เรื่องเด่น รวมหลวงพ่อตอบปัญหา/จากคำบอกเล่า

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 21 กรกฎาคม 2012.

  1. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705
    1112.jpg




    พึ่งได้เข้ามาในส่วนนี้ของเวบ ยังไม่เห็นมีกระทู้โดยตรงเกี่ยวกับหลวงพ่อตอบปัญหา มีก็แต่ตอบเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้วจบไป เลยขอตั้งกระทู้นี้โดยรวบรวมปัญหาต่างๆที่ผมคิดว่าน่าสนใจมาลงรวมไว้ในกระทู้เดียว

    รวมถึงเรื่องราวต่างๆของหลวงพี่นันต์ท่านได้เล่าเกี่ยวกับหลวงพ่อเอาไว้ในคอลัมภ์จากคำบอกเล่า

    ถ้าเป็นการซ้ำกับกระทู้อื่นที่เคยมีมาก่อนแล้วต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ


    http://palungjit.org/threads/นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน.538477/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 เมษายน 2017
  2. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705
    oHJRl7jzIP9nKya7xZM40bKlmYWpu1obed3empw_7dCea0jlDdhAwtikKdlZGf0b.jpg

    อยากทำความเพียร


    ผู้ถาม : อยากทำความเพียรเพื่อทำความดี แต่บางครั้งก็มีอารมณ์ท้อแท้ จะทำอย่างไรดีครับ ?

    หลวงพ่อ : ถ้าท้อแท้ต่อความเพียรก็แสดงว่าขี้เกียจ คนที่มีความเพียรคือคนขยัน ความเพียร เพียรสู้กับความชั่วเพื่อหวังให้มีผลในความดี เป็นเรื่องธรรมดาของคน ไอ้การต่อสู้ความขยันหมั่นเพียรมันจะมีทุกเวลาไม่ได้นะ ในบางครั้งกรรมที่เป็นอกุศลเดิมมันเข้ามาครอบงำจิต เวลานั้นจะตัดความดีของเราให้รู้สึกท้อแท้ไม่กล้าต่อสู้ เบื่อ !

    พอกุศลเข้ามาสนองปั๊บ ! กุศลเตะไอ้นั่นออกไป นี่ขยันแล้วสร้างความดี ต้องเป็นอย่างนั้นเหมือนกันทุกคน หนักเข้าๆ กุศลมีกำลังแรงก็เตะไอ้นั่นกระเด็นออกไป

    พอถึงพระโสดาบันปั๊บ ! อกุศลยังเข้ามาได้ แต่เข้าก็เข้าแรงไม่ได้ ถ้าถึงพระโสดาบัน อกุศลเข้าแรงไม่ได้ มันจะสร้างความขุ่นมัวบ้าง แต่จะถึงกับทำบาปไม่ได้

    คำว่า "ขุ่นมัว" อาจจะต้องโกรธใช่ไหม พระโสดาบันยังมีโกรธ พระโสดาบันยังมีความรักในระหว่างเพศ พระโสดาบันยังมีความอยากร่ำรวย แต่เรื่องละเมิดศีลไม่มี

    แต่ที่อารมณ์ที่แจ่มใสจริงๆ คือพระอรหันต์ ถ้ายังไม่ถึงพระอรหันต์เพียงใด ก็ยังเตะกันไป แต่ว่าเตะเบา

    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 246 เดือนกันยายน 2544 หน้า 69)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2021
  3. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705
    เบื่อโลก

    ผู้ถาม : หลวงพ่อคะ คนที่ไม่เคยปฏิบัติธรรม แต่ว่ามีความรู้สึกเบื่อโลกอย่างนี้เป็นนิพพิทาญาณหรือเปล่าคะ ?

    หลวงพ่อ : เบื่อนิพพิทาญาณหรือเบื่อหนักหนี้หรือเบื่อกลุ้มใจ นิพพิทาญาณเขาแปลว่าเบื่อ ญาณเขาแปลว่ารู้สึกเบื่อ

    เราก็ต้องดูว่าเขาเบื่อโลกไม่หวังเกิดอีก ไม่หวังเป็นเทวดาหรือพรหม หวังนิพพาน นี่เป็นนิพพิทาญาณ

    ถ้าเบื่อเฉยๆไม่อยากอยู่ในโลกนี้ อันนี้เรียกมีจิตกังวลหรือจิตเศร้าหมอง

    นิพพิทาญาณนี่เขาไม่ซึม

    ผู้ถาม : อย่างนี้จะแก้โดยการเจริญสมาธิได้ไหมคะ ?

    หลวงพ่อ : จะไหวเรอะ ไม่ไหวนะ ใจเขาเป็นแบบนั้น ต้องใช้พระสูตรง่ายๆ จะเป็นเทปพระสูตรหรือหนังสือพระสูตรก็ได้ เอาของที่ยากไปก็ไม่ไหว ถ้าพระสูตรหรือชาดกก็ดี ตอนที่ท่านประชุมชาดกดีมาก


    (จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ มีนาคม 2541)


    พิจารณาโลกเป็นสมมติ

    ผู้ถาม : พอนั่งพิจารณาโลกนี้อยู่บ่อยๆว่าโลกนี้น่ะเป็นของสมมติ พิจารณาไปสัก 10 นาทีเห็นจะได้ ปรากฏว่าจิตมีความรู้สึกว่าจิตมันหยุดนิ่ง โลกนี้มันหยุดเคลื่อนไหวทั้งหมด อยากเรียนถามหลวงพ่อว่าตอนนั้นเป็นอารมณ์จิตอะไรครับ ?

    หลวงพ่อ : จิตคน

    ผู้ถาม : อ้าว ! ทำไมถึงตอบอย่างนั้นล่ะ ?

    หลวงพ่อ : ก็คนนึกนี่ ไอ้นั่นเป็นอารมณ์ฌาน การพิจารณาไปๆ จิตจะเริ่มรวมตัวเป็นสมาธิทีละน้อยๆ ใช่ไหม พอเป็นฌานเต็มอัตรามันก็หยุด นั่นเป็นฌาน ดีมาก ! ทำอย่างนั้นแหละดีคือใช้ปัญญาก่อน เมื่อจิตมีปัญญาค่อยเคลื่อนทีละหน่อยๆจิตก็หยุด หยุดนี่เป็นอารมณ์ฌาน ปัญญาตอนนั้นก็เป็นปัญญาคมกล้า สามารถตัดกิเลสได้ดี เขาทำถูกต้องมาก

    (จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ มิถุนายน 2544)


    อารมณ์ไม่มีอะไรจะต้องทำแล้ว

    ผู้ถาม : หลวงพ่อคะ เวลาลูกกำลังนั่งอยู่เฉยๆ นี่มีความรู้สึกบอกว่า "ไม่มีอะไรจะต้องทำแล้ว" มันว่างแล้วจิตมันฟูขึ้น เกิดขึ้น 2 ครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งครึ่งวัน แล้วก็ครั้งหนึ่งในเวลาทำงานได้ชั่วโมงกว่า มีความรู้สึกว่า "ไม่มีอะไรจะต้องทำอีกแล้ว"

    อารมณ์แบบนี้มันเป็นอย่างไรคะ ?

    หลวงพ่อ : นั่นแหละ ! อารมณ์พระนิพพานก็เป็นแบบนั้นแหละ ถ้าพูดง่ายๆว่า อารมณ์พระอรหันต์ก็เป็นแบบนั้น ทำได้เดี๋ยวเดียวใช่ไหม ?

    ผู้ถาม : ประมาณชั่วโมง แล้วอีกครั้งได้ครึ่งวัน

    หลวงพ่อ : เอาละ ช่างมันเถอะ ! ถ้ามันได้ช่วงนิดๆ หน่อยๆก็ดี ให้มันชิน บาทีมันจะได้สักชั่วโมง ครึ่งชั่วโมง หรือ 10 นาทีหรือ 2 นาที เราก็พอใจให้มันชิน ไม่ช้ามันจะชิน อารมณ์นี้เวลาจะตายมันจะจับอารมณ์นี้ แต่การสอนเขาสอนนะว่า อารมณ์ว่าง คำว่า "อารมณ์ว่าง" คือ ว่างจากกิเลส มันจะเป็นความสุขที่สุด มันสุขเบาๆ ใช่ไหม มันเป็นนิรามิสสุข ไม่ใช่สามิสสุข

    ไอ้สามิสสุข คือ ได้ของ ได้คน ได้สัตว์ที่เราชอบ เป็นความสุขเขาเรียกว่า "สามิสสุข" คือสุขอิงอามิส

    ถ้านิรามิสสุข ไม่เกี่ยวข้องกับอามิส อารมณ์มันเฉยๆ

    ผู้ถาม : สังเกตุว่าก่อนที่จะได้อารมณ์อย่างนี้ คือจิตนึกถึงความตายค่ะ

    หลวงพ่อ : ใช่ตัวนี้เป็นสำคัญ ตัวจิตนึกถึงความตาย ถ้าเป็นสมถะเรียกว่า "มรณานุสสติ" ถ้าวิปัสสนาญาณเขาเรียกว่า "สักกายทิฏฐิ" ใช่ไหม เป็นสังโยชน์

    พระพุทธเจ้าจึงทรงแนะนำว่าทุกคนให้นึกถึงความตายเป็นอารมณ์ ตัวนี้ต้องยืนตัว ถ้าไอ้ตัวนี้ไม่ยืนตัวอะไรก็ไม่ได้ ถ้าตายทุกคนก็ต้องตาย ไอ้คนที่จะไม่ตายไม่มี แล้วถ้าเรายังเกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด มันจะเกิดเพื่อประโยชน์อะไร ใช่ไหม เราตายคราวนี้ให้มันตายเป็นครั้งสุดท้าย เราจะไม่เกิดต่อไปอีก

    ทำยังไงจะไม่เกิดต่อไป ?

