รู้ว่าองค์นี้ดัง เก่งมาก แล้วถ้าเธอมีวิชาทำได้ เธออยากจะรู้ไหมว่าเขาเก่งจริงหรือเปล่า ดังนั้นพิธีพุทธาภิเษกเดี๋ยวนี้วัตถุมงคลแทนที่จะกลายเป็นเมตตากลายไปเป็นคงกระพัน มหาอุดกันทั้งนั้น เพราะถ้าเขาปล่อยหนักๆ มาเรามัวแต่ทำเมตตาอยู่ก็สู้เขาไม่ไหว มันก็ต้องใช้ของหนักยันกันไว้ บางองค์ถึงกับหงายหลังล้มกลางพิธีก็มี ก็เลยถามท่านว่า....แต่สมัยก่อนเขาก็มีพิธีพุทธาภิเษกเหมือนกันนี่ครับ
    ท่านก็บอกว่า...สมัยก่อนกับสมัยนี้ไม่เหมือนกันหรอก ครูบาอาจารย์สมัยก่อนท่านรุู้วาระจิตกันทั้งนั้น รู้แนวฝีมือของกันและกันเป็นอย่างดี ดังนั้นเวลาพุทธาภิเษกท่านก็จะน้อมจิตไปในทางเดียวกันหมด แต่เกจิในยุคสมัยนี้มันไม่ใช่ ไม่ได้มีวาระจิตหยั่งรู้เหมือนท่านเหล่านั้น ดังนั้นต่างคนต่างเสก ใครมีวิชาอะไรก็เอาตามที่ตัวถนัด ก็ซัดกันมั่ว คนนึงอุตส่าห์ทำจิตให้แข็งปลุกเสกเป็นมหาอุดอย่างดี เจออีกองค์ดันเอาเมตตาเข้ามาลูบเสียท่าเลย จากแข็งกลายเป็นอ่อนไป ทีนี้บางพิธีที่ของยังศักดิ์สิทธิ์อยู่ได้ก็เพราะเทวดาเขาช่วยไว้ เขามาช่วยจัดหมวดหมู่ให้ ทีนี้ถ้าพิธีไหนอัญเชิญเทวดาไม่ดีก็เละ
    ในเรื่องของความโกรธท่านสอนให้ใช้การดูอารมณ์โกรธ
    อย่าพยายามไปดับมัน เพราะถ้าเราไปดับมันก็เหมือนกับเราจุดเทียนแล้วทำให้ดับ
    แต่เทียนยังเหลืออยู่ จุดอีกเมื่อไรก็ติด
    ดังนั้นให้พิจารณาดูอาการของมันไป อย่าไปใช้ความคิดมาดับ หรือคิดถึงคำสอนของหลวงพ่อมาดับไม่ได้
    แค่ใช้ความคิดก็ผิดแล้ว หรือยิ่งไปคิดหาหนทางมาดับมันก้ยิ่งเหมือนสาดน้ำมันเข้ากองไฟ
    ดังนั้นให้ดูอาการของมัน ว่าต้นเหตุมาจากไหน แล้วการดำเนินของมันเป็นอย่างไร
    ดูว่าร่างกายของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ร่างกายเราร้อนขึ้น หัวใจเต้นแรงขึ้น หน้าแดง มือสั่น
    ดูไปเรื่อยๆ จนไปถึงที่สุดของมันความโกรธก็จะหายไปเอง เหมือนเทียนที่ลุกใหม้จนหมดเล่ม
    แต่ทำไมพอเราคิดถึงเรื่องนั้นก็ยังโกรธขึ้นมาอีกได้ นั่นก็เป็นเพราะสัญญาของเราที่ยังไปยึดติดอยู่
