พระปิดตา นิยามคำว่าพระปิดตา

ในห้อง 'กระทู้เก่า' ตั้งกระทู้โดย ตั้มศรีวิชัย, 5 มกราคม 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ตั้มศรีวิชัย

    ตั้มศรีวิชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    597
    ค่าพลัง:
    +1,847
    พระปิดตา นิยามพระปิดตา
    พระปิดตาความจริงไม่มี แต่นิยมเรียกกันมานานจนชินปาก ลักษณะขององค์พระท่านเป็นการยกพระหัตถ์ ปิดพระพักตร์ มิใช่ยกพระหัตถ์ปิดพระเนตร(ตา) แต่ปิดรวม ตา หู จมูก ปาก และดวงหน้าซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งของกาย ส่วนใจเป็นนามก็ปิดโดยสมมุติ นับเป็นอาการสำรวมอายตนะ ๖ ประการ


    [​IMG]
    พระปิดตาอาจารย์เจ็ก วัดเขาแดงตะวันตก(รูปจากคุณก้อง หาดใหญ่)

    ชนิดของพระปิดตาแบ่งออกเป็น ๓ ชนิด

    ๑. พระปิดตา ชนิดปิดตานั่งยองความหมายเดิมคือพระโพธิสัตว์เจ้าในพระครรภ์ เรียกว่าพระมหาอุด หรือเป็นพระปิดทวารทั้งเก้าเต็มภาค ไม่มีคำเรียกอย่างอื่น
    ๒. พระปิดตา ชนิดปิดตานั่งขัดสมาธิยกหัตถ์ปิดทวารทั้งเก้า ความหมายเดิมคือพระเจ้าเข้านิโรธ ควรใช้ศัพท์เรียกว่า “ภควัม”ไม่มีคำว่าพระนำหน้าและไม่มีคำบดีหรือปติตามหลัง จะเรียกภควันต์ก็ไม่ได้ เพราะคำศัพท์หมายถึงพระอิศวรหรือนามแห่งพระพุทธเจ้า ภควัม ตามความหมายของพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถานหมายความถึงพระปิดทวารทั้งเก้าปิดตาคว่ำพระพักตร์ จนมีคำพังเพยว่า”หน้าคว่ำเป็นภควัมเจียวนะ”หมายถึงสาวแสนงอน มองไปหลายตลบ ก็ไม่พบพระปิดตาหน้าคว่ำคำราชบัณฑิตหมายถึง ผู้แปลบาลีท่านจะเป็นนักพระเครื่องด้วยหรือเปล่าก็ไม่ทราบ
    ๓. พระปิดตา ชนิดปิดตานั่งขัดสมาธิ ยกหัตถ์ทั้งสองขึ้นปิดพระพักตร์ เว้นส่วนอื่น เป็นพระเมตตามหานิยมและลาภผล เรียกว่า “พระควัมปติ”พระปิดตาทั้ง๓ชนิดมีทั้งฝ่ายบู้ ฝ่ายบุ๋น ความหมายมิได้คล้ายคลึงกันเลย ยังมีบุคลบางท่านเข้าใจผิดคิดว่าเป็นประเภทเดียวกัน จำต้องสังคายนาให้เห็นชัดสักครั้ง เพราะมิผู้นิยมพระปิดตากันมาก

    [​IMG]
    พระปิดตากุมารในครรภ์ อาจารย์เจ็ก วัดเขาแดงตะวันตก(รูปจากคุณก้อง หาดใหญ่)

