**พระกรรมฐานสาย ลป.ชอบ ลป.คำดี ลป.หลุย และครูบาอาจารย์สายต่างๆ**//

ร่วมบุญเหรียญยอดธรรม ยอดขุนพล 10 เหรียญครับ

 

ขอจองร่วมบุญเหรียญยอดธรรม 8 เหรียญครับ

 

ร่วมบุญเหรียญยอดธรรม ยอดขุนพล 8 เหรียญครับ

 

แจ้งรวมบุญ 10เหรียญครับ

 

จอง 2 เหรียญครับ

 

ร่วมบุญ 8 เหรียญครับ

 

ร่วมบุญ 16 เหรียญครับ

 

ร่วมบุญ 8 เหรียญ

 

ร่วมบุญ 2 เหรียญ ครับ

 

ร่วมบูชาเหรียญยอดธรรม ยอดขุนพล 8 เหรียญครับ

 

ร่วมบุญ 2เหรียญครับ

 

ขออนุญาติปิดยอดร่วมบุญ
รับ "เหรียญยอดธรรม ยอดขุนพล"
ดังนี้ครับ 23/2/2568



****************************​

- Cajun 10
- muangake 8
- สิริพงษ์ 10
- อาทิตย์03 10
- pcharn 10
- shaj 8
- sunmk 8
- api_suphot 10
- พลานุภาพ 2
- somsakasat 8
- SIR2010 16
- goodlook 8
- ddon7650 2
- songsakth 8
- sit_tae 2

\\*************//



ขออนุโมทนากับสมาชิกทุกท่านด้วยนะครับ
ท่านสมาชิกสามารถโอนปัจจัยได้เลยนะครับ
เพราะจะเริ่มหล่อชนวนมวลสารวันที่ 24/2/2567 นี้แล้วครับ
​

.....เจตนารมณ์ในการจัดสร้างครั้งนี้หลักๆเลยคือ "เพื่อสานต่อสรรพวิชานวหรคุณดวงแก้วสารพัดนึก" ว่ากันว่าวิชานี้มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา สูญหายไปตั้งแต่ครั้งเสียกรุง เลยเหลือมาเพียงตัวอักขรและหัวใจคาถา "อะสังวิสุโลปุสะพุภะ" แต่ไม่มีตำราวิธีลงพิธีเสกเอาไว้ พูดง่ายๆเลยครับว่าอุปเท่ห์ที่หายไป จึงไม่สามารถถอดรหัสกลวิธีของโบราณจารย์ที่ท่านรจนาเอาไว้ในอดีตได้ แต่ด้วยความมานะอุตสาหะของครูบาอาจารย์ ที่ได้นำตำรับตำราต่างๆ ที่ครูบาอาจารย์ท่านรจนาเอาไว้ในอดีตมาสืบค้นข้อมูลเชื่อมโยงกัน เพราะจากการสืบค้นเชื่อได้ว่า​

​

...."การเรียนวิชาสมัยก่อนท่านเรียนกันแบบมุขปาฐะ คือ ท่องจำต่อๆกันมา" ดังนั้นพอสมัยต่อมาในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น แผ่นดินเริ่มสงบจากสงคราม ครูบาอาจารย์ที่เคยร่ำเรียนสรรพวิชาต่างๆมา ท่านก็เริ่มบันทึกวิชาให้เป็นลายลักษณ์อักษรมากขึ้น แต่ต่างคนก็ต่างจำเฉพาะในส่วนที่ตัวเองจำได้ สรรพวิชาจึงไม่สมบูรณ์นัก โดยเฉพาะวิชานวหรคุณ ที่ลงในวัตถุมงคลรุ่นต่างๆที่ใช้กันในปัจจุบัน แต่กระนั้นก็ถือว่ามีคุณวิเศษมากแล้ว

