เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 28 กันยายน 2024 at 16:57.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,787
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +26,291
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,787
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +26,291
    วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ช่วงเช้ากระผม/อาตมภาพทำบวงสรวง เพื่อขออนุญาตจัดงานภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ และปลุกเสกวัตถุมงคลให้กับทางวัดอุทยาน ถนนเลียบคลองบางกอกน้อย หมู่ที่ ๕ ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี

    การภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบในครั้งนี้นั้น ผศ.,ดร. สุวัฒสัน รักขันโท ประธานหลักสูตรประกาศนียบัตร ศาสตร์และศิลปะแห่งชีวิตตามแนวพุทธจิตวิทยา จาก
    ภาควิชาจิตวิทยา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้ทำหนังสือขออนุญาตให้นิสิตเข้ามาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย ซึ่งความจริงทางเราก็ไม่ได้มีการหวงห้ามที่ใครจะไปจะมา แต่ว่าการจัดกิจกรรมในลักษณะแบบนี้ เมื่อถึงเวลามีการตรวจสอบคุณภาพการศึกษา ก็จะต้องมีร่องรอยของการจัดกิจกรรมเอาไว้ ให้เขาได้รู้เห็นว่าทำงานกันจริง ๆ จึงต้องมีหนังสือขอความร่วมมือในการนำนิสิตมาร่วมงานด้วย

    เสร็จจากการภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบแล้ว ญาติโยมได้ร่วมกันทำบุญกับกระผม/อาตมภาพมา ๗๐,๐๐๐ กว่าบาท ก็ได้ถวายให้กับพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ., ดร. เอาไว้ในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดอุทยาน ซึ่งท่านแจ้งว่าจะนำไปทาสีอาคารศาลาการเปรียญเสียใหม่ ต้องขออนุโมทนาและเจริญพรอนุโมทนากับญาติโยมทุกท่านที่ได้ร่วมบุญกันในครั้งนี้ด้วย

    เมื่อฉันเพลแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้วิ่งไปยังวัดหนองโพ ถนนเพชรเกษม หมู่ที่ ๙ ตำบลหนองโพ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ตามที่พระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ ป.ธ. ๗ เจ้าอาวาสวัดหนองโพ รองเจ้าคณะอำเภอโพธาราม เพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งท่านได้นิมนต์มาปลุกเสกเดี่ยววัตถุมงคล เพื่อที่จะเอาไว้หาทุนในการสร้างศาลาเอนกประสงค์หลังใหม่ ซึ่งตรงนี้กระผม/อาตมภาพเคยบอกกล่าวไป เกี่ยวกับบุคคลบางประเภทที่กล่าวว่า "ทำไมถึงจะต้องสร้างวัตถุมงคลหาเงินด้วย ? เนื่องเพราะว่าพระพุทธเจ้าให้พวกเราอยู่ป่า..!"

    ตรงจุดนี้บางทีคนเราเมื่อถึงเวลาก็ "เถรตรง" บ้าง ปัญญาไม่ถึงบ้าง จึงทำให้เขาทั้งหลายเหล่านั้น มีแนวคิดที่ค่อนข้างจะผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง พูดง่าย ๆ ว่าสมัยนี้วัยรุ่นเขาบอกว่า "อยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์" ก็คือไม่ได้อยู่ในโลกของความเป็นจริง หากแต่ว่าอยู่ในโลกของความเพ้อฝัน


    จึงทำให้พระพุทธศาสนาในปัจจุบันนี้ค่อนข้างที่จะสับสนวุ่นวาย เพราะว่าผู้ที่แสดงตนว่าเป็นผู้รู้นั้น ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อต่าง ๆ มากต่อมากด้วยกัน แล้วก็มีจำนวนมากที่แสดงความคิดเห็นผิด ๆ อย่างเช่นว่า "การุณยฆาตถือว่าไม่ผิดศีล..!" ซึ่งกระผม/อาตมภาพได้ยินแล้วก็ใจหายวาบ..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,787
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +26,291
    เนื่องเพราะว่าการุณยฆาตหรือว่า Mercy Killing ตามแบบของฝรั่งนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ชาวพุทธของเราควรจะไปยุ่งเกี่ยวด้วย คนหรือสัตว์จะตายเร็วตายช้า ขึ้นอยู่กับกรรมที่เขาได้กระทำเอาไว้ เราเองจะไปตัดสินใจให้เขาจบชีวิตลง ด้วยเห็นว่าเป็นความเมตตากรุณานั้นไม่ได้