    ๑. ๑ พระปิดตามหาอุดโดยสมบูรณ์นั่งยอง หรือพระเจ้าในครรภ์ สร้างโดยรูปแบบบุคคลาธิษฐานของการปิดทวารทั้งเก้า โดยจินตนาการรูปลักษณะของทารกในครรภ์ ซึ่งมีการปิดทวารโดยอัตโนมัติดังนี้
    ๑ ๑ ๑ ดวงตาทั้งสองต้องไม่มองสรรพสิ่งใดๆ(ปิด ๒ ทวาร)
    ๑.๑.๒ หูทั้งสองไม่รับฟังสรรพสำเนียงใดๆ(ปิด ๒ ทวาร)
    ๑.๑.๓ รูจมูกทั้งสองไม่ทำการหายใจ(ปิด ๒ ทวาร)
    ๑.๑.๔ ไม่เอ่ยปากเจรจากับผู้ใด(ปิด ๑ ทวาร)
    ๑.๑.๕ ทวารหนักเบาไม่ทำการถ่าย(ปิด ๒ ทวาร)
    รวมทั้งสิ้นเป็นการปิดทวารทั้งเก้าทวารด้วยกัน ไม่เกี่ยวกับการอายตมะเท่าที่ค้นพบนิยมสร้างด้วยเนื้อตะกั่วเถื่อน เช่นพระของหลวงพ่อดำ วัดกุฎิ ปราจีนบุรี สร้างเป็นลักษณะก้อนกลม มีเท้าทังสองข้างโผล่ให้เห็นเพียงเล็กน้อย ดูคล้ายมิใช่องค์พระ นั่นแหละพระเจ้าในครรภ์ อายุยังน้อยประมาน ๓ เดือนเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าสถิตอยู่ในครรภ์ พระปิดตากุมารในครรภ์ อาจารย์เจ๊ก พระปิดตาหลวงพ่อปาน วัดบางกระสอบ อาจารย์หลวงพ่อเชย พระปิดตาคุมโปง วัดท่าพระ เนื้อชินปรอท เนื้อผงคลุกรักพบบนเพดานพระอุโบสถวัดพระแก้ววังหลวง สร้างขึ้นที่วัดพระแก้ววังหน้า เนื้อดินผสมผงพบในกรุวัดราชนัดดา และอาจมีที่อื่นอีกพระเครื่องปิดตาในรูปแบบนี้ จะเรียกว่า ภควัม พระควัมปติ ไม่เป็นการถูกต้อง เรียกได้เพียงพระมหาอุดหรือพระปิดทวารทั้งเก้าเท่านั้น จึงจะตรงกับความหมาย


    [​IMG]
    [​IMG]
    พระปิดตากุมารในครรภ์ อาจารย์เจ็ก วัดเขาแดงตะวันตก(รูปจากคุณก้อง หาดใหญ่)

    การสร้างพระปิดตากุมารในครรภ์ของพระอาจารย์เจ็ก ฐิตธมฺโม มีส่วนประกอบขององค์พระ ดังนี้
    ๑. รกหนา หมายถึง ส่วนที่เป็นฐานพระ นิยมขมวดเป็นรูปวงกลม หรือ แผ่นกลม วางไว้ใต้ก้น หรือ ใต้พระบาททั้งสองขององค์พระ
    ๒. รกบาง ไม่ปรากฏสัญลักษณ์ในรูปองค์พระ เนื่องจากเป็นส่วนที่บางใสอย่างอากาศธาตุที่ห่อหุ้มอยู่รอบองค์พระ จึงไม่จำเป็นต้องใช้สัญลักษณ์
    ๓. น้ำทัง หมายถึง ส่วนที่เป็นขมวดมวยอยู่บนพระเศียรขององค์พระ
    ๔. ลำไส้ หรือ สายสะดือ หมายถึง ส่วนที่เป็นเส้นที่ลากผ่านกลางหลังขององค์พระ จากด้านซ้ายไปด้านขวา หรือ จากด้านขวาไปด้านซ้าย หรือ เส้นที่ลากต่อจากขมวดมวยบนพระเศียรลงไปทางด้านหน้าจดกับสะดือ เพราะฉะนั้นสายสะดือกับขมวดมวยน้ำทังจึงเป็นส่วนที่ต่อเนื่องกัน
    พระ
    คาถาประจำองค์พระ
    อุมังคะลามหาสัมพุทธานัง ชะละมาลาติมาระภะเว
    พระคาถานี้ใช้บูชาพระเจ้าในครรภ์แล
    ......................................................
    [​IMG]
    พระปิดตา หลวงพ่อกลั่น วัดเขาอ้อ

    ๒.๑ พระปิดตานั่งขัดสมาธิ หรือพระเจ้าเข้านิโรธสมบัติ ผิดลักษณะจากทารกในครรภ์ ตามเหตุผลแล้วการเข้านิโรธ ไม่เป็นการปิดทวารอะไร อย่างน้อยยังมีอัสสาสะปัสสาสะ คือลมหายใจเข้า-ออก ยกเว้นเพียงไม่กล่าวคำพูดและไม่ฉันอาหารเท่านั้น อาจดื่มน้ำ เพราะความต้องการของร่างกาย มิเท่านั้น ยังมีการถ่ายหนักถ่ายเบาจากสิ่งที่ตกค้างหลง เหลือภายในร่างกายตามระบบการขับถ่ายและก็มิใช่นั่งเป็นตัวตอ ทั้ง ๗ วัน ๗คืน ก็ แปลรูปเป็นเนสัชชิกังไปในอิริยาบถสี่ ยืน เดิน นั่ง นอน ล้วนเป็นการปฏิบัติสมาธิทั้งสิ้น การทำสมาธิแบบวิปัสสนาญาณ(มิใช่ฌาน)ล้วนตื่นเบิกบาน รู้ตัวทั่วพร้อม ประกอบด้วยสัมมาสมาธิ คือสมาธิลืมตาหรือสมาธิพุทธ ตามองเห็นเป็นรูป ตัวเป็นนาม ไปหลับตาแล้วจะรู้อะไร