    เราก็ไม่ต้องการร่างกายนี้ซิ ไอ้คำว่าไม่ต้องการไม่ใช่ตัดผลุนผลันไปเลยนะ คำว่าไม่ต้องการคือค่อยๆคิด ค่อยๆปลด แต่หน้าที่มีเท่าไหร่ทำให้ครบถ้วน แต่ทว่าทำแล้วก็คิดไปเลยว่า ไอ้งานประเภทนี้จะมีชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ชาติต่อไปไม่มีอีก

    วิธีตัดเขาตัดแบบนี้นะ ไม่ใช่ตัดแบบวางมันส่งเดช ข้าวปลาไม่กิน ขี้เข้อก็ปล่อย ไม่กินข้าวพอทนไหว ไอ้ขี้นี่มันยุ่ง (หัวเราะ)

    (จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ กันยายน 2545)

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2020
  4. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705
    กรรมของลูกกรอก

    ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ แล้วกรรมอะไรทำให้เกิดมาเป็นลูกกรอกครับ ?

    หลวงพ่อ : เพราะกรรมลูกกรอก !

    ผู้ถาม : (หัวเราะ)

    หลวงพ่อ : ความจริงก็แปลก เพราะอะไร จึงเป็นลูกกรอก เจ้าลูกกรอกนี่ พอออกมาก็ตาย มันต้องมีบุญผสมกรรมที่เป็นปาณาติบาตหนัก เพราะกรรมที่เป็นปาณาติบาตหนักที่อยู่ในครรภ์ก็ตาย และออกจากท้องแม่ก็ตาย

    นี่แสดงว่ากรรมหนัก แต่ส่วนหนึ่งที่เป็นกุศลเขาสูง มาใช้กรรมแค่อยู่ในท้องแม่ออกมาก็ตาย เมื่อตายแล้วสิ่งที่เป็นกุศลก็เข้ามาสนอง ฉะนั้นลูกกรอกจึงเป็นผีที่มีอานุภาพมาก

    (อนึ่ง เคยมีผู้มาขอ กุมารทอง กับหลวงพ่อ ท่านบอกว่าไม่มี แล้วได้เล่าสมัยหลวงปู่ปานให้ฟังว่า เคยมีคนป่วยมาให้หลวงปู่ปานรักษา แล้วท่านบอกว่า คนป่วยรายนี้ถูกกุมารทองที่เลี้ยงไว้เล่นงานเอา

    หลวงพ่อจึงได้ให้ความรู้ในเรื่องนี้ว่า ผู้ที่เลี้ยงกุมารทองเอาไว้ เช่นที่เรียกว่า รักยม เป็นต้น บางทีในเวลาป่วยไข้ไม่สบาย จะถูกกุมารทองทำร้ายเอาได้ จึงต้องระมัดระวังในเรื่องนี้ไว้)

    (จากหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาเล่ม 11 หน้า 28)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2021
  5. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705
    ภาวนา " ทุ สะ นะ โส "

    ผู้ถาม : หลวงพ่อเจ้่าคะ หนูนั่งๆ มีอยู่วันหนึ่ง พอนั่งนิ่งๆ มีคนมาบอกว่าตอนที่ท่องพุทโธนี่แก้วหูจะลั่น แล้วเขาบอกว่าท่อง " ทุสะนะโส "


    หลวงพ่อ : ก็ว่าตามเขาสิ

    ผู้ถาม : แล้วถึงจะว่าพุทโธได้ใช่ไหมคะ ?

    หลวงพ่อ : ว่าตามเขาสั่งก่อน จนกว่าจะสบายนะ ทุ สะ นะ โส นี่เป็นหัวใจเปรต เขาเรียกว่าหัวใจเปรต ถ้าอย่างนั้น ทุ สะ นะ โส ต้องปราบอาการนั้นได้ อาการที่ขวางนะ ก็ว่าไปจนกว่าจะสบายก่อน ตอนหลังก็ลองเปลี่่ยนดู สบายแล้วก็สบายเรื่อยก็ใช้ได้เลย เว้นไว้แต่ว่าเขาจะบอกให้เปลี่ยนใหม่ก็เปลี่ยน ยาวกว่านั้นใช่ไหม คำว่า ทุ ตัวเดียวจมลงไปในหม้อทองแดง อีกตัวโผล่มา สะ แล้วก็ นะ แล้วก็ โส นี่น่ะ พอโผล่พูดคำก็จมลงไป เป็นหัวใจเปรตที่พระพุทธเจ้าเคยตรัสกับมานพคนหนึ่ง

    ถ้าเราว่าคาถาบทนี้อาจจะปราบไอ้อาการนั้นได้ เขาจึงมาบอกให้ใช่ไหม ก็ว่าเรื่อยๆไป ถ้ายิ่งสบาย ใช้คาถานี้สบายก็ว่าไปเลย เพราะว่าให้ถือว่าคาถาบทนี้พระพุทธเจ้าบอกเรา เพราะคาถาบทนี้พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ในธรรมบทนะ ถือว่าเป็นพุทธานุสสติเหมือนกัน

    (คัดจากหลวงพ่อตอบปัญหาในธัมมวิโมกข์ ธันวาคม 2533)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2019
  6. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705
    ทำบุญทุกอย่างแต่ไม่รวย


    ผู้ถาม : หลวงพ่อเจ้าขา ลูกเห็นทีว่าศรัทธาชักจะเตี้ยลงเหมือนสาละวันเสียแล้ว ทั้งนี้เพราะว่ากำลังใจในด้านการทำความดีมันเหี่ยวแห้งยังไงบอกไม่ถูก

    คือว่าอย่างนี้ ทำบุญทำกุศล ลูกทำตามแบบฉบับหลวงพ่อทุกอย่าง ศีลรักษาแถมยังมีศีล 8 ผสมในวันพระด้วย ภาวนาไม่ต้องห่วงเลยหลวงพ่อคะ ลูกว่าถี่ยิบ เพราะอยากจะรวยเร็วๆ แต่อนิจจาสู้คนข้างบ้านไม่ได้เลย เขารวยมากกว่าลูก เขาทำอะไรได้ดีไปทุกอย่าง ลูกทำอะไรแล้วไม่ได้เรื่องเลย

    ลูกจึงอยากจะมาปรึกษากับหลวงพ่อว่า มีทีเด็ดคำแนะนำอย่างไรจะไปสู้ข้างบ้านได้บ้างเจ้าคะ ?

    หลวงพ่อ : เออ ดูตัวอย่าง อนาบิณฑิกเศรษฐี เขาอยู่กับพระพุทธเจ้าใช่ไหม มีศรัทธา เป็นมหาเศรษฐี แต่วันหนึ่งกรรมที่เป็นอกุศลมาตัด กลายเป็นคนยากจน ต้องกินปลายข้าว แต่ว่าอาศัยที่เคารพพระพุทธเจ้าไม่ช้าก็รวยตามเดิม เป็นกรรมชั่วคราวนะ

    ผู้ถาม : อ้อ..อย่างนี้ก็ต้อทำกำลังใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นวิบากกรรมชั่วคราว อย่างนั้นก็ต้องรักษาอารมณ์เดิมไว้ก่อน

    หลวงพ่อ : ใช่ๆๆ ยันไว้อย่าให้พัง

    ผู้ถาม : แต่ความจริงที่หลวงพ่อบอกว่า คาถาเงินล้าน ถ้าหากว่าทำเป็นปกติ จิตสบายๆ ก็จะยันไว้