....แต่การสร้างเหรียญนวหรคุณ "ยอดธรรม ยอดขุนพล" ครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นวิชา "นวหรคุณ" ที่สมบูรณ์ที่สุด ณ เวลานี้โดยการค้นคว้าและเชื่อมโยงความรู้แบบใช้หลักวิชาการ จึงได้รวบรวมเคล็ดของวิชานวหรคุณที่หายไปได้มามากขึ้น โดยรวบรวมถึง 3 ตำราคือ 1.ของวัดประดู่ทรงธรรม(ตามลายรัตนมาลา) 2.กลบท นวหรคุณท่านเจ้าคุณธรรมปาโมกข์ และ 3.ครูบาอาจารย์สายเข้าอ้อ

....ซึ่งสรรพวิชาของทั้ง 3 สำนักนี้มีความสอดคล้องและเหมือนกันอย่างหน้าอัศจรรย์(ขนาดตำราอยู่คนละที่) ดังนั้น ทางชมรมจึงได้นำวิชานวหรคุณทั้ง 3 สำนักมารวมกันได้อย่างสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อนำมาสร้างเหรียญรุ่นนี้ไว้เป็นการสารต่อวิชา ให้คนรุ่นหลังได้ทราบต่อไปครับ

.....ปัจจัยส่วนนี้จะมอบให้กับทางชมรมพุทธธรรมเพื่อการเผยแพร่ไว้เป็นทุนสำรองเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการกุศลต่อไป และอีกส่วนหนึ่งจะน้อมถวายหลวงพ่อท่านเจ้าคณะอีกจำนวนหนึ่งด้วยครับ

 

อุปเท่ห์แห่งยันต์ดวงแก้วสารพัดนึก
​

......ยันต์ดาวแก้วสารพัดนึก ชุดนี้ลงอย่างสมบูรณ์โดยตำราของท่านอาจารย์บุญเลิศ(นวหรคุณสายวัดประดู่ทรงธรรม) และ อิติปิโสกลบทตำรา พระธรรมปาโมกข์ (แจ่ม จตฺตสลฺโล) วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร ลงและเสกตามคัมภีร์ คารวสูตรที่ ๒ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ว่าด้วยเรื่อง "พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์เคารพพระธรรมอย่างยิ่งสูงสุด"

​

อุปเท่ห์ท่านกล่าวเอาไว้ว่า : เมื่อยันต์นี้ถือสำเร็จแล้วด้วยคุณแห่งพระพุทธเจ้า ยันต์นี้จะมีคุณอเนกนันต์ "เป็นดังดวงแก้วสารพัดนึก" จะอธิษฐานสิ่งใดย้อมสมปรารถนาด้วยคุณแห่งฉัพพรรณรังสีของพระพุทะเจ้า 6 ประการ ดังนี้

ฉัพพรรณรังสี แปลว่า รัศมี ๖ ประการ คือ​

๑. นีล เขียวเหมือนดอกอัญชัน หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ เจริญงอกงาม ดั่งน้ำฝนที่ชโลมนาแรงให้อุดมสมบูรณ์ขึ้นมา ดังนั้น

๒. ปีต เหลืองเหมือนหรดาล หมายถึง ความเจริญซึ่งยศศักดิ์ฐานันดร ตบะบารมี ยกระดับฐานะ และตำแหน่งให้สูงขึ้น

๓. โลหิต แดงเหมือนตะวันอ่อน หมายถึง เดชาอำนาจ ดั่งกำลังจักพรรดิที่พระพุทธเจ้าทรงเนรมิตรกายทรงเครื่องจักรพรรดิ์ปราบพญาชมพูบดี เป็นอำนาจมหาปราบ เป็นมหาสะท้อน ถอดถอนขับไล่ คุณไสยมนต์ดำ อาถรรพ์ คำสาปแช่ง ภูตผีปีศาจ สิ่งไม่ดีทั้งหลาย ให้สะท้อนกระเด็นกระดอนหายมลายสิ้น