    ส่วนสมาธิหลับตานั้นมิใช่สมาธิพุทธ เป็นมิฉาสมาธิ หรือสมาธิสากล ไม่เลือกลัทธิเป็นพวกไสยศาสตร์ ไสยะแปลว่านอนหรือหลับพุทธะแปลว่าตื่น การที่ พระพุทธโฆษาจารย์แห่งลังกาทรงนิพันธ์คัมภีร์วิสุทธิมรรคว่าด้วยการปฏิบัติพระกรรมฐาน ซึ่งมีอยู่ด้วยกันถึง ๔๐ แบบ ล้วนนอกลัทธิพุทธทั้งสิ้น เพราะอะไรก็เพราะว่ากรรมวีนี้เกิดมาก่อนพุทธ และพระพุทธองค์ได้ทรงศึกษากรรมวิธีนี้จากพระอาจารย์สองท่านคืออุทกดาบถ รามบุตร อาฬารดาบส รามโคตร์ ซึ่งทั้งสองท่านมิใช่พุทธแต่เป็นโยคีศึกษาแบบนั่งหลับไปจนถึงอรูปฌานก็ไม่เห็นทางหลุดพ้น จัดเป็นเพียงสมถะมีสมาธิแต่ไม่ถึงขั้นปัญญา มีฤทธิ์สามารถแสดงออกได้ เพ่งกสิณก็ได้ เหาะเหินเดินฟ้ายังได้ เช่น คันธารีฤๅษีและพระเทวทัตซึ่งสำเร็จสมาบัติ ๘ คือรูปฌาม ๔ อรูปฌาม ๔ จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาเลื่อมใสของพระเจ้าอชาติศัตรูพระเทวทัตเหาะได้และแปลงกายเป็น พญานคาราชก็ได้ แต่ขั้นโสดาบันยังไม่ได้คือไปสร้างตัวยืด ไม่ทำตัวหลุด แต่ก็เป็น อุปการะในการทำเสโตสมาธิหรือกระทำวิปัสสนาไม่ต่ำช้าอะไร