    หลวงพ่อ : ต้องทำแบบสบายๆ ปกติๆ จิตเย็นๆ ค่อยๆทำนะ ว่าแบบสบายๆ จิตเป็นสุข

    แต่อย่าลืมว่ากฏของกรรมเข้ามาริดรอนอย่างอนาบิณฑิกเศรษฐีมันก็มีเหมือนกัน และต้องเชื่อตามนี้ก่อนนะ ถ้าเป็นอย่างนี้ก็หมายความกรรมที่เป็นอกุศลเข้ามาตัดรอน และไม่ช้าก็จะสลายตัวไป กุศลมาใหม่ก็รวยใหม่

    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 118 เดือนธันวาคม 2533 หน้า 17)


    น่าจะคงมีหลายท่านที่ภาวนาพระคาถาเงินล้านแล้วยังไม่มีอะไรดีขึ้นมาก ขอลงไว้เผื่อให้อ่านให้เป็นกำลังใจทำกันต่อไปครับ


    http://palungjit.org/threads/นานาเรื่องราวต่อองค์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน.310631/page-19
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2020
  7. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705

    การใช้ชีวิตในทางโลก : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน


    1. ท่านสอนให้เป็นคนตื่นแต่เช้า โดยบอกว่า “คนที่ตื่นเช้าจะไม่ยากจน” ตื่นมาทำอะไรให้เสร็จเรียบร้อย และจะไปนอนใหม่ก็ไม่เป็นไร

    2. ท่านสอนให้ทำอะไรเร็วๆ ไวๆ ไม่ชักช้ายืดยาด ถ้าท่านบอกให้ใครไปทำอะไร ต้องรีบลุกทันที จะใช้คำว่า “เดี๋ยวก่อน” ไม่ได้เลย การเดินทางติดตามท่านแต่ละครั้ง ต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเวลานัดหมายประมาณ 1 ชั่วโมง

    มีอยู่คราวหนึ่งท่าน นัดรถออกตี 5 พอตี 4 เศษๆ หลวงพ่อท่านออกมาแล้ว ข้าพเจ้าต้องรีบขึ้นรถทั้งชุดนอนแล้วไปเปลี่ยนที่ปั๊มน้ำมันเวลารถจอดเติมน้ำมัน ตั้งแต่นั้นมาการเดินทางทุกครั้ง พวกเราจะตื่นมาแต่งตัวและจัดกระเป๋าให้เรียบร้อยพร้อมขึ้นรถได้ทันที แล้วนอนคอยเวลา พอท่านมาก็ลุกไปขึ้นรถได้เลย เป็นการฝึกให้ลูกศิษย์มีนิสัยทำอะไรรวดเร็ว ไม่อืดอาดชักช้า และเป็นคนไม่ผิดนัด

    3. การเขียนหนังสือและตัวเลข ท่านสอนให้เขียนตัวโตๆ ให้อ่านง่าย อย่าไปเขียนตัวเล็กๆ หรือเขียนตัวหนังสือแบบเล่นหางเด็ดขาด เพราะทำให้อ่านยาก ท่านบอกว่า “คนที่เขียนหนังสืออ่านยาก แสดงว่าคนนั้นยังมีกิเลสมาก”

    4. พื้นห้องที่ปูด้วยกระเบื้องหรือหินอ่อนจะมีความเย็น ท่านสอนว่าอย่าไปนั่งนานๆ ให้หาอะไรมารองนั่ง เพราะจะทำให้เป็นโรคเหน็บชา

    5. เวลาท่านไปสอนพระกรรมฐาน ถ้าไปพักบ้านที่ติดชายทะเล หรือบ้านที่มีสระน้ำ ถ้าใครว่ายน้ำไม่เป็น ท่านให้ไปหัดว่าย ท่านบอกว่า การว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายทุกส่วนของร่างกาย ทำให้มีสุขภาพแข็งแรง และถ้าเผอิญไปตกน้ำก็จะไม่จมน้ำตาย

    6. ท่านสอนให้ข้าพเจ้ารู้จักขุดดิน ฟันหญ้า ปลูกผักสวนครัวที่วัดอยู่พักหนึ่ง ข้าพเจ้าคิดเองว่า ท่านสอนให้รู้จักสมบุกสมบันบ้าง และเป็นการออกกำลังกายด้วย เพราะทำงานนั่งอยู่กับโต๊ะมานานหลายปี

    7. เรื่องอาหารและผลไม้นี้ ท่านบอกว่า บางอย่างจะไม่ถูกกับบางคนเท่านั้น ไม่ใช่เสมอไปทุกคน เช่น แตงโมกับส้มโอ เห็นเป็นน้ำก็จริง แต่เส้นใยนั้นย่อยยาก คนที่เป็นโรคกระเพาะรับประทานเข้าไป จะทำให้ปวดท้อง

    ส่วนปลาร้ามีประโยชน์ต่อร่างกาย พริกมีส่วนช่วยเรียกน้ำย่อยทำให้รับประทานอาหารได้ดี

    ถึงแม้ว่าหลวงพ่อจะมรณภาพไปหลายปีแล้วก็ตาม ท่านยังมีเมตตามาสงเคราะห์ข้าพเจ้า เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2544 ข้าพเจ้าฝันเห็นหลวงพ่อมาบอก ห้ามรับประทานอาหารและขนมที่มีส่วนผสมของไก่ หรือไข่ไก่ทั้งหมด

    8. แม้แต่เรื่องสายตา ท่านบอกว่า อายุ 40 ปีขึ้นไป ควรไปตรวจสายตาว่าสมควรใส่แว่นหรือยัง เป็นการถนอมลูกตาไม่ให้ใช้งานมากเกินไป


    9. ข้าพเจ้าเคยตรวจต้นฉบับหนังสือธัมมวิโมกข์ก่อนส่งโรงพิมพ์ สมัยที่ยังไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ ท่านก็สอนว่า ถ้าช่วยพระทำงานก็ไปติดต่อพูดคุยกับพระสงฆ์ได้ แต่อย่าไปอยู่นานๆ ถึงแม้ว่าเราไม่มีอะไรก็ตาม แต่คนจะตำหนิเราได้ ให้เอางานลงมาทำที่ห้องพัก

    10. สมัยที่ข้าพเจ้ายังทำงานอยู่ ท่านสอนให้ตั้งใจทำงาน โดยไม่ต้องไปคำนึงว่าปีนี้จะได้เงินเดือนขึ้นกี่ขั้น ให้ถือว่างานนั้นเป็นงานของเราเอง เพราะเราได้เงินจากการทำงานนั้นมาใช้จ่ายในการดำรงชีวิตให้ทรงอยู่ ให้ผู้มีพระคุณเป็นการตอบแทนพระคุณท่านบ้าง และนำมาทำบุญทำทานสร้างบุญกุศลให้ตัวเราเองด้วย

    ถ้าไม่ได้ทำงานเราจะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่าย บางครั้งที่ข้าพเจ้าลางานติดตามหลวงพ่อไปสอนพระกรรมฐาน หรือไปแจกของในถิ่นทุรกันดารบ้าง ท่านก็สอนว่า เวลากลับมาให้ตั้งใจทำงานให้เต็มที่ มีความรับผิดชอบในหน้าที่ของเรา ไม่ให้บกพร่อง อย่าเกียจคร้าน อย่างนี้หัวหน้างานและเพื่อนร่วมงานก็ว่าเราไม่ได้

    สิ่งที่หลวงพ่อสอนไว้ยังมีอีกมาก ข้าพเจ้าเล่าเท่าที่ได้รับฟังมา และพอจะจำได้เท่านั้น เป็นความประทับใจที่หลวงพ่อมีเมตตา ปลูกฝังนิสัยที่ดีแก่ข้าพเจ้าและลูกศิษย์ทุกคนได้ปฏิบัติจนชินมาจนถึงทุกวันนี้


    (จากเรื่อง "ความประทับใจในองค์หลวงพ่อของข้าพเจ้า" โดย คุณครูคณิตพร บุณยเกียรติ ในหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม 5 หน้า 101- 103)



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2018
  8. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705
    พระรุ่นพิเศษ

    พระที่แจกนี่นะ ทำมาจากผงปลุกเสกครบไตรมาส 3 เดือน ตอนสมัยหลวงพ่อมีชีวิตอยู่พ.ศ. 2518 หลวงพ่อท่านลงกรรมฐานทุกวัน ท่านบอกว่า ต่อไปนี้จะไม่มีเวลาทำพระครบไตรมาสแล้วนะ

    เวลาท่านทำ กรรมฐานท่านก็นั่งทำพิธีทุกวัน ทำกรรมฐานเสร็จท่านก็เล่าให้ฟังว่า วันนี้พระที่มีความสำคัญมาทำ ทำเฉพาะพิเศษเลยเฉพาะจุดนี้ รุ่งขึ้นอีกวันท่านก็บอกพระองค์นี้มาทำเฉพาะจุดนี้้เป็นเรื่องๆไป