๔. โอทาต ขาวเหมือนแผ่นเงิน หมายถึง เงินทองโชคลาภ เสริมส่งราศี ความสง่างาม ดังแสงสว่างแห่งพุทธรังสีนี้

๕. มัญเชฐ สีหงสบาทเหมือนดอกเซ่งหรือหงอนไก่ หมายถึง กลับร้ายกลายเป็นดี พลิกฟื้นชะตา ให้กลับมาพบแต่ความสุขความเจริญความสำเร็จต่อไป ถอดถอนและล้างอาถรรพ์

๖. ประภัสสร เลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก หมายถึง ความสำเร็จ ความสมปรารถนา ท่านว่าย้อมสำเร็จส่งเสริมวาสนาได้

เป็นที่รู้กันว่ารัศมีทั้ง ๖ นี้เปล่งออกจากพระวรกายของพระพุทธเจ้าตลอดเวลา เพราะฉะนั้น จึงทรงงดงามและเป็นแรงดึงดูดให้เกิดศรัทธาในพระองค์แก่ผู้พบเห็น หากจะทรงต้องการให้ผู้ใดเห็นพระองค์โดยเฉพาะก็จะทรงฉายพระรัศมีนี้วาบไปถึงผู้นั้นเหมือนฉายไฟไปฉะนั้น

นี้แลท่านว่าอุปเท่ห์คุณวิชาแห่งยันต์ "นวหรคุณแก้วสารพัดนึก"​

 

โอนเงินแล้วครับ

 

ขออนุญาติปิดยอดร่วมบุญ
รับ "เหรียญยอดธรรม ยอดขุนพล"
ดังนี้ครับ 24/2/2568



****************************​

- Cajun 10 โอนปัจจัยแล้ว
- muangake 8 โอนปัจจัยแล้ว
- สิริพงษ์ 10
- อาทิตย์03 10 โอนปัจจัยแล้ว
- pcharn 10 โอนปัจจัยแล้ว
- shaj 8 โอนปัจจัยแล้ว
- sunmk 8 โอนปัจจัยแล้ว
- api_suphot 10 โอนปัจจัยแล้ว
- พลานุภาพ 2
- somsakasat 8 โอนปัจจัยแล้ว
- SIR2010 16 โอนปัจจัยแล้ว
- goodlook 8 โอนปัจจัยแล้ว
- ddon7650 2 โอนปัจจัยแล้ว
- songsakth 8 โอนปัจจัยแล้ว
- sit_tae 2 โอนปัจจัยแล้ว

\\*************//

ขออนุโมทนากับสมาชิกทุกท่านด้วยนะครับ
ท่านสมาชิกสามารถโอนปัจจัยได้เลยนะครับ
เพราะจะเริ่มหล่อชนวนมวลสารวันที่ 24/2/2567 นี้แล้วครับ
​

...ขออนุโมทนากับท่านสมาชิกทุกท่านด้วยนะครับ ที่ได้ร่วมบุญรับเหรียญยอดธรรม ยอดขุนพล ท่านสมาชิกสามารถติดตามการดำเนินงานทุกขั้นตอนได้ในบอร์ดนี้ และ FBวัตถุมงคลพลังจิต จนกว่าจะแล้วเสร็จได้เลยนะครับ ผู้เขียนจะทยอยลงข้อมูลทุกขั้นตอนให้ทุกๆท่านทราบทุกระยะต่อไป

....หลังจากวัตถุมงคลแล้วเสร็จแล้ว ผู้เขียนจะบันทึกภาพการถวายปัจจัยให้ร่วมอนุโมทนากันอีกครั้งนะครับ(เพราะรุ่นนี้ผู้เขียนขออนุญาตจัดสร้างเองครับ)

....ส่วนพิธีอธิษฐานจิตนั้นมีด้วยกัน 3 วาระครับ โดยวาระแรกจะเป็นพิธี"มงคลจักรวาลใหญ่นวะหรคุณ" ตามตำราก่อน โดย อาจารย์บุญเลิศ กรุณาเป็นเจ้าพิธีให้ ส่วนวาระต่อไปจะกราบข้อเมตตาครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณธรรม เมตตาอธิษฐานจิตให้ต่อไปครับ
​