    [​IMG]
    พระปิดตาไม้แกะ

    เมืองไทยเราพอเห็น ใครนั่งหลับตาหรือแสดงฤทธิ์ได้เล็กน้อย ก็ยกย่องเป็นพระอรหันต์เมื่อพระพุทธองค์ ปลีกตัวออกจากอาจารย์ทั้งสองท่านแล้ว ก็ทรงค้นหาทางดับทุกข์จนบรรลุพระอนุตร สัมมาสัมโพธิญาณจากนั้นพระองค์ท่านก็เสด็จออกไปยืนทอดพระเนตรสู่เบื้องบรูพาทิศ หรือทิศตะวันออก ลืมพระเนตรทั้งสองไม่กระพริบตลอด ๗ ทิวาราตี ไม่กลัวแดดเกรงตะวัน ปางนี้เรียกว่าปางถวายพระเนตร ท่านได้สอนไว้แล้วทำตัวอย่างให้ดูท่านผู้ใดยังสงสัยเรื่องสมาธิพุทธลืมตา ว่างๆย่องไปดูพระท่านเดินหลับตาหรือลืมตา เมื่อเดินลืมตานั่งก็ลืมตายืนก็ลืมตา นอนก็ลืมตาได้ เพราะอยู่ในอิริยาบถสี่หลับตานั้นเป็นวิธีของฤๅษี บรรลุฌาน ๘ ลืมตาเป็นวิธีของพุทธบรรลุญาณ ๑๖ แยกญาณกับฌามให้ออก พระเจ้าเข้านิโรธสมบัติส่วนใหญ่เป็นพระอรหันตาเจ้าเรียนรู้สมาธิพุทธตามคำสอนของพระบรมครู ท่านถือสายกลางอย่าไปคิดว่าเคร่งครัดแบบอัตกิลมถานุโยคะ ซึ่งเป็นการเบียดเบียนตนเอง นั่งนานเมื่อยท่านก็ลุกยืนนานท่านเมื่อยท่านก็ออกเดินจงกลม เดินเมื่อยนักท่านก็นอนตะแคงแบบสีหไสยาสน์ตะแคงขวา เป็นการนอนแบบมีสติในการพิจารณาธรรม
    ถ้านอนตะแคงซ้ายเรียกว่ากามโภคี ใช้ไม่ได้การเข้านิโรธสมาบัติเป็นเพียงการเพิ่มตบะธรรม สำคัญที่สติ ตาก็ดูหูก็ฟัง ไม่ลืมตาแล้วจะไปพิจารณามหาภูตรูป คือธาตุทั้งสี่วัตถุแท่งทึบ โปร่งใสได้อย่างไรเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณรวมเป็นจิตตัวรู้และเป็นนาม จะรู้ตัวทั่วพร้อมได้อย่างไร เพียงแต่ว่าสิ่งที่ผ่านมากระทบอารมณ์จะพิจารณาในธรรมหมวดใด จะเป็นพระไตรลักษณ์ ทุกข์ อนิจจัง อนัตตา หรือพิจารณาในมหาสติปัถฐานสี่ กาย เวทนา จิต ธรรม เช่นกายก็สักแต่ว่าเป็นกายไม่ใช่สัตว์ ตัวตน บุคคล เราเขา ท่านจะใช้ธรรมสองหมวดยกขึ้นพิจารณา ที่กล่าวว่าวิญญาณ คือธาตุรู้เช่น
    จักขุวิญญาณ (ตา), โสตะวิญญาณ (หู), ฆานะวิญญาณ (จมูก), ชิวหาวิญญาณ (ลิ้น), มันจะไปรู้อะไรมันเป็นเพียงเจตะสิกจิต (จิตตังเจตะสิกกัง) ตาทำหน้าที่เพียงจับภาพแล้วส่งผ่านไปยังสัญญาจะบอกได้ว่ารูปอะไรภาพอะไร จะกล่าวเพียงว่าเห็นเป็นรูปตัว รู้เป็นนาม ได้ยินเสียงเป็นรูปรู้เป็นนามมันออกจะยากอยู่สักหน่อย
    เช่นนี้การเข้านิโรธสมาบัติก็ไม่ใช่การปิดทวารแน่ ในเมื่อพระคณาจารย์มีความประสงค์จะสร้างพระมหาอุด บางท่านก็แนะแนวกับช่าง บางท่านก็มิได้สนใจสุดแต่ช่างจะจัดการให้ จึงออกมาหลายรูปแบบตามความรู้ของช่าง จึงอย่าไปยึดติดในรูปเพราะพระมหาอุดหลายชนิดไม่มีการปิดตาเช่น พระเครื่อง พระพิจิตรหัวดง พระท่ากระดาน พระร่วงสนิมแดง พระหูยานลพบุรี พระท่ามะปราง ฯลฯ เป็นต้น
    ยังมีความเชื่อกันผิดๆว่าใครมีพระปิดตาแล้วจะขัดลาภขัดผล เช่นนี้ลองดูได้ ใครมีพระปิดตาวัดทองสุวรรณารามของหลวงพ่อทัพ และพระปิดตาวัดหนังของหลวงปู่เอี่ยม ไม่ต้องมีมากแค่อย่างละ 20องค์พอขอให้เป็นของแท้ ลาภผลจะไหลมาเทมาเรียกว่ารับเละแน่นอน ประเภทมีกูไว้ไม่จนเช่นกัน

    [​IMG]
    พระปิดตาหลวงปู่นาค

    พระปิดตาแบบพระเจ้าเข้านิโรธปรมาจารย์ผู้ปลุกเสกมีเจตนาให้เป็นพระมหาอุด จะไปเรียกพระควัมปติไม่ได้ เรียก ภควัม พออนุโลม เรียกพระปิดตาก็ได้ เพียงระบุวัดด้วยรูปแบบแห่งบุคคลาธิษฐานอธิบายแล้ว มิใช่ปิดทวารทั้งเก้าส่วนมากค้นพบสร้างด้วยเนื้อเมฆสิทธิ์ เช่น พระปิดตาวัดอนงคาราม ของหลวงพ่อทับ เนื้อเมฆพัดปิดตาวัดห้วยจระเข้ ของหลวงพ่อนาค พระปิดตาวัดพะเนียงแตก ของหลวงพ่อทา พระปิดตาหลุมดิน ของหลวงพ่อปล้อง มากมายจำไม่หวาดไม่ไหว มีทั้งเนื้อสัมฤทธิ์เงิน สัมฤทธิ์ทอง
    พระคาถาประจำองค์พระ
    อุดทัง อัดโท นะโมพุทธายะ
    .............................................