    โดยเฉพาะถ้าพระภิกษุสงฆ์ของเราไปแนะนำ แล้วญาติโยมทำตาม ถ้าอย่างนั้นท่านเองอาจจะต้องอาบัติปาราชิกในฐานะฆ่าคนโดยสาณัตติกะ ก็คือสั่งให้เขาทำ เป็นเรื่องที่อันตรายสุด ๆ ส่วนญาติโยมนั้นถ้าหากว่าท่านไปทำลักษณะนี้กับผู้ที่เป็นบิดามารดา ก็ยิ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าอาจจะต้องอนันตริยกรรมในการฆ่าพ่อฆ่าแม่ของตน

    ดังนั้น..ในเรื่องของการุณยฆาตนั้นไม่ได้มีในสังคมไทยของเรา แต่ว่าไปเอามาจากสังคมต่างประเทศ บริบทของต่างประเทศกับบ้านเราเมืองเรานั้นเป็นคนละอย่างกัน คนละแบบกัน โดยเฉพาะพวกเราถือศีล และปฏิบัติธรรมตามหลักพระพุทธศาสนา เราต้องเชื่อในเรื่องของกรรม ถ้าหากว่าคนเราหมดอายุขัย ๑ หมดอาหาร ๑ หมดบุญ ๑ หมดกรรม ๑ เขาทั้งหลายเหล่านั้นก็ย่อมหมดชีวิตลงเองโดยอัตโนมัติ

    เพียงแต่ว่าเราไม่สามารถที่จะเข้าไปแทรกแซงตรงนั้นได้ เพราะว่าถ้าแทรกแซงเมื่อไร เราก็มีสิทธิ์ที่จะฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เนื่องเพราะว่าองค์ประกอบในการที่จะละเมิดศีลข้อแรกก็คือปาณาติบาตนั้น บาลีกล่าวไว้ว่า

    ๑) ปาโณ สัตว์นั้นมีชีวิตอยู่

    ๒) ปาณะสัญญิตา เรารู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิตอยู่

    ๓) วะธะกะจิตตัง เรามีจิตคิดจะฆ่า

    ๔) ปะโยโค ลงมือในการฆ่า

    ๕) เตนะ มรณัง สัตว์นั้นตายด้วยความพยายามของเรา

    ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าถ้าองค์ประกอบครบ ๕ ส่วนนี้ก็คือผิด ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เต็ม ในเรื่องของการุณยฆาตขาดแค่องค์ประกอบข้อที่ตั้งใจจะฆ่าแค่นั้น ก็แปลว่าท่านยังผิดอยู่ถึง ๘๐ เปอร์เซ็นต์เป็นอย่างน้อย ก็แปลว่าถ้าใครเชื่อพระอาจารย์ท่านนั้นแล้วทำลงไป ถ้าหากว่าแนะนำให้ญาติโยมทำ ผู้ที่เป็นพระภิกษุสงฆ์มีสิทธิ์ต้องอาบัติปาราชิก เพราะว่าทำให้ผู้อื่นตาย ในขณะเดียวกันถ้าหากว่าเป็นลูก ทำแบบนั้นกับพ่อแม่ของตน ก็มีสิทธิ์ต้องอนันตริยกรรมอีกด้วย..!

    เรื่องพวกนี้บุคคลที่ใช้อัตโนมติ โดยที่ไม่ได้สนใจว่าเรื่องของพระธรรมวินัยเป็นอย่างไรนั้น ทำให้สังคมบ้านเราวิปริตผิดเพี้ยนไปมาก ทั้ง ๆ ที่
    บ้านเราทุกวันนี้ก็ยุ่งเหยิงวุ่นวายมากอยู่แล้ว เพราะว่ามีผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง ในการที่จะทำบ้านเราเมืองเราให้อ่อนแอมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แล้วก็จะครอบงำหรือว่ายึดครองไปเลย จึงทำให้เราท่านทั้งหลายอาจจะต้องตั้งสติให้มากเข้าไว้ ทำอย่างไรที่เราจะไม่ทะเลาะกันเอง
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,787
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +26,291
    กระผม/อาตมภาพนั้นก็สงสารประเทศชาติของเราในปัจจุบันนี้ เนื่องเพราะว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งควรที่จะมีความรู้รอบรู้จริงในเรื่องต่าง ๆ แต่ปรากฏว่าแต่ละท่านแสดงความเห็นออกมาแล้ว โดน "ทัวร์ลง" กระหน่ำอย่างชนิดที่เรียกว่าไม่เป็นผู้เป็นคน แต่ก็ไม่เห็นเขาเหล่านั้นจะเข็ดจะกลัว ถ้าไม่ใช่เพราะรับงานมา ก็อาจจะปัญญาน้อย จนไม่เห็นว่าสิ่งที่ตัวเองพูดหรือทำนั้น เป็นทุกข์เป็นโทษแก่ผู้อื่น และทำให้ประเทศชาติของเราเสียหายอย่างไร

    จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ต่อให้ท่านทั้งหลายย้ายพรรค เปลี่ยนพรรค เปลี่ยนชื่อไปสักเท่าไรก็ตาม ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงแนวคิดและพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อประเทศชาติอย่างนี้อีก คาดว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าท่านอาจจะถึงกับสูญพันธ์ุก็เป็นไปได้..!