    ท่านเล่าให้ฟังอย่างนี้ก็ให้ด๊อกเตอร์ปริญญาไปเอาดินสอพองมา เอามาเข้าพิธีกัน หลวงพ่อท่านบอกว่า นี่พวกแกเตรียมหากินกันแล้วนะ ไอ้เราก็ไม่รู้ว่าท่านไม่มีเวลาทำครบไตรมาสอีก ท่านบอกว่า ต่อไปคนจะเยอะ ข้าไม่มีเวลาทำอีกแล้ว ทำครบไตรมาสอย่างนี้

    พอหลวงพ่อมรณะภาพแล้วนี่ เราจะปลุกเสกพระบ้าง เราก็ไม่มีความรู้ ก็ไปเก็บผงทุกอย่างที่มีอยู่ มีผงคำข้าว มีเกศาหลวงพ่อ แล้วก็ดินสอพองที่ครบไตรมาส เอามาผสมกันแล้วทำพระมาแจก เวลาทำเสร็จแล้วก็มาเข้าพิธีบวงสรวงบอกครูบาอาจารย์ บอกว่าเราขออนุญาติทำพระที่หลวงพ่อปลุกเสกแล้วเพื่อเอามาแจกแก่ญาติโยม

    บางคนก็บอกกลัวไม่ดังหรือไง ก็ไม่ใช่อยากดัง ความจริงหลวงพ่อท่านปลุกเสกไว้หมดแล้ว




    (จากคอลัมภ์ "จากคำบอกเล่า" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 149 เดือนกรกฏาคม 2536 หน้า 100)

    พระรุ่นพิเศษที่ว่าคือ
    1. พระผงสมเด็จองค์ปฐม ครบรอบ 100 วันหลวงพ่อมรณภาพ
    2. พระผงสมเด็จองค์ปฐมรุ่นครบ 1 ปี หลวงพ่อมรณภาพ
    3. พระผงสมเด็จองค์ปฐมรุ่นครบรอบ 2 ปีหลวงพ่อมรณภาพ

    ปัจจุบันยังสามารถหาเช่ารุ่นครบรอบ 1 ปีและ 2 ปี ได้ที่บ้านซอยสายลม องค์ละ 100 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2020
  9. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705
    ขอกรรมฐานลัดๆ

    ผู้ถาม : กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง กระผมเห็นว่าหลวงพ่อเป็นพระกรรมฐานที่มีแบบฉบับดีมาก ขอกรรมฐานลัดๆ พอเป็นหนทางเข้าสู่มรรคผลนิพพานในชาตินี้ ด้วยเถิดขอรับ

    หลวงพ่อ : "ช่างมัน ช่างมัน"

    ผู้ถาม : แค่นี้เหรอครับ

    หลวงพ่อ : อ้าว สังขารุเปกขาญาณไงละ อารมณ์พระอรหันต์นะ เอาเลยลัดได้ ใครด่าก็ช่างมัน ใครชมก็ช่างมัน อดก็ช่างมัน มีกินมากก็ช่างมัน คือว่าช่างมันเป็นเรื่องธรรมดา

    กฏธรรมดาเป็นอย่างนี้ เราจะทุรนทุรายไปเพื่ออะไร เมื่อความร้อนมามันไม่เย็น เราไปเรียกความเย็นมันไม่มา ก็เป็นทุกข์เปล่าๆ ทนร้อนไป ถือเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเย็นมากเกินไป มันหนาวจัด ไปเรียกความร้อนมา มันก็ไม่มา ถือว่าโลกเป็นอย่างนี้ก็ปล่อยมัน ทำใจสบายๆ เท่านี้นะ

    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 101 เดือนกรกฏาคม 2532 หน้า 49-50)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มีนาคม 2020
  10. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705
    ภาวนาสัมปจิตฉามิ หมาหนี

    ผู้ถาม : หลวงพ่อคะ ทุกๆวัน ลูกจะต้องเดินเข้าซอย กลางซอยจะมีสุนัข 3-4 ตัวเป็นเจ้าถิ่นในซอย พอลูกเข้าซอยปุ๊บลูกจะท่อง "สัมปะจิตฉามิ" ทันที เพราะซอยมันเปลี่ยว พอลูกเดินถึงเจ้าสุนัข พวกมันจะต้องเดินหลบ และก้มหน้าเดินเลี้ยวไปทางอื่น พอลูกเดินพ้นพวกมัน ก็เห็นพวกมันก็มานอนที่เดิมเป็นอย่างนี้ทุกที อย่างนี้เป็นเพราะมันกลัวบทที่ลูกท่อง "สัมปะจิตฉามิ" หรือคะ ?

    หลวงพ่อ : "สัมปะจิตฉามิ" เป็นบทขับนี่ ขับศัตรู

    ผู้ถาม : ขับทั้งหมาทั้งคนเลยหรือครับ ?

    หลวงพ่อ : ใช่...

    ผู้ถาม : โอ..อย่างนี้ใครมาทวงหนี้ก็ "สัมปจิตฉามิ" ก็เปิดเลย

    หลวงพ่อ : เอาเฉพาะเจ้าหนี้นะ อย่าไปไล่ลูกค้า

    "สัมปจิตฉามิ" เป็นคาถาย้อน ใครเขากลั่นแกล้งเราก็ตาม ก็กลับไปหาคนนั้น ของพระพุทธเจ้าท่านนะ ท่านบอกที่นิวซีแลนด์

    ท่านบอกคาถาบทนี้ใครจะทำอะไรก็ตามจะย้อนกลับ ไม่เฉพาะบุคคลนั้นทั้งกลุ่มเลยนะ


    (จากธัมมวิโมกข์ เดือนพฤษภาคม 2537)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2018
  11. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705
    ทำบุญอย่างไรถึงถูกหวย

    ผู้ถาม : พอดีพูดถึงเรื่องถูกหวยไป เมื่อเดือนที่แล้วมีคนถูกถึง 9 ล้านบาท ลูกหลานถามมาว่า ทำบุญอะไรนะ ถูกตั้ง 9 ล้านบาท ทำบุญกับหลวงพ่อเยอะแยะไม่ถูกสักล้าน

    หลวงพ่อ : ก็ทำไม่ถึง 9 ล้านนี่

    ผู้ถาม : โอ้โฮ ! ยังงั้นต้องเริ่มตั้งต้นใหม่แล้ว

    หลวงพ่อ : นั่นหมายถึงชาติก่อนของเขา การถูกหวยรวยโป อ้อ รวยโปไม่เกี่ยวนะ การพนันทุกอย่างไม่เป็น ยอมรับว่าโง่ การพนันกับน้ำเมา 2 อย่างนี่โง่แน่ โง่ 100 เปอร์เซ็นต์

    ผู้ถาม : แล้วก็เรื่องผู้หญิงก็โง่หรือเปล่าครับ ?

    หลวงพ่อ : เรื่องผู้หญิงก็โง่ เวลานี้ไม่รู้เรื่องเลย

    ผู้ถาม : แหม.......หลวงพ่อเข้าใจเลี่ยง

    หลวงพ่อ : ไม่ใช่เลี่ยง อย่าลืมนะ ฉันเป็นพระ ต้องพูดตรงไปตรงมานะ เวลานี้ นะ ไปทำอะไรเขาได้ละ

    เป็นอันว่าคนที่พูดเมื่อกี้นี้เมื่อชาติก่อนเขาทำบุญโดยไม่ตั้งใจ ทำบุญไม่ได้เตรียมการไว้ก่อน จึงถูกหวย เรียกว่า "ลาภลอย" คือว่าเรื่องนี้ก็เคยคิดเมื่อตอนหนุ่มๆว่าการร่ำรวยอย่างอื่นพระพุทธเจ้าตรัสไว้ แต่ว่าการถูกหวยทำไมไม่ตรัสไว้ ก็พอดีวันหนึ่งนั่งกรรมฐานไปพบท่าน

    ท่านถามว่า "สงสัยเรื่องนั้นหรือ"

    ก็บอกท่านว่า สงสัยครับ

    ท่านบอกว่า "พวกนี้ทำบุญไม่มีการเตรียมการ เจอะปุ๊บปั้บก็ทำเลย"

    ทำแล้วถูกมากแบบนี้เขาอาจจะไม่ทำมากก็ได้

    อย่างสมมุติว่าไปเจอะเขาถวายสังฆทาน เรามีสลึงเดียวก็ร่วมถวายกับเขา อย่างพระสิวลี ผึ้งรวงเดียว เกิดมาชาติหลังลาภมหาศาล ต้องดูเขตของบุญ การลงทุนมากแต่ได้อานิสงส์น้อยก็มีอยู่

    ให้ทานหรือทำทานแจกคนที่ไร้ศีลไร้ธรรม หรือบกพร่องในศึลในธรรม อย่างนี้ลงทุนมากแต่แต่ได้อานิสงส์น้อย