.....ปัจจัยส่วนนี้จะมอบให้กับทางชมรมพุทธธรรมเพื่อการเผยแพร่ไว้เป็นทุนสำรองเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการกุศลต่อไป และอีกส่วนหนึ่งจะน้อมถวายหลวงพ่อท่านเจ้าคณะอีกจำนวนหนึ่งด้วยครับ

ขอขอบคุณและอนุโมทนาครับ​

 

....ขอขอบคุณ คุณดำรง จิตบรรจง อดีตปลัดจังหวัดเชียงราย(ต้้งแต่ปี 2530กว่า) ปัจจุบันอายุ 76 ปีได้กกรุณา มอบจักรพระนารายณ์(พิมพ์ใหญ่) และ เหรียญธรรมจักร หลวงปู่ดาบส สุมโน อาศรมไผ่มรกต จ.เชียงราย อธิษฐานจิต มาให้เป็นชนวนหล่อ "เหรียญยอดธรรม ยอดขุนพล" ให้เป็นสื่อพลังงานศาสตราเทพ "ด้านมหาปราบมีฤทธานุภาพดังจักรแก้ว" วันนี้ผู้เขียนได้ส่งมอบให้โรงหล่อแล้วครับ "แล้วเดียวจะลงรูปการหล่อชนวนมวลสารทั้งหมดให้สมาชิกทุกท่านได้ทราบต่อไปครับ"
​

ขออนุโมทนากับคุณคำรง จิตบรรจง ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ


หลวงปู่ดาบส สุมโน
พระอริยสงฆ์ผู้มีหัวใจดั่งเพชร(เพราะหัวใจท่านเผาไม่ไหม้)

​

 

ขออนุญาติปิดยอดร่วมบุญ
รับ "เหรียญยอดธรรม ยอดขุนพล"
ดังนี้ครับ 25/2/2568



****************************​

- Cajun 10 โอนปัจจัยแล้ว
- muangake 8 โอนปัจจัยแล้ว
- สิริพงษ์ 10 โอนปัจจัยแล้ว
- อาทิตย์03 10 โอนปัจจัยแล้ว
- pcharn 10 โอนปัจจัยแล้ว
- shaj 8 โอนปัจจัยแล้ว
- sunmk 8 โอนปัจจัยแล้ว
- api_suphot 10 โอนปัจจัยแล้ว
- พลานุภาพ 2 โอนปัจจัยแล้ว
- somsakasat 8 โอนปัจจัยแล้ว
- SIR2010 16 โอนปัจจัยแล้ว
- goodlook 8 โอนปัจจัยแล้ว
- ddon7650 2 โอนปัจจัยแล้ว
- songsakth 8 โอนปัจจัยแล้ว
- sit_tae 2 โอนปัจจัยแล้ว

\\*************//

ขออนุโมทนากับสมาชิกทุกท่านด้วยนะครับ
ท่านสมาชิกสามารถโอนปัจจัยได้เลยนะครับ
เพราะจะเริ่มหล่อชนวนมวลสารวันที่ 24/2/2567 นี้แล้วครับ
​

...ขออนุโมทนากับท่านสมาชิกทุกท่านด้วยนะครับ ที่ได้ร่วมบุญรับเหรียญยอดธรรม ยอดขุนพล ท่านสมาชิกสามารถติดตามการดำเนินงานทุกขั้นตอนได้ในบอร์ดนี้ และ FBวัตถุมงคลพลังจิต จนกว่าจะแล้วเสร็จได้เลยนะครับ ผู้เขียนจะทยอยลงข้อมูลทุกขั้นตอนให้ทุกๆท่านทราบทุกระยะต่อไป