    [​IMG]
    พระปิดตา รุ่นปลดหนี้ หลวงปู่โต๊ะ

    ๓.พระปิดตานั่งขัดสมาธิ ยกหัตถ์ทั้งสองขึ้นปิดพระพักตร์ เว้นส่วนอื่นเป็นองค์สมมุติ ของพระอรหันตาเจ้า แต่จะเป็นองค์ใดคงต้องพิจารณากันต่อไป มีความผิดแผกแตกต่างกับ พระปิดตาชนิดที่1 และชนิดที่2 ทั้งรูปและนาม พระปิดตาสองแบบแรกรูปลักษณ์ไปคนละอย่าง อิทธิคุณออกไปด้านป้องกันคุ้มครอง ทั้งมิได้เป็นองค์แทนของผู้ใด ส่วนแบบที่3 ที่จะกล่าวถึงนี้ อิทธิคุณเน้นหนักไปในทางนิ่มนวล เมตตามหานิยม เสน่ห์ ลาภผล แคล้วคลาด การจัดสร้างเนื้อหาก็แตกต่างกัน ไม่นิยมใช้สัมฤทธิ์เงิน สัมฤทธิ์ทอง เมฆพัด เมฆสิทธิ์ ที่สร้างขึ้นส่วนมากประกอบด้วย เนื้อผงตัวยาคลุกรัก คือผงมหาราชหรือผงอิทธิเจ อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นผงวิเศษ ประเภทเมตตามหานิยมที่แกะด้วยไม้โพธิ์ กาฝากรักซ้อน บรรจุด้วยพระธาตุสิวลีห่อด้วยกระดาษสาลงพระยันต์ อุดด้วยขี้สูดดินราบ(ชันโรงใต้ดิน) ถ้าแกะด้วยรากชิงหายผี นำไปแช่น้ำมันจันทน์ เสกจนพระลุกขึ้นนั่ง เอาน้ำมันทาตัวล่องหนแล ที่แกะด้วยงาช้างและกระดูกสัตว์ก็พอมีอยู่ แต่ไม่เป็นการถูกต้องเทพสิงจะไม่สถิตในกระดูกสัตว์เดรัจฉานได้เพียงพลังจิตของผู้ปลุกเสกเท่านั้น ที่สร้างด้วยเนื้อโลหะส่วนมากเป็นพวกชินตะกั่ว ความมุ่งหมายของการสร้าง เป็นไปได้ทั้ง บุคคลาธิษฐาน และธรรมาธิษฐาน นิยมเรียกกันว่า “พระควัมปติ”


    [​IMG]
    พระปิดตา ปฏิทินชุดของท่านไชยทัศน์

    พระควัมปติ หมายถึงพระอรหันต์รูปใดในตำนานพุทธสาวกกล่าวว่า ท่านคือพระควัมปติเป็นพระสาวกรุ่นแรกๆ ของพระพุทธองค์ ก่อนอุปสมบทดำรงฐานะอยู่ในขั้นเศรษฐีมีทรัพย์ ระดับเดียวกันกับ ยสมานพ(อ่านยะสะ) เป็นเพื่อนเกลอรักใคร่ชอบพอกันมาก ครั้งเกิดธรรมาพิสมัย จึงพร้อมใจกันอุปสมบทในสำนักของพระบรมศาสดา ภายหลังต่อมาได้บรรลุอรหันต์ทั้งสองรูปท่านพระควัมปติทรงเป็นเอตะทัคคะ 1 ในพระอรหันต์ผู้ทรงเอตะทัคคะ 80รูปในด้านอินทรีย์สังวร ท่านบรรลุซึ่งเตวิชโชหรือวิชชาสาม เชี่ยวชาญในอิทธิวิธี เชียวชาญทางวิปัสสนากรรมฐาน เคยใช้ฤทธิ์ห้ามกระแสน้ำในลำน้ำสรภู ซึ่งไหลเชี่ยวให้หยุดไหลได้ อาการที่สำรวมทั้งภายนอกภายในโดยเคร่งครัดสม่ำเสมอนี้ ทำให้เทพยดาแลมนุษย์พากันเคารพสรรเสริญ ต่อมาได้พากันสร้างรูปของท่านเพื่อสักการบูชาลักษณะการยกพระหัตถ์ขึ้นปิดพระพักตร์จัดเป็นธรรมาธิษฐาน มิใช่บุคคลธิษฐาน เพราะการสำรวมอายะตนะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่จำเป็นต้องปิดหน้า แต่เป็นการแสดงความหมายให้ทราบเท่านั้น