    ถ้าลงทุนน้อยแต่ได้อานิสงส์มาก เช่น ให้ทานกับคนที่มีศีลบริสุทธิ์บ้าง ทรงฌานบ้าง เป็นพระอริยเจ้าบ้าง เป็นพระพุทธเจ้าบ้าง โดยเฉพาะสังฆทานยอดอย่างยิ่ง สูงมาก

    ฉะนั้นเวลาไปเจอะเขาถวายสังฆทานที่ไหนควักเลย บาทครึ่งบาท ทำเลย อย่างนี้ก็รอชาติหน้า

    แต่ถ้าทำบ่อยๆ ชาตินี้ก็ได้นะ แต่ไม่ต้องทำมาก อย่าให้เดือดร้อนนะ แค่นิดหน่อยพอที่เราไม่เดือดร้อน ถ้าเจอะเมื่อไรทำเมื่อนั้น ถ้าทำบ่อยๆได้ผลชาตินี้


    ผู้ถาม : แหม...ถ้างวดหน้าก็ดีแน่เลย

    หลวงพ่อ : ขอยืนยันว่างวดหน้าดีแน่ แต่ใครจะถูกหวยหรือไม่ถูกหวย ฉันไม่ทราบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2022
  12. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705
    ท่องคาถาเงินล้านขายของดี

    ผู้ถาม : เมื่อคราวไปวัดโพธิ์เมืองปัก อ.ปักธงชัย ไปพบหญิงคนหนึ่งมากระซิบบอกว่า คาถาเงินล้านทำให้ขายผ้าขายผ่อนได้คล่องเหลือเกิน

    ผมก็ถามว่า เขาว่าอย่างไรละ แกก็เอาเลย " พรหมมา จะ มหาเทวาสัพเพยักขา ปลาร้า ยันติ " (สงสัยจะกินปลาร้าบ่อย แต่ก็ผิดกับภาคกลางนะ สัพเพ หักขา ปะรายันติ) เอ.. ทำไมว่าผิดๆ จึงขายดีได้ละครับ ?

    หลวงพ่อ : อย่าลืมซิว่าอยู่ที่การตั้งใจด้วยความเคารพ อย่าง " นะโมพุทธายะ " กับ " นะโมพุทธาแยะ " มัน มีผลต่างกัน

    ตอนที่ไปเรียนกรรมฐานกับหลวงพ่อปาน กลางคืนก็ไปคุยกับท่าน ท่านถามว่า เจริญพระกรรมฐานภาวนาว่าอย่างไร ก็บอกกับท่านว่า ภาวนาว่า พุทโธ ครับ

    ท่านบอกว่า คำภาวนานี่ไม่จำกัด อยู่ที่ความพอใจ แล้วท่านก็เล่านิทานเรื่องหนึ่งให้ฟัง

    ท่านบอกว่า มีพระองค์หนึ่ง เดี๊ยวนี้เขาเรียกว่าปัญญาอ่อน แต่ฉันว่าปัญญาแข็ง อาจารย์สอนท่านให้ภาวนาว่า "นะโมพุทธายะ" ก็ทำได้พอควร เวลานั้นป่าเยอะ ท่านก็ไปนั่งบนยอดเขาแล้วบอกกับอาจารย์ว่า "ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป 15 วัน ผมจะไม่กินอาหารครับ"

    อาจารย์ก็ถามว่า "แล้วเธอจะกินอะไร "

    ท่านก็บอกว่า " ทำอะไรไม่ได้ก็ให้มันตายไป"

    พอไปถึงบนเขาท่านไม่รู้หนังสือ พอขึ้นไป นะโมพุทธายะ กลายเป็น นะโมพุทธาแยะ ไป ตอนเช้าแกหิวขึ้นมาก็ไม่รู้จะกินอะไร บิณฑบาตที่ไหนไม่ได้ ก็อธิษฐานว่าขอหินจงเป็นวุ้น ก็ปรากฏว่ามีวุ้นเกิดขึ้น ก็อิ่ม ทำอย่างนั้นทุกวันจนหมดเวลากำหนด

    พอออกมาจากป่า ท่านก็กลับมาหาอาจารย์ บอกกับอาจารย์ว่า "คาถาที่อาจารย์ให้ไปนั้นดีมาก ผมไม่มีอาหาร ปรากฏว่ามีวุ้นที่ต้องการให้เป็นรสอะไรก็ได้"

    อาจารย์เลยบอกว่า "คุณเก่งมาก แต่ความจริง นะโมพุทธาแยะ มันเป็นตัวเมีย แต่ที่ให้ไปมันเป็นตัวผู้"

    พอจำได้จากอาจารย์ก็ล่อ นะโมพุทธายะ ท่านว่า 3 วันอด ต้องเล่น นะโมพุทธาแยะ ตามเดิม

    ผู้ถาม : เอ...อย่างเจ้าปักธงชัย ก็ต้องใช้ "ปลาร้ายันติ" อย่างเดิมซิครับ

    หลวงพ่อ : ใช่ๆ ขืนฝืนจิตสะดุด ว่าผิดบ้าง ถูกบ้าง แต่ใจเขานึกถึงพระพุทธเจ้ามั่นคง


    (จากธัมมวิโมกข์ พฤษภาคม 2537)



    http://palungjit.org/threads/นานาเรื่องราวต่อองค์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน.310631/page-19
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2022
  13. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705
    เรื่องศพหลวงพ่อ

    เรื่องศพของหลวงพ่อนี่ เมื่อสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่ ท่านเคยบอกกับเราว่า เมื่อข้าตายแล้วให้ดูศพข้า ใน 7 วัน 15 วัน ท่านบอกว่าท่านขอพรข้างบนไว้แล้ว แต่ไม่บอกว่าใคร

    ทีนี้เมื่อท่านมรณะภาพแล้ว เราไม่ให้ฉีดฟอร์มาลีน ปล่อยให้ศพเป็นธรรมชาติอยู่อย่างนั้น แต่ศพของหลวงพ่อ 7 วันแล้วก็ยังไม่มีกลิ่นเลย ยังไม่มีน้ำเหลืองออกจากร่างกายเหมือนคนนอนหลับธรรมดา เราก็นึกว่า เออ... หลวงพ่อคงจะกลับ เพราะว่าปรกติพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณสามารถเข้านิโรธสมาบัติได้ 7 วัน หรือ 15 วัน โดยไม่ต้องฉันอาหารเลย เมื่อ 7 วันแล้วร่างกายของหลวงพ่อก็ยังงอแขนได้ ยกได้เป็นปรกติ เราก็นึกว่าหลวงพ่อคงจะกลับ พอ 7 วันแล้วไม่กลับแต่ร่างกายก็ยังปรกติอยู่ ก็คิดว่า เอ..พระอรหันต์ในสมยพุทธกาล ยังเข้านิโรธสมาบัติได้ถึง 15 วัน ก็ยังมั่นใจว่าหลวงพ่อจะกลับใน 15 วันอีก เมื่อเรามั่นใจอย่างนี้แล้ว เราก็ไปดูศพท่าน ศพท่านก็ยังปรกติอยู่ ไม่มีน้ำเหลืองออกใน 15 วันนี้ ผิดปรกติทุกอย่าง

    หลัง 15 วันแล้วศพของท่านยุบลงหน่อย มีสีขาวขึ้น บางคนก็ว่าเชื้อรา หมอที่อยู่ที่วัดบอกไม่ใช่เชื้อรา เพราะบางครั้งก็หายไป แล้วก็ปรากฏขึ้นอีก แต่เดี๊ยวนี้ถึงแม้ศพหลวงพ่อยุบลง แต่ก็ยังมีกล้ามเนื้ออยู่ แต่มีท่อนแขนเท่านั้นที่แข็งขึ้น แต่คนก็ยังลุ้นว่าหลวงพ่อจะกลับ แต่ท่านคงไม่กลับแล้วละ

    แต่มีส่วนที่ว่า จะเป็นมงคลกับเรา คือมีคนไปทำความสะอาดใบหน้า คือโกน แล้วเอาเซลผิวหนังเอาไปแจกกัน เดี๊ยวนี้ขาวเป็นแก้วแล้ว เขาเอาไปให้กันทางสุพรรณฯ

    เมื่อท่านมีชีวิตอยู่ ท่านบอกว่า พระมหากัสสปที่อยู่เชียงตุง จะมาช่วยดูแลเกี่ยวกับศพท่าน ท่านบอกว่าถ้าใครไปกราบศพท่านจะเป็นมงคล เหมือนกับที่ท่านมีชีวิตอยู่เพราะพระมหากัสสปจะมาช่วยเกี่ยวกับศพท่าน ยังหาเทปอันนี้ไม่เจอ แต่ท่านเคยพูดไว้


    (จากคอลัมภ์ "จากคำบอกเล่า" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 145 เดือนมีนาคม 2536 หน้า 76)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2020
  14. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705
    ไม่มีเงินทำบุญแต่อยากได้บุญ

    ผู้ถาม : "กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง คือลูกไม่มีเงินจะทำบุญ ก็ต้องไปขอพี่บ้าง น้องบ้าง เวลาไปขอเขาทีไรเขาชอบพูดกระแนะกระแหน หาว่าลูกไม่เจียมบอดี้... อยากเรียนถามหลวงพ่อก็คือว่า คนที่ไม่มีเงินจะทำบุญแล้วอยากจะได้บุญ หลวงพ่อมีคำแนะนำจะให้ทำอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ ?"