    ที่จริงท่านสอนเรื่องการละสัญญาไว้ด้วยแต่มันละเอียดลึกซึ้งกลัวจะอธิบายผิดไปจากคำสอนของท่าน ต้องรอให้ท่านอื่นที่จำได้ดีกว่ามาเล่าดีกว่า
    เพราะเรื่องนี้เป้นปัญหาการปฏิบัติของญาติธรรมคนที่สมาธิจิตดี ซึ่งเขาทำได้ถึงขั้นนั้นแล้วยังติดอยู่ แต่ที่แน่ๆ พอสรุปได้ว่าท่านเน้นสติปัฏฐาน 4
    การทำงานก็ให้อยู่กับปัจจุบัน ไม่ใช่พอทำงานก็คิดเรื่องรวยแล้ว นั่นมันเรื่องอนาคต
    หรือทำอะไรมาล้มเหลวแล้วก็มานั่งกลัวอันนั้นมันก็เรื่องอดีตจบไปแล้ว
    ที่จริงท่านพูดถึงเรื่องการต่ออายุขัยด้วย แต่ไม่กล้าเล่ากลัวผิด เพราะจำได้คร่าวๆ
    แต่ตอนจะตายท่านว่าเวทนามันเกิด พอเวทนาเกิดอกุศลกรรมก็จะมาแทรกทำให้เราต้องไปเกิดตามผลกรรมนั้น ตอนที่ธาตุทั้ง 4 ในร่างจะแตกสลายจะมีเวทนาเกิดขึ้นทุกคนไม่มากก็น้อย ทำบุญเยอะเวทนาก็แทบไม่มี ส่วนที่ไปไม่ดีมักจะมีเวทนามากๆ ทั้งนั้น
    ท่านว่าตัวท่านกำลังฝึกการต่ออายุอยู่ ถ้าได้ท่านจะมีอายุถึง 100 กว่าปี แต่ท่านบอกว่าท่านขอแค่ 28 ปี แต่ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับะาตุขันธ์ในร่างกาย ถ้าอยู่แล้วมันทำอะไรไม่ได้เป็นภาระให้คนอื่นก็จะเป็นบาปกรรมเราก็ไม่ต่อ ถ้าจะต่อก็ต้องอยู่แล้วยังทำประโยชน์อะไรได้
    อ้อ....ท่านพุดถึงเรื่องวัตถุมงคลสมัยนี้ว่าถ้าเอาตามแบบโบราณไม่ต้องทำไรมากแค่เข้ากทม.ก็เสื่อมแล้ว
    เพราะต้องลอดใต้สะพาน ลอดอะไรสารพัด แต่ของๆ ท่านๆ กันและแก้ผูกไว้หมดทุกอย่าง ไม่มีทางคัดถอนได้
    อย่างพวกทหารทางใต้ที่ใส่พระไปเต็มคอน่ะ ทำไมถึงตายกัน ก็เพราะคนทำวัตถุมงคลกันเดี๋ยวนี้เสกกันไม่เป็น
    อย่านึกว่าอีกฝ่ายเขาไม่มีวิชานะ แค่เขาเอากกน.ผู้หญิงมาพันปากกระบอกปืนแล้วยิงก็เข้าแล้ว
    ก็เลยถามท่านว่า...แล้วอย่างนี้เราจะแก้อย่างไร
    ท่านก็ว่า...เราก็ต้องเพ่งให้หนักขึ้นกว่าปกติ สิ่งอัปมงคลก้ต้องล้างด้วยมงคลชั้นสูง
    พระที่ท่านเสกไว้ ถึงท่านตายไปก็ไม่มีเสื่อม อย่างบาตรน้ำมนต์ที่ท่านทำเอาไว้ แค่เอาน้ำใส่ในบาตรแล้วระลึกถึงชื่อท่านก็ใช้ได้เลย
    แล้วท่านก็หันมาถามผมว่ารู้จักชื่อท่านแล้วใช่มะ...
    แลวท่านก็ถามว่า...แล้ววัตถุมงคลที่ไม่ได้เสกมีพลังไหม ?