    อีกตำนานหนึ่งกล่าวว่า พระปิดตาชนิดนี้คือพระมหากัจจายน์เถระเจ้า ปางอธิษฐานเนรมิตกาย ความเดิมมีว่าท่านพระมหากัจจายนะเถระเจ้าท่านนี้ เป็นเอตะทัคคะในการขยายความย่อให้พิสดาร และเป็นผู้วางหลักสูตรพระบาลีมูลกัจจายน์ คือการสอนพระบาลีไวยากรณ์ในสมัยก่อน เกิดในวรรณะพราหม์ในสกุลกาญจนโคตร ประกอบผิวพรรณวรรณะ อาการแห่งลีลารวมทั้งวรกายละม้ายคล้ายองค์พระบรมศาสดาเจ้า หากดำเนินมาแต่ไกล ผู้คนมักจะจำผิดพากันคิดว่าพระพุทธองค์เสด็จและแม้แต่เทพยดาก็พากันหลงผิด ลีลาสง่างามยิ่งนัก เป็นที่เสน่หานิยมชมชอบของเทพยดาแลมนุษย์ชายหญิงทั้งหลาย และพากันถวายฉายาว่า ควัมปติแปลว่าผู้มีวรกายแลละม้ายคล้ายพระศาสดา (ได้ค้นศัพท์ในพจนานุกรมแล้วไม่มีปรากฏ)
    <o></o>
    ในกาลครั้งหนึ่งโสไรยเศรษฐีบุตร พ่อค้าวานิช ได้คุมกองคาราวานไปค้ายังเมืองไกล บังเอิญประจวบเหมาะได้พบเจอกับท่านพระมหากัจจายนะเถระเจ้าก็คิดรำพึงอยู่ภายในไจว่า ภรรยาเรานะนับว่ามีความงามเป็นเลิศ ยังมิอาจเทียบเท่ากับสมณะท่านนี้ หากเราได้ภรรยาเช่นนี้จะปลื้มใจสักเพียงใด พอความนึกคิด สะดุดหยุดลง โสไรยเศรษฐีบุตรพลันกลับกายร่างเป็นเพศหญิงในทันทีทันใด บังเกิดความละอายยิ่งนัก หลบหน้าหลบตาไม่ยอมพบประผู้คน ทั้งไม่ยอมหลับไปยังสถานที่อยู่เดิม ทอดทิ้งบุตรภรรยาและบิดามารดาให้รอคอยด้วยความกระวนกระวายใจ สุดท้ายหมดเนื้อหมดตัว ไปได้สามีแลได้บุตร๒ คน รวมกับบุตรที่มีอยู่เดิม ๒ คน เป็น ๔ คน ยิ่งฟุ้งซ่านใหญ่กาลเวลาผ่านมาหลายปี จนกระทั้งอยู่มาวันหนึ่งนางก็ได้เห็นท่านพระมหากัจจายนะเถระเจ้า ออกบิณฑบาตโปรดสัตว์ นางจรึงจัดภัตตาหารพร้อมด้วยขันใส่ข้าวสุก ไปคอยดักใส่บาตร และกราบทูลความเป็นไปให้ทราบ อ้อนวอนให้ท่านพระมหากัจจายนะเจ้าจงโปรดช่วยเหลือ ท่านมหากัจจายนะเถระเจ้าจรึงนัดพบหลังจากเสร็จจากการบิณฑบาตและกระทำภัตตกิจเรียบร้อยแล้ว ท่านกล่าวว่านึกไม่ถึงและไม่มีเจตนาแต่ประการใดเพียงแต่มีข้อแม้ว่าหากท่านช่วยอธิษฐานกลับเพศให้ได้ดังเดิมแล้ว โสไรยเศรษฐีบุตร ต้องอุปสมบทเป้นพระภิกษุในพระบวรพุทธศาสนาโสไรยเศรษฐีบุตรจึงตกลงรับคำ และกลับเพศให้สมปรารถนาท่านพระมหากัจจายนะเถระเจ้าทรงเป็นอุปัชฌาย์อุปสมบทให้โดยเรียบร้อย ภายหลังต่อมาพระโสไรย ได้บรรลุอรหัตตผล
    ท่านพระมหากัจจายนะเถระเจ้าจึงทรงรำพึงว่า อันความสวยความจนทำให้เทพยดาแลผู้คนพากันใหลหลงเป็นของมีโทษ เรียกว่ากามวิตก เป็นหนทางแห่งการมัวหมองเราควรจะแปรเปลี่ยนสรีระเสียใหม่ให้สิ้นซึ่งความสง่างาม รำพรึงดังนั้นแล้วท่านก็ทรุดองค์ลงนั่งคู่บรรลังก์ยกหัตถ์ขึ้นปิดพระพักตร์ อธิษฐานเนรมิตวรกาย ให้มีรูปร่างอ้วนเตี้ยม้อต้อมีอุทรอันพลุ้ยสิ้นซึ่งความสง่างามลักษณะเช่นนี้เรียกว่า บุคคลาอธิษฐาน มิใช่ธรรมาอธิฐาน ท่านผู้อ่านจะยึดในธรรมาธิษฐานหรือบุคคลธิษฐาน หรือจะเชื่อเหตุผลใดเหตุผลหนึ่งก็สุดแต่ใจเถิด ล้วนเป็นของประเสริฐทั้งสิ้น ปรัศนีนี้มักนำปัญหาค้านแย้งมาให้ขบคิด ปัญญาจะได้แตกฉานพระอรหันต์ตามที่กล่าว นี้เป็นคนละองค์ ปรากฏในตำนานพุทธสาวก แลทรงเอตะทัคคะไปคนละแนว ถ้าหากเป็นองค์เดียวกันปัญหาจะไม่ยุ่งยาก แต่อย่างไรก็ตาม ท่านพระควัมปติ เป็นพระนามตรงและเรียกกันมาแต่โบราณกาลแล้ง สำหรับการแนะแนวถ้าเรานึกบุคคลาธิษฐาน ท่านก็คือ พระมหากัจจายนะเถระเจ้าถ้าเราคิดไปในแง่ธรรมาธิฐาน ท่านก็คือ พระควัมปติคิดไปได้สองแง่สองมุม หรือสองนัยะอย่าไปคิดฟุ้งสร้านติดยึดในรูปนาม นามะ รูปังทุกข์นามารูป์อนิจจ์ นามารูปังอนัตตา