    หลวงพ่อ : "ไม่ยาก.. บุญที่ไม่ต้องลงทุนก็มี ถ้าต้องการ

    1. รักษาศีล ศีลไม่ต้องใช้เงิน
    2. เจริญภาวนา ไม่ต้องใช้เงิน

    3. การให้ทาน เราต้องใช้เงินใช่ไหม...จะไม่ใช้ก็ได้ เขาเดินถวายทานเป็นแถว ๆ ปัตตานุโมทนามัย ดีใจกับเขา คนละ 90 เปอร์เซ็นต์ ตั้ง 100 คนเท่าไรล่ะ ?"

    ผู้ถาม : "อย่างนี้เราไม่ต้องถวายสตางค์หลวงพ่อก็ได้ซิครับ ?"

    หลวงพ่อ : "ฉันไม่รับเงินมานานแล้วนะ รับแต่แบงก์อย่างเดียว"

    ผู้ถาม : "อย่างนั้นคนจนก็ไม่ต้องตกใจนะ อาศัยปัตตานุโมทนามัย"

    หลวงพ่อ : "ถ้ามีบ้างก็ทำเท่าที่มีได้ ถ้าไม่มีทำก็นั่งโมทนา นึกในใจยินดีในผลที่เขาทำแล้ว เท่านี้แหละ 90 เปอร์เซนต์

    วัน ๆ นับไม่ไหว อย่างที่นี่หาบไม่ไหว ต้องเอาพ้อมมาใส่ และบุญนีไม่สลายตัวด้วย"

    ผู้ถาม : "แหม...คนที่ยกมือ ไม่ต้องลงทุนเลยนะ"

    หลวงพ่อ : "ลงทุนเหมือนกัน ลงทุนแค่ยกมือ ถ้าเขาไม่ยกมือก็ได้ ยินดีด้วยจิตนอบน้อม อย่างฉันนี่ยกทั้งวันปวดแขน ก็เลยไม่ต้องยก เมื่อไม่ต้องยกก็มีผลสมบูรณ์แบบนะ"

    (จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม 9 หน้า 54 - 55)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2019
  15. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705
    หลวงพ่อใจถึง


    ลวงพ่อท่านมีชีวิตอยู่ถามอะไรไม่มีอะไรที่เป็นที่ข้องใจ เพราะท่านสงสัยมามากกว่าเราร้อยเท่าท่านค้นคว้ามาเยอะ ไอ้เราสงสงสัยไม่เท่าท่านหรอก เดิมหลวงพ่อเป็นคนไม่เชื่ออะไรง่ายๆใช่ไหม

    สมัยก่อนจะเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่ง สมัยท่านเป็นเด็กรุ่นๆอย่างเรายังไม่กล้าเท่าท่านหรอก เด็กรุ่นๆวัยรุ่นนี่นะเขาบอกว่าท่านไปเลี้ยงควาย ทีนี้คนเก่าๆเขาสักกันใช่ไหม สักตามตัวนี่

    "ลุงๆ สักทำไมไอ้นี่นะ"

    "สักไว้เหนียว ฟันไม่เข้า ยิงไม่ออก"

    พอเผลอๆ ท่านก็ฟันเบ้งเลยฟันด้วยขวานนะ โอ..เข้าหรือเปล่าท่านไม่เล่าหรอก อย่างเราจะไปกล้าลองหรือน่ะ บอกว่าเหนียวฟันเลยฟันด้วยขวาน แหม...ขวานนี่หนักกว่าดาบนะ ถึงไม่เข้าก็เลี้ยงไม่โตเลยล่ะ

    "แสดงว่าหลวงพ่อนี่ตอนวัยรุ่นนี่น่าดูเหมือนกันคงจะเฮี้ยนน่าดูเหมือนกันนะ "


    ก็คุยว่าอย่างนั้นนี่ คุยว่าเหนียวนี่ เดี๊ยวจะเล่าเรื่องใจถึงไปยิงเสือโดดให้ฟัง

    เสือโดดนี่เขาว่ามันเหนียวมันเป็นเจ้าพ่อสมัยโบราณ ถ้าเรียกเจ้าพ่อหมายถึงเสือปล้น เรียกว่าไปหมู่บ้านไหนตำบลไหนนี่ คนก็ต้องนั่งราบหมดแล้วลูกน้องพกปืนสองกระบอก

    ทีนี้ตำรวจเขาก็มาหา มาตามท่านให้ไปปราบเสือโดด ท่านก็ไปกันกับเพื่อนสองคน ไปถึงมันต่างถิ่นใช่ไหมต่างอำเภอต่างจังหวัดนี่ เขามีงานวัดกันพอดี ท่านก็บอกท่านไปจีบแม่ค้าอ้อยควั่น ไปนั่งจีบแม่ค้าตามแถวบ้านนอกเขามีแม่ค้าอะไรต่ออะไร ทีนี้ท่านก็นั่งกินอ้อยควั่นอยู่ซักประเดี๊ยวคนดูลิเกก็นั่งราบไปหมดนั่งราบกันไปหมด ก็ถามแม่ค้าใครมานี่ แม่ค้าบอก "เสือโดดมาแล้ว เสือโดดมา"

    ท่านก็กินไปซักประเดี๊ยวก็เข้าไปหายกมือไหว้เสือโดด คนมันเต็มไปหมดเลย ลูกน้องเดินไข่วไปหมด บอก

    "พี่ครับ ผมฝากเนื้อฝากตัวด้วย ผมเป็นคนต่างถิ่นมาเขตพี่ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ"

    แล้วมองไปที่เอวเสือโดด

    "โอ..พี่ใช้ปืนรุ่นใหม่เชียวรึนี่"

    เสือโดดบอก "เด็กๆเขาหามาให้"

    บอก "พี่ๆ ขอดูหน่อยได้ไหม"

    เสือโดดก็ควักปืนให้ดู

    "โอ้โฮ..ใหม่เลย"

    พอใหม่ปุ๊บท่านเป็นปืนนี่เก่งปืนอยู่แล้วนี่ พอจับปุ๊ปไม่เอาแม๊กออกด้วยใช่ไหมทิ่มเป้งเลย ลูกน้องท่านสองคนสองกระบอกจี้คอหอยลูกน้องไว้เลย แหม...วีรกรรมอย่างกับในหนังเลยยิ่งกว่าหนังคาวบอย หนังฝรั่ง

    ที่ว่าเป้งนั่นยิงเสือโดดไปแล้ว ยิงหงายผึ่งไปแล้ว ไม่เหนียวเลยเพราะว่าเหนียวท่านยิงออกนี่ หลวงพ่อท่านมีวิธีของท่านบอก โอ้โฮ....คนกรูกันเข้ามานึกว่าจะช่วยเสือโดด ที่แท้สาธุกันทั่วไปหมด

    ปรกติไม่มีใครปราบได้หรอกมันเหนียวตำรวจมันสับโชะๆเลย ไม่เหนียวแล้ว ท่านเป็นคาถาต้องเสกคาถา


    "รู้สึกหลวงพ่อตอนนั้นใจกล้ามากนะ กระชั้นชิดขนาดนั้น ถ้าเกิดยิงไม่ออกละก็ยุ่งเลยเชียวนะ "


    ของท่านสมัยก่อนออกไปต้องสับ สับอย่างนี้ก่อนสับปืนยิงที่ตัวเองก่อน บางทีสับโชะๆยิงปัง อีกคนรุ่นเดียวกันกับท่านแน่กว่านั้นไปอีก อมปากกระบอกปืนสับโชะๆๆ เราไม่ไหวหรอก ลองๆนี่ลั่นเป้ง

    "แล้วถ้าลั่นเป้ง"

    ก็ซี๊แหงไง (หัวเราะ)


    (จากคอลัมภ์ จากคำบอกเล่า ธัมมวิโมขก์ ฉบับที่ 156 เดือนกุมภาพันธ์ 2537 หน้า 100-101)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2024
  16. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705
    สร้างพระ 70 นิ้ว

    เรื่องนี้อาจจะไม่มีตำรา สมัยก่อนที่หลวงพ่อมีชีวิตอยู่ มีคนมาหาท่าน เขาบอกว่า เป็นคนจน แต่มีบุญกรรมอะไรไม่ทราบ เขาให้สร้างพระ 70 นิ้ว

    พระ 70 นิ้วก็ต้องเป็นหมื่นเป็นแสนนี่ ทองเหลืองน่ะนะ ก็ไม่มีปัญญาจะทำ ก็มีความทุกข์มาก ไม่รู้จะไปหาที่ออกทางไหน ก็มาเล่าถวายหลวงพ่อ ว่ามันมีปัญหาอย่างนี้จะทำอย่างไร

    หลวงพ่อบอกว่า แกจะไปยากอะไร ถึงปีแก็ทอดกฐินซิ 70 นิ้วก็ทอด 7 วัด วัดละไตร ถือว่าเป็นอานิสงส์กฐิน มีอานิสงส์เท่ากัน


    (จากคอลัมภ์ "จากคำบอกเล่า" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 156 เดือนกุมภาพันธ์ 2537 หน้า 101)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2021
  17. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705
    1-34.jpg


    เรื่องเลี่ยงภาษี


    ผู้ถาม : ที่นี่เรื่องภาษาแพงจริงๆ ค่ะ ต้องเลี่ยงๆ ไม่รู้ทำยังไงดี

    หลวงพ่อ : เลี่ยงๆก็ไปแล้ว ครือกันแล้ว แล้วมันมีความจำเป็นต้องเลี่ยงไหม ?