    ท่านบอกว่า...มี แต่มีเฉพาะบุคคล เช่นถ้าคนๆนั้นไปได้ของๆ ท่านที่เป็นของปลอมมา แต่รู้จักท่าน
    เรียกให้ท่านไปช่วยท่านก็ไป แต่ปัญหามันจะตกอยู่กับลูกหลาน
    ตัวพ่อเองใช้ดีมีประสบการณ์ แต่พอลูกใช้มันไม่เหมือนกัน เกิดลูกหลานเขาไม่รู้จักท่าน ไม่ศรัทธาในตัวท่าน มันก็คุ้มครองชีวิตเขาไม่ได้

    (ขอขอบคุณข้อมูลคุณหมออานุภาพ ผู้สร้างแหวนสัตตะภุชงค์ฯและแหวนนพสิทธิ์ฯอันโด่งดัง)
    ให้บูชาองค์ละ 1050 รส (มีมาให้บูชา 2 องค์)
    79358.jpg
    79359.jpg

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 79360.jpg
      79360.jpg
      ขนาดไฟล์:
      166.2 KB
      เปิดดู:
      13
    • 79357.jpg
      79357.jpg
      ขนาดไฟล์:
      188.6 KB
      เปิดดู:
      11
  12. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,472
    ค่าพลัง:
    +13,257
    271. ตะกรุดมหาบุรุษ 8 จำพวก พิธีไหว้ครู ปี 68 หลวงพ่อบัวลอย วัดน้อย สิงห์บุรี
    ตะกรุดมหาบุรุษ8จำพวก ออกในงานไหว้ครูประจำปี 2568 หลวงพ่อบัวลอย วัดน้อย อินทร์บุรี สิงห์บุรี งานจารมือทุกดอกโดยหลวงพ่อบัวลอย ขนาดน่ารักสะดวกพกพา 3 นิ้วพร้อมใส่หลอดบรรจุ สำหรับวิชามหาบุรุษ8จำพวกนี้เป็นวิชาที่หลวงพ่อท่านมั่นใจมาก ท่านเคยปรารภว่า “ถ้าตะกรุดมหาบุรุษ8จำพวกในยุคปัจจุบันนี้ ฉันมั่นใจว่าฉันไม่แพ้ใคร” พุทธคุณว่า แม้นตกอยู่ในสถานที่ใดสถานที่นั้นก็จักจำเริญรุ่งเรืองขึ้น ตกในวัดร้างวัดร้างก็จะเจริญขึ้น หนุนดวงค้ำชะตาผู้บูชา และที่พิเศษสุดๆคือ ตะกรุดชุดนี้ทุกดอกหลวงพ่อได้เมตตาบรรจุสีผึ้งของหลวงพ่อที่ท่านหวงมากๆๆๆๆ ลงไปด้วยครับ
    สำหรับตะกรุดมหาบุรุษ8จำพวก นี้เป็นวิชาที่หลวงพ่อบัวลอยได้สืบสานสายวิชามาจากท่านอาจารย์ชุม ไชยคีรี ตะกรุดจะมีสองแผ่น คือ ตัวผู้และตัวเมีย พุทธคุณดีทุกประการตามแต่จะอธิฐานใช้ครับ หมั่นสวดมนต์ภาวนาจะขลังยิ่งๆ ขึ้นไปครับ ส่วนสีผึ้งที่บรรจุไปพร้อมตะกรุด ผมก็ไม่ทราบว่าเป็นสีผึ้งอะไรครับ แต่หลวงพ่อท่านต้องเป็นผู้ตักสีผึ้งเองเท่านั้นไม่ให้ใครไปตักสีผึ้งชุดนี้เลยครับ
    ตะกรุดมหาบุรุษ8จำพวก หลวงพ่อ ท่านแนะนำว่าให้ใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์หรือเก็บไว้ในที่สูง ใช้อธิฐานฝังในที่ดินก็ได้ วางไว้ใต้ฐานพระพุทธรูปบูชาประจำบ้านก็ได้ ท่านว่าเป็นโชคลาภหนุนดวงชะตาค้ำจุนค้ำคูณดีนักแล ครับ
    วัตถุมงคลที่หลวงพ่อทำให้ผู้คนบูชาแต่ละรุ่นนั้น ผมกล้าพูดเลยครับไม่ง่ายเลย ทุกอย่างต้องมีเวลาและวาระ แต่ละอย่างหลวงพ่อท่านเสกนานและบางอย่างก็เสกนานหลายปี ถ้าพูดถึงเรื่องการสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อแล้วหลวงพ่อจะคุมและลงมือทำเองด้วยตัวหลวงพ่อเองทุกอย่าง ตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสมบูรณ์ เริ่มตั้งแต่ลบผงเอง รวบรวมชนวนมวลสารเอง ดูฤกษ์ยามงามดี บรวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อาราธนานิมนต์พ่อแม่ครูบาอาจารย์ผู้ทรงอธิจิต ร่วมอธิษฐานจิตแผ่บารมี และนำไปอธิษฐานขอบารมีตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ถ้าพูดถึงเรื่องทำของมงคลและวัตถุมงคลให้ผู้คนได้ร่วมทำบุญและทำให้ผู้คนได้ใช้บูชาติดตัวแล้ว หลวงพ่อพูดอยู่เสมอว่าต้องทำให้ดีที่สุด หลวงพ่อเคยบอกว่าถ้าจะหาของดีไว้ใช้บูชาติดตัว แค่ของที่ฉันทำก็เพียงพอแล้ว ถ้าฉันทำไว้ให้บูชาไม่ว่าอะไรก็ตามฉันทำไว้ให้ดีหมดแล้ว ของที่ฉันทำฉันก็ใช้เหมือนกัน