    เราท่านทั้งหลายถ้าหากตั้งใจจะช่วยเหลือประเทศชาติของเรา อันดับแรกเลย ให้ปฏิบัติตนอยู่ในศีลในธรรมและกฎหมายบ้านเมืองก็เพียงพอแล้ว ถ้าหากว่าทุกคนอยู่ในศีลในธรรม ไม่ละเมิดในสิทธิของผู้อื่น รักษากฎหมายบ้านเมือง ไม่ล่วงละเมิดกฎหมายแล้ว ประเทศชาติของเราก็จะสงบสุขโดยอัตโนมัติ

    องค์ในหลวงก็ไม่ต้องเหนื่อยยากในการที่จะมาประสานสามัคคีให้พวกเรารักกัน เพราะว่าทุกคนรู้สิทธิและหน้าที่ของตน และปฏิบัติตามได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่เห็นว่าเป็นสิทธิของตน แต่จะไปละเมิดสิทธิของผู้อื่นเท่าไรเราไม่สนใจ ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าท่านทั้งหลายขาดทั้งธรรม ทั้งวินัย และละเมิดกฎหมายบ้านเมือง พูดง่าย ๆ ว่าเป็นบุคคลที่ไม่รู้กาลเทศะ

    จะทำสิ่งหนึ่งประการใดในสมัยนี้ สื่อโซเชียลสามารถที่จะส่งเรื่องออกไปทั่วโลกได้เร็วมาก สิ่งที่ท่านทำก็จะโดนตราเอาไว้เป็นประวัติของตนเอง แต่ว่าถ้าหากว่าเราไม่หน้าด้านใจดำ ก็เป็นนักการเมืองที่ดีไม่ได้ ฟังแล้วกระผม/อาตมภาพเองก็ออกอาการ "น้ำตาจิไหล" ว่า นักการเมืองในบ้านเราเมืองเราจะหาดีไม่ได้อย่างที่เขาว่าจริง ๆ หรือ ?

    ถ้าอย่างนั้นบุคคลที่น่าสงสารที่สุดก็จะกลายเป็นองค์ในหลวง ที่แบ่งสรรพระราชอำนาจออกไปแล้ว ผู้อื่นนำไปใช้โดยที่ขาดความระมัดระวัง ขาดความยำเกรงในพระราชอำนาจ ทำให้ประเทศชาติสับสนวุ่นวาย แล้วในขณะเดียวกัน พระองค์ท่านก็ยังต้องเสียเวลาลงมาแก้ไข ในเรื่องที่คนอื่นเขาทำเละเทะเอาไว้อีกต่างหาก พูดง่าย ๆ แบบหยาบ ๆ ก็คืออนุญาตให้คนอื่นขี้ แล้วพระองค์ท่านก็ต้องไปตามเช็ดตามล้าง กลายเป็นภาระหนักสำหรับผู้ที่ต้องรับผิดชอบประเทศชาติทั้งประเทศ

    แม้ว่าแบ่งสันปันส่วนพระราชอำนาจออกไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรัฐสภาก็ดี วุฒิสภาก็ดี ทางด้านศาลตุลาการก็ตาม
    แต่ว่าการใช้อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการนั้น ในปัจจุบันนี้เขาไม่ค่อยจะรักษาชื่อเสียงวงศ์ตระกูล พูดง่าย ๆ ว่าไม่รักวงศ์ตระกูลยังไม่พอ ยังไม่รักหน้าตัวเองอีกต่างหาก สิ่งต่าง ๆ ที่ทำจึงมีแต่จะสร้างความเสียหายให้กับตนเองและครอบครัว ตลอดจนกระทั่งท้ายที่สุด ที่เสียหายหนักที่สุดก็คือประเทศชาติของเรา

    ก็ได้แต่เอาใจช่วยว่าขอให้ทุกคน มีสติจากบุญเก่าที่หนุนเสริมเข้ามาได้ทันเวลา แล้วช่วยกันประคับประคองรักษาประเทศชาติบ้านเมืองของเรา ให้มั่นคงถาวรสืบไป เพื่อที่พระพุทธศาสนาจะได้มีที่ประดิษฐานอย่างมั่นคง ประชาชนจะได้มีหลักใจ ในการที่จะนำพาตนเองให้พ้นจากกองทุกข์ได้ สมกับที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ตั้งพระราชประสงค์เอาไว้

    สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๒๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...