    สรุปคำว่าพระปิดตา ชนิดของพระปิดตาแบ่งออกเป็น 3ลักษณะ

    1.พระปิดตามหาอุดโดยสมบูรณ์เรียกว่าพระปิดทวารทั้งเก้า นั่งยองหรือพระเจ้าในครรภ์ พระปิดตากุมารในครรภ์
    2.พระปิดตานั่งขัดสมาธิยกหัตถ์ปิดทวารทั้งเก้า ความหมายเดิมคือพระเจ้าเข้านิโรธ ควรใช้ศัพท์เรียกว่า “ภควัม” ปิดตานั่งขัดสมาธิ หรือพระเจ้าเข้านิโรธสมบัติ ผิดลักษณะจากทารกในครรภ์ ตามเหตุผลแล้วการเข้านิโรธ ไม่เป็นการปิดทวารอะไร
    3.พระปิดตานั่งขัดสมาธิ ยกหัตถ์ทั้งสองขึ้นปิดพระพักตร์ เว้นส่วนอื่น เป็นพระเมตตามหานิยมและลาภผล เรียกว่า “พระควัมปติ”
    พระปิดตาถึงจะแบ่งตามลักษณะที่กล่าวมาแต่ พุทธคุณในองค์พระอาจจะไม่เป็นแบบที่กล่าวมาเสมอไปอยู่ที่พระเกจิอาจารย์ผู้สร้างจะบรรจุพุทธคุณอธิษฐานจิตให้พระปิดตามีพุทธคุณตามที่ท่านต้องการ
    เป็น
    บทความพระเครื่องที่ผมพิมพ์ขึ้นมาจาก นิตยสารพระเครื่องหลายปีก่อนครับ
     
  2. DarkCentre

    DarkCentre Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +55
    ปิดตานี้มันแฝงธรรม คือปิดตาจากกิเลศ
     
  3. CHOTIYA

    CHOTIYA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +359
    เท่าที่สอบถามและศึกษามา ก็มีความคล้ายกัน รวมความแล้วหมายถึงพระอรหันต์เข้านิโรธสมาบัติ ปิดการรับรู้จากทวารทั้งปวงและพลังจากสมาบัตินี้จะป้องกันภัยทั้งปวงได้ บางสำนักก็เน้นอัญเชิญอรหันตคุณของพระมหาสิวลีหนักไปในทางเมตตาโชคลาภ บางสำนักก็เน้นคุณของพระมหาโมคัลลาหนักไปในทางฤทธิ์ บางสำนักก็อัญเชิญคุณของพระอิสีติมหาสาวกและพระอรหันต์ทั้งปวง แต่มองในแง่ลึกๆท่านต้องการสอนให้ผู้แขวนเป็นคนดีมากกว่าอื่นใด ไม่ให้หลงในรูปเสียงกลิ่นรสและสัมผัส มีศีล สมาธิ ปัญญาในที่สุด
     
  4. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    บทความดีครับ ผมขอแจมมั่ง เอาสั้นๆน่ะ แนวโยคีเป็นแนวสมถะ แนวสมาธิที่ทำให้จิตนิ่ง แล้วนำมาใช้งาน ส่งจิตออกนอก แต่แนวพุทธน่ะ แนวสติ นั่ง ยืน เดิน แม้จะนอนด้วย ไม่ส่งจิตออกนอก ท่านผู้ใดมีสติแก่กล้า ไม่หลง ไม่ลืม นั่ง ยืน เดิน นอน มีสติทุกลมหายใจ ใช้สมาธิไม่มาก ท่านผู้นั้น ดำเนินไปในแนวพุทธะ ท่านแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นพระ หรือ ฆราวาส น่าสนใจมากครับ ต้องสังเกตุ การปฏิบัติ เอาเอง