    ว่าด้วยวิชาตะกรุดมหาบุรุษ 8 จำพวก

    269c.png 269c.png ตามตำราครูบาอาจารย์ เชื่อกันว่าจะก่อให้เกิด ลาภยศ สรรเสริญ สุข อย่างอัศจรรย์
    ท่านว่าเป็นบุญเป็นกุศลด้วยคุณวิเศษ
    ตามที่พรรณาไว้มากมาย สรุปได้ว่า
    ผู้ใดมีตระกรุดนี้ไว้ประจำตัวแล้วเจริญภาวนาด้วยพระคาถา หัวใจพระอริยสัจ "ทุสะมะนิ" เป็นประจำ
    2b50.png ️คนยากจนจะเป็นเศรษฐี
    2b50.png ️เศรษฐีจะรักษาทรัพย์ไว้ได้นาน
    2b50.png ️คนโชคร้ายกลายเป็นคนโชคดี
    2b50.png ️คนไม่มียศจะมียศ
    2b50.png คนไม่มีผัวจะมีผัว
    2b50.png คนไม่มีเมียจะได้เมีย
    2b50.png ผัวเมียรังเกียจกันจะคืนดีต่อกัน
    2b50.png คนไม่มีลูกจะมีลูก
    2b50.png ไม่มีปัญญาจะเกิดปัญญา
    2b50.png บ้านเมือง_ไร่_นา_สวน_บริษัท_ห้างร้าน_
    วัดวาอาราม ที่เสื่อมโทรมเอาตระกรุดฝังไว้
    หรือติดไว้ที่ป้ายบริษัทห้างร้านจะเจริญรุ่งเรือง
    2b50.png บรรจุไว้ใต้ฐานพระประธานคนกราบไหว้บูชาเจริญภาวนาจะเกิดโชคลาภยิ่งใหญ่
    2705.png ตะกรุดมหาบุรุษ ๘ จำพวกนั้น
    ในพระธรรมบทท่านหมายเอา มรรค ๔ ผล ๔ คือ
    1f536.png ผู้เป็นโสดาปัตติมรรค 1f537.png ผู้ได้โสดาปัตติผล
    1f536.png ผู้เป็นสกิทาคามิมรรค 1f537.png ผู้ได้สกิทาคามิผล
    1f536.png ผู้เป็นอนาคามิมรรค 1f537.png ผู้ได้อนาคามิผล
    1f536.png ผู้เป็นอรหัตตมรรค 1f537.png ผู้ได้อรหัตตผล
    1f4ab.png รวมเป็นบุคคลแปดจำพวกที่ควร
    แก่การกราบไหว้บูชา 1f4ab.png
    ในทางไสยศาสตร์ท่านหมายถึงเอาหัวใจของมหาบุรุษผู้วิเศษสุด ถึง ๘ ท่าน ใน ๘ ด้าน จาก ๘ ทิศในทั่วทั้งจักรวาล มาบรรจุในตะกรุดดอกนี้ ได้แก่ ...
    2764.png หัวใจของมหาบุรุษผู้เป็นพระเจ้ามหาจักรพรรดิ เหนือกว่าพระเจ้ามหาจักรพรรดิทั้งปวง ๑
    2764.png หัวใจของยอดท้าวพระยา ผู้มีอำนาจเหนือกว่าท้าวพระยาทั้งปวง ๑
    2764.png หัวใจยอดขุนพลแก้ว ผู้มีความกล้าหาญ เหนือกว่ายอดขุนพลทั้งปวง ๑
    2764.png หัวใจของยอดปราชญ์ ผู้รู้รจนา เหนือกว่าปราชน์ทั้งปวง ๑
    2764.png หัวใจของมหาเศรษฐี ผู้มีทรัพย์สมบัติเหนือกว่ามหาเศรษฐีทั่วไป ๑
    2764.png หัวใจของท่านราชครู ผู้มีความรู้เหนือกว่าราชครูทั้งปวง ๑
    2764.png หัวใจของพระพุทธเจ้า อีก ๑

    1f4ab.png รวมเป็น ๘ มหาบุรุษแปดจำพวก 1f4ab.png
    ให้บูชาดอกละ 650 รส (มีแบ่ง 3 ดอก)
    5100924.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2025 at 09:24
  13. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,472
    ค่าพลัง:
    +13,257

แชร์หน้านี้

Loading...