....หลังจากวัตถุมงคลแล้วเสร็จแล้ว ผู้เขียนจะบันทึกภาพการถวายปัจจัยให้ร่วมอนุโมทนากันอีกครั้งนะครับ(เพราะรุ่นนี้ผู้เขียนขออนุญาตจัดสร้างเองครับ)

....ส่วนพิธีอธิษฐานจิตนั้นมีด้วยกัน 3 วาระครับ โดยวาระแรกจะเป็นพิธี"มงคลจักรวาลใหญ่นวะหรคุณ" ตามตำราก่อน โดย อาจารย์บุญเลิศ กรุณาเป็นเจ้าพิธีให้ ส่วนวาระต่อไปจะกราบข้อเมตตาครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณธรรม เมตตาอธิษฐานจิตให้ต่อไปครับ
​

.....ปัจจัยส่วนนี้จะมอบให้กับทางชมรมพุทธธรรมเพื่อการเผยแพร่ไว้เป็นทุนสำรองเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการกุศลต่อไป และอีกส่วนหนึ่งจะน้อมถวายหลวงพ่อท่านเจ้าคณะอีกจำนวนหนึ่งด้วยครับ

ขอขอบคุณและอนุโมทนาครับ​

 

พลังงานคืออะไร
บทความของ อ.บุญเลิศ เชื้อบุญมี
เขียนลงในบทความวารสารวิชาการกรมศิลปากรปี 2547
เรื่องพุทธศิลป์ควบคู่พุทธคุณ
​

....บทความตอนหนึ่งว่า(ตัดส่วนอารัมภบท ออกครับ) คนสมัยก่อนสร้างพระพุทธรูปก็ดี สร้างวิหารมณเฑียรก็ดี ล้วนแอบแฝงด้วยคติและความเชื่อตามหลักของศาสนาไม่ว่าจะมาจากเหตุการณ์เรื่องราว ในพระสูตรต่างๆของพระไตรปิฏก หรือตามคติความเชื่อของท้องถิ่นนั้นๆ ด้วยว่ามีเหตุผล 2 ประการในการสร้างตามคติดังกล่าว คือ

ประการที่ 1.เป็นการสะท้อนหรือถอดจากความเชื่อที่จับต้องไม่ได้เป็นนามธรรม ให้คนทั่วไปได้เห็นชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้นเป็นsymbol สัญลักษณ์ที่คนทั่วไปจับต้องด้วยตาได้ เช่น จะเห็นได้จากพระพุทธรูปปางต่างๆที่มีพุทธลักษณะตามคติความเชื่อที่ปรากฏในพระไตรปิฏกแตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมครั้งแรก เราก็จะเห็นการสร้างพระพุทธรูปแบบปางแสดงธรรมหรือที่เรียกว่าธรรมจักรมุทรา ซึ่งเป็นการทำมือของพระพุทธรูปคล้ายธรรมจักร ก็เป็นการแสดงออกให้เห็นได้ชัดว่า "ลักษณะแบบนี้พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมอยู่" นี้ก็เป็นลักษณะเชิงสัญลักษณ์ที่ถูกสร้างขึ้นตามพระสูตรที่ชื่อว่า "ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร" คือครั้งเมื่อพระพุทธเจ้าท่านทรงแสดงปฐมเทศนาครั้งแรกแก่ปัญจวคีย์ทั้งห้า เป็นต้น

ธรรมจักรมุทรา​

ประการที่ 2.เป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้สื่อไปถึงพลังงานต้นทางของเหตุการณ์ หรือบุคคลนั้นๆ ตามนัยแห่งพระไตรปิฏกหรือเหตุการณ์อื่นใดก็ได้ เพราะพลังงานเป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้ด้วยตาเนื้อแต่จะปรากฏอยู่ในรูปของแรงสั้นสะเทือน(vibration) ซึ่งพลังงานตรงนี้มีอยู่ทุกที่ มีทั้งอยู่ในรูปคลื่นที่ดีและไม่ดีตามแต่เหตุการณ์นั้นๆหรือสถานการณ์หรือสถานที่นั้นๆ รวมถึงพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตต่างๆด้วยที่เป็นปัจจัยให้เกิดแรงสั้นสะเทือนในบริเวณนั้นว่าจะไปในทางบวก หรือทางลบ