    คณาจารย์รุ่นเก่าๆรุ่นครู จะสร้างเครื่องรางก่อนเป็นส่วนใหญ่ ส่วนมากตะกรุด เพราะหาวัสดุง่ายกว่า ต่อมาก็เป็นพระปิดตา ( ขอเรียกแบบนี้แบบชาวบ้านก็แล้วกันน่ะครับ เพราะติดแล้ว ) สังเกตุดูว่าจะไม่ค่อยสร้างพระเครื่อง หรือรูปตัวเองน่ะครับ พวกเครื่องรางกับพระปิดตา นี่คุณยายจอมคาถาของผมเก็บไว้เพียบ ตอนเด็กๆผมเห็นเป็นหีบกำปั่น หลายอย่าง แต่ก็ไม่สามารถปิดกั้น และป้องกัน กฎแห่งกรรมได้ ขโมยเจาะหน้าต่างบ้านไม้สัก ( แบบโบราณ ) เข้ามาขนไปหมดเกือบเกลี้ยงที่อยุธยา จนท่านปลงได้ ในตอนเสียชีวิต สมบัติผลัดกันชมจริงๆครับ เขามาเอาคืนไป คนเรามีแค่นี้จริงๆ

    พระปิดตา ของเก่าๆ ทั้งชิน ดิน ผง เขาแกะ งาแกะ โลหะ ใช้ได้ดีแทบทั้งนั้นครับ เพราะถ้าไม่เก่งจริง ไม่มั่นใจ ท่านไม่ทำออกมา ไม่ต้องหาวัดดังๆหรอก เอาแบบถูกตังค์ในกระเป๋า และพระปิดตาสายใต้นี่ น่าใช้มามาก ( ขอใช้คำว่าใช้ ไม่ได้ลบหลู่น่ะครับ) ราคาไม่เว่อร์ด้วย หลักพันอ่่อนๆ ไปจนแก่ๆ พวกหลักหมื่น ให้คนรวยเขาเล่น พอหาขึ้นคอได้ น่าสนใจมากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มกราคม 2009
  5. jupiter1971

    jupiter1971 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +255
    ...

    ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ครับ

    ขออนุโมทนากับทุก ๆ ท่านที่คิดดีทำดีครับผม
     
  6. ตั้มศรีวิชัย

    ตั้มศรีวิชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    597
    ค่าพลัง:
    +1,847
    ครับคุณ พี เสาวภา ก็คงเรียกพระปิดตา นะแหละครับ พอดีเห็นบทความนี้น่าสนใจผมเลยนั่งพิมพ์แล้วนำมาลงให้อ่านกันนะครับ ผมก็เห็นด้วยกับคุณCHOTIYA ครับ
     
  7. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,048
  8. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647
    บทความดีครับ อนุโมทนา เรื่องพระปิดตา ผมมีอยู่องค์นึงครับ พ่อให้มาเขาบอกว่าเป็นปิดตายันต์ยุ่ง ของหลวงพ่อทับ วัดทอง ผมเองก็ไม่ทราบรายละเอียดเท่าไร แต่ตอนนี้หาปิดตา รุ่น จงอางศึก ของหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทองใช้อยู่ครับ
    ** ผมเป็นคนอ่างทอง แต่บ้านใกล้ อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี บ้านผมอยู่ อ.แสวงหา ครับ ใกล้หลายๆๆที่
    เช่น อ.วิเศษ จ.อ่างทอง , อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง , อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี ครับ แฮะๆ พูดมาซะเยอะ เลยไม่มีสาระอะไรเลย
     
  9. Baby_par

    Baby_par เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +3,265
    ปิดตาไม่หลงเพลิดเพลินมัวเมาจากกิเลส

    ปิดหูป้องกันการฟังแล้วเอนเอียง หรือเกิดการแตกแตก

    ปิดปากพูดมากเสียมากพูดน้อยเสียน้อยไม่พูดเลยไม่เสีย ^ ^
     
  10. Thamonwan17

    Thamonwan17 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +8
    พ่อหนู ก็พกค่ะ ไม่ให้ไปมี กิ๊ก หรือ เมียน้อย อ่าค่ะ
    อนุโมทนา สาธุ ค่ะ
     
  11. pharm.taung

    pharm.taung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2009
    โพสต์:
    945
    ค่าพลัง:
    +432
    ผมก็ชอบครับ
    แต่ไม่กล้านิมนต์ขึ้นคอไม่รู้เป็นไง
     
  12. BlueBlur

    BlueBlur เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,664
    ค่าพลัง:
    +1,570
    โมทนากับบทความดีครับๆ แขวนแล้วสบายใจ และเย็นที่สุด สำหรับผมคือ พระพิมพ์สมเด็จและพระปิดตา(เนื้อผง) ครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...