    ผู้ถาม : ถ้าพวกสรรพกรเขาเลี่ยงให้ ก็เอาเหมือนกันค่ะ

    หลวงพ่อ : นั่นเป็นเรื่องของเขา เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่เขา

    ผู้ถาม : ถ้าเราบอกเขาล่ะคะ

    หลวงพ่อ : ก็บอกว่ามันแพงเกินไป ทำยังไงจึงจะถูกได้ ถ้าเขาทำให้ก็เป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่เราทำเอง

    ผู้ถาม : แล้วอย่างเราทำบัญชีเองล่ะคะ

    หลวงพ่อ : ก็ครือกันแล้ว มันธรรมดาของการหากินประเภทนี้ อย่าให้ละเอียดเกินไป เราเป็นปถุชนคนที่ไม่เป็นพระโสดาบัน สกิทาคา อนาคา เขาก็ทำอย่างนี้ด้วยกันทั้งนั้น ต่อเมื่อเป็นพระโสดาบันแล้ว เขาไม่ทำ ไม่มีคนไหนเกิดมาแล้วไม่ละเมิดศีล บางคนละเมิดยิ่งกว่าเรา อย่างองคุลีมาร ฆ่าคนมากเท่าไหร่ ยังเป็นพระอรหันต์ มันต้องเป็นวาระที่กุศลเก่าเข้าสนองเต็มอัตรา ความเป็นพระอริยเจ้ามาถึงเมื่อไร ตอนนั้นไม่ละเมิด

    ถ้าไม่ถึงก็มีความจำเป็น เพราะอะไร ถ้าเสียภาษีตามปกติ เราก็ไม่เหลือกินเลย เราก็ตาย ฉะนั้นเราจะถือว่าใครโกง เราไม่ได้กู้เงินรัฐมานี่ ถ้ากู้เงินรัฐมา เราไม่เสียให้เขาตามปกติ โกงแน่ ทีนี้เราทำมาหากินกฏหมายเขาร่างขึ้นมา เราไม่ได้ร่างเอง นี่ว่ากันตรงๆ นะ


    ฆ่ามดเพื่อบ้านอยู่

    ผู้ถาม : หลวงพ่อคะ ที่บ้านหนูมีมดคาร์เพนเตอร์แอนท์ เกิดลูกหลานรวดเร็วมากค่ะ มดชนิดนี้ทำลายไม้ร้ายแรงพอๆกับปลวก ต้องอาศัยยากำจัดแมลงมากำจัด จึงจะได้ผล หนูจะผิดศีลข้อ 1 ไหมคะ ถ้าจะไม่ให้ผิดศีลข้อ 1 จะทำอย่างไรคะ เพราะถ้าไม่กำจัดบ้านพังแน่ค่ะ

    หลวงพ่อ : ถ้าถามพระก็ต้องบอกว่า ย้ายบ้านซิ เป็นเรื่องธรรมดา ที่อยู่อาศัยและทรัพย์สินต้องป้องกัน ถ้าขืนถามแบบนี้ไม่มีบ้านอยู่ ไปที่ไหนปลวกก็ขึ้นมดก็ขึ้น ถามในสิ่งที่พอปฏิบัติได้ ถ้าถามว่าบาปไหม บาปก็ต้องว่าบาป แต่ว่าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เวลาทำไปแล้วก็ตั้งใจอุทิศส่วนกุศล ว่าบาปที่ฉันทำไปแล้วขอเธอจงโมทนาด้วย (หัวเราะ) เอาอย่างนี้ซิ ทำบุญถวายสังฆทาน ตั้งใจอุทิศส่วนกุศลให้ ถ้าจะถามว่าถวายสังฆทานใช้เงินเท่าไร ก็ต้องบอกว่าตั้งแต่ 1 สลึงก็ใช้ได้


    (จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 76 มิถุนายน 2530 หน้า 6-7)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2024
  18. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2012
  19. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705
    วิธีภาวนาคาถาเงินล้านให้เงินใช้ไม่หมด

    ลูกศิษย์ : เรื่องภาวนาคาถาเงินล้าน ?

    หลวงพ่อ : คาถาบทนั้นถ้าบูชาพระธรรมดา ท่านถือว่าเป็นเบี้ยต่อไส้ พอจะหมดก็มา บางครั้งก็หวิดเลยนะ

    ถ้าภาวนาเป็นสมาธินี่เงินจะทรงตัว เขาทำจริงๆต้องภาวนาเป็นฌานเลย

    นั่นนะเขาแนะนำเฉพาะคนขี้เกียจ แค่ภาวนา 9 จบ นั่นนะดีจิตเป็นสมาธิ จบที่ 1 จบที่ 2 จิตมันชิน พอเลย 9 จบไปแล้ว ไม่ภาวนาเลย


    ไม่ต้องหรอก เวลานอนหัวถึงหมอนก็ภาวนาเลยแล้วก็หลับไป ถ้าตื่นขึ้นมาปั๊บจับต่อไป อย่างนี้เงินขังตัว เงินใช้ไม่หมด

    เอาอย่างไหน เอาอย่างไม่พอใช้ หรือ ใช้ไม่หมด มี 2 แบบ คือ


    แบบที่ 1 ถ้าใช้หมดว่า 9 จบ บูชาพระตามระเบียบใช่ไหม

    แบบที่ 2 นี่เวลานอนต้องภาวนาเรื่อยไปจนหลับ เวลาภาวนานี่อย่าไปคิดว่าต้องกี่จบนะ ภาวนาไม่ถึงครึ่งจบ หลับก็ช่าง จิตเป็นฌานเพราะยังอยู่ในฌาน

    พอตื่นขึ้นมาใหม่ ไม่ต้องลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตา ว่าต่อไป จิตยังสบายว่าต่อเลย เพราะว่าแค่จิตสบาย

    หรือว่าเราต้องลุกขึ้นไปทำงานก็ไป
    แต่ว่าถ้ากลางวันๆ เผลอๆ มันนึกขึ้นมาเอง

    คอยสังเกตุว่าถ้าว่าจิตมันนึกขึ้นมาเองอย่างนั้น ถือว่าจิตทรงฌานในกรรมฐานบทนี้ ถ้าอย่างนี้กำไรใช้ไม่หมดแน่


    (จากคอลัมภ์ "สนทนาธรรมที่ยะลา" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 277 เดือนเมษายน 2547 หน้า 45)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2020
  20. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705
    คาถา " พุทธะมะอะอุ "

    ผู้ถาม : หลวงพ่อเจ้าคะ คาถา " อิทธิฤทธิพุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่มะอะอุนี้เถิด " ใช้ประโยชน์ด้านไหนได้อีกนอกเหนือจากอาราธนาพระเจ้าคะ ?

    หลวงพ่อ : หลวงพ่อปานท่านปลุกของทุกอย่าง คือว่าของที่เขาเสกมาแล้ว เวลาจะคล้องคอให้นึกถึงพระพุทธเจ้า ตั้งนะโม 3 จบ แล้วว่าคาถาบทนี้ ท่านใช้แบบนั้นนะ

    (จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ พฤศจิกายน 2536)

    ภาวนาพระคาถาเงินล้านขณะทำงาน

    ผู้ถาม : ขณะที่ลูกใช้สมองในการคำนวณในการทำงานไปแล้วก็ภาวนาคาถาเงินล้านดูไปด้วย อย่างนี้จะมีผลหรือไม่เจ้าคะ ?