....เมื่อพลังงานสั้นสะเทือนนี้มีมากขึ้นในบุคคลใด สถานการณ์ใดย้อมก่อให้เกิดพลังงานที่สะสมมากขึ้นๆ บริเวณหรือเหตุการณ์นั้นๆหรือบุคคลนั้นๆย้อมเป็นต้นทางของพลังงาน เพราะมีคลื่นแรงสั้นสะเทือนสะสมจำนวนมากและเวลานานจนกลายเป็นความถี่(Frequency) เมื่อความถี่หนาแน่นขึ้นก็จะเกิดผลในทางหนึ่งทางใดทั้งทางลบก็ได้ ทั้งทางบวกก็ได้ ในสถานที่หรือบริเวณนั้นๆต่อสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ คือมีผลต่อทั้งทางอารมณ์และความรู้สึก(sentient beings) และพฤติกรรมต่างๆ อันนี้คือผลทางพลังงาน

.....อุปเท่ห์ต่างๆ ที่โบราณจารย์ท่านรจนาในอดีต ก็เหมือนหนึ่งเป็นการเขียนขึ้นเพื่อติดต่อ หรือเชื่อมโยงถึงต้นพลังงาน(connect) ที่มีความถี่หรือพลังงานที่มากๆ เช่น พระพุทธเจ้าเมื่อท่านตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วพลังงานในอดีตต่างๆที่ท่านบำเพ็ญบารมีมา ก็จะมารวมในจิตของท่านจนจิตท่านหลุดพ้นเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งเหตุการณ์การตรัสรู้นี้ว่ากันว่า "แสงสว่างของพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้เห็นไปทั่วทั้งจักรวาล ไปจนถึงอเวจีมหานรก ซึ่งอเวจีมหานรกโดยปกติเป็นนรกที่อยู่ลึกที่สุด เป็นที่มืดมิดไม่มีแสงใดๆผ่านไปถึงได้ แต่ด้วยแสงแห่งการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านี้มีความถี่สะสมมหาศาลอันเกิดจากบุญบารมีที่ผู้จะมาตรัสรู้บำเพ็ญมาหลายแสนอสงไขยเมื่อมารวมกันในการตรัสรู้จึงเป็นพลังงานที่มาก มากพอที่แม้แต่ในอเวจีมหานรกยังมองเห็นแสงสว่างแห่งการตรัสรู้ได้เลย แต่ก็เพียงชั่วขณะเท่านั้น(เพียงฟ้าแลบ)"

​

....ด้วยพลังงานที่มหาศาลแบบนี้ ครูบาอาจารย์ท่านจึงได้เขียนอุปเท่ห์ต่างๆไว้ผูกเป็นยันต์บ้าง ผูกเป็นพระคาถาบ้างที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าหรือพระสาวก ให้สามารถเชื่อมโยง(connect) ไปยังต้นพลังงานแล้วดึงพลังงานนั้นมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้พระพุทธเจ้า พระอรหันตสาวกท่านนิพพานไปแล้วแต่พลังงานท่านยังคงอยู่จนกว่าจะสิ้นศาสนา(พลังงานย้อมไม่สูญไปจากโลกแต่เพียงเปลี่ยนรูปหรือสถานะเท่านั้น)

.....อุปมาจึงเหมือนการต่อท่อจากต้นน้ำแล้วต่อไปใช้ยังที่ต่างๆ การต่อพลังงานจากต้นทางก็เช่นเดียวกัน การสร้างพระของโบราณจารย์สมัยก่อน ท่านจึงพิถีพิถันมากทั้