    หลวงพ่อ : โอ..ดีมาก อันนี้ก็ต้องดีมากเชียวนะ ทำไปเรื่อยๆ นะ ภาวนาคาถาเงินล้านขณะทำงาน หรือเลิกงานภาวนาแล้วก็ดี อย่างนี้ดีจิตเป็นฌาณ ทรัพย์สินจะคล่องตัว

    (จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ เดือนกุมภาพันธ์ 2537)


    พระบรมสารีริกธาตุ


    ผู้ถาม : พระธาตุที่หลวงพ่อเอามาแจกเป็นของพระพุทธเจ้า หรือมีของพระอรหันต์สาวกด้วยครับ ?

    หลวงพ่อ : ก็ชื่อว่าพระบรมสารีริกธาตุ เพราะเป็นของพระพุทธเจ้า ถ้าเป็นของสาวกนี่ก้อนโต พระพุทธเจ้านี่เล็กกว่า อย่างดีก็เท่าเมล็ดถั่วลิสงผ่าซึก

    ถ้าของพระสาวกต้องโตกว่านั้น แต่ลักษณะของพระธาตุนี่แตกต่างกันไป เกี่ยวกับการอธิษฐาน อย่างพระอรหันต์ท่านต้องการให้พระธาตุปรากฏ ท่านก็อธิษฐานรูปร่างลักษณะพระธาตุของท่าน บางองค์ท่านก็ปล่อยตามเรื่องเหมือนกัน

    ผู้ถาม : แล้วเรื่องของพระบรมสารีริกธาตุที่บอกว่าใส่ลงไปในน้ำแล้วลอยน้ำได้ เรื่องนี้เป็นความจริงหรือครับ ?

    หลวงพ่อ : ลอยได้ก็ลอย ลอยไม่ได้ก็ไม่ลอย ก็อยู่ที่จิตเรา ถ้าจิตหลวมไปหน่อยจม จิตมั่นคงลอย

    มีอยู่คราวหนึ่ง วันสงกรานต์ ฉันอยู่คนเดียวก็เอาพระบรมสารีริกธาตุมาสรงน้ำ เทน้ำลงไป น้ำเลยปากขันประมาณ 1 นิ้ว อยู่ได้ น้ำสูงจากปากขันนะ

    ผู้ถาม : ไม่หกหรือครับ ?

    หลวงพ่อ : หกก็ไม่สูงซิ มีคนเขามาเล่นสงกรานต์ไม่ใช่น้อยเลย ทุกคนเห็นเหมือนกันหมด นี่เป็นเรื่องของท่านที่แสดงออกนะ ตอนหลังก็ทำไม่ได้แบบนั้น นี่เป็นเรื่องของพุทธานุภาพจริงๆ เรื่องพุทธานุภาพนี่เราจะยืนยันอะไรแน่นอนไม่ได้เลย ถ้าท่านไม่เห็นด้วยกับเราก็เสร็จ

    ผู้ถาม : บางคนได้ไปแล้วปรากฏว่าใหญ่กว่าเดิม เป็นไปได้หรือครับ ?

    หลวงพ่อ : ก็เป็นไปแล้ว


    (จากคอลัมภ์หลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 276 เดือนมีนาคม 2547 หน้า 80-81)


    ถูกกระทำไสยศาสตร์

    ผู้ถาม : กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง วันนี้ขอสักครั้งเถอะ ขอพึ่งบารมีหลวงพ่อ คือว่าลูกเป็นครูสอนหนังสือ ถูกกระทำไสยศาสตร์ทุกรูปแบที่เขากระทำมาเป็นเหตุให้ครอบครัวเดือดร้อนเหลือ เกิน แก้หลายแห่งไม่หาย กันหลายที่ก็ไม่อยู่ วันนี้จึงบากหน้ามาพึ่งเพื่อผ่อนคลาย ถ้าหลวงพ่อไม่ช่วยลูกคงม้วยแน่เจ้าข้า

    หลวงพ่อ : เขาไม่ได้เขียนยังงั้นละมั๊ง

    ผู้ถาม : ต่อให้อีกหน่อย

    หลวงพ่อ : เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ ฉันก็แก้ไม่เป็น เวลาบูชาพระก็ภาวนาว่า " สัมปติฉามิ " สัก 7 ครั้ง แค่นี้กันได้เลย

    ผู้ถาม : ติ หรือ จิต ครับ

    หลวงพ่อ : ติ ก็ได้ ติด ก็ได้

    ผู้ถาม : มันมี 2 คำ นะครับ จิตก็มี

    หลวงพ่อ : อ๋อ..จิตนั้นย้อนกลับ " สัมปติตฉามิ " หรือ " สัมปติฉามิ " นี่กัน กันทุกอย่าง ถ้า " สัมปจิตฉามิ " ถ้าเขาทำมากลับไปหาเขาเอง




    (จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ ธันวาคม 2538)

    ถูกน้ำมันพราย

    ผู้ถาม : กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกมีความเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้เป็นอันมาก คือว่าลูกได้เคยโดนน้ำมันพรายแล้วก็ถูกคุณไสยต่างๆเป็นอย่างมาก ปัจุบันนี้ก็ยังมีวิญญาณที่ตายโหงสิงอยู่ แก้ที่ไหนอย่างไรก็ไม่ได้รับผล เป็นที่ทรมานกายเป็นอยางยิ่ง ลูกก็เข้าใจว่าหลวงพ่อก็แก้ไม่ได้เพราะไม่ถนัดในทางนี้ แค่ขอเป็นเพียงคำชี้แนะจากหนักเป็นเบา เบาเป็นหายด้วยเถิดเจ้าค่ะ

    หลวงพ่อ : จากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นหาย จากหายเป็นโรคใหม่ เอายังไงกันแน่ น้ำมันพรายก็มี ผีสิงก็มี เคราะห์เกา เหาก็กวน ก็เป็นอันว่าเอาอย่างนี้ดีกว่า ถ้าเป็นผีจริงๆ เมื่อวานนี้หมอจรูญมา ก็มาเล่าเรื่องความเป็นมาให้ฟังว่า หัวหน้านิคมที่เชียงรายคนที่นั่นเป็นชาวเขา ปรากฏว่าผีเข้า พูดได้ทุกภาษา ฝรั่งไปพูดฝรั่ง เจ๊กไปพูดเจ๊ก ไทยไปพูดไทย ปรกติแล้วแกพูดภาษาภาคกลางไม่ได้ แต่แกตอบได้ ต่อมาเขาทำพิธีไล่กัน มันก็ไม่ไป ต่อมาพระคริสต์ บาทหลวงก็เอาคัมภีร์มา ไล่เวทย์สวดไปสวดมา " พระเจ้ามาแล้ว โปรดไปกับพระเจ้า " ไอ้ผีลุกขึ้นคว้าตำราเคี้ยวกินเลย พระเจ้าเผ่น พระเจ้ากลัวผี เขาก็ไปบอกหมอหัวหน้านิคม หมอก็เกิดกลัวขึ้นมาเหมือนกัน ไม่ไว้ใจตัวกลัวผีเหมือนกัน แต่ฐานะที่เป็นหัวหน้าเขาจำต้องกล้า ก่อนจะไปหาคนผีเข้า ก็เอาธงมหาพิชัยสงครามนี่แหละ อาราธนาเต็มที่เลยขอให้ช่วย

    ทีนี้ อย่าลืมว่ายันต์ก็ดี แหนบก็ดี เวลาปลุกเสก พระพุทธเจ้าท่านบอกให้ท้าวสหัมบดีพรหม กับพระอินทร์ให้ส่งเทวดาเข้าควบคุมแต่ละองค์ ทุกชิ้นทุกอันนะมีเทวดาพรหมควบคุม แต่ว่าเราลืมท่าน ท่านก็ไม่ช่วยเรา ก็เป็นอันว่าคุณหมอนั่นก็ว่าดะเรียบ ก็เอาผ้ายันต์ใส่กระเป๋าไป พอเดินเข้าไปยังไม่ทันจะถึงตัว เจ้าผีเงียบฉี่ บอกไม่ไหวแล้ว พูดไม่ได้ ตาแดงมือแดงมาแล้ว ไม่เห็นหมอ เห็นเทวดาคุมนะซิ ในที่สุดพอเข้าไปตกลงกันได้ ขอสตางค์ 200 ให้ไปส่งปากตรอก คำว่า สตางค์ 200 หมายความว่าให้ทำบุญให้ด้วย หิวมาก เวลานี้หมอนมันกินปากกินหัวเห็นไหมเล่า ก็ไม่มีใครเห็น เขาแสดงท่าให้ทราบ

    สำหรับคนนี้เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้ามีจิตใจมั่นคงจริง ก็เอาผ้ายันต์ติดตัวไว้ ถ้าเป็นผีจริง ผีอยู่ไม่ได้

    (จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ ธันวาคม 2538)

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2020

แชร์หน้านี้

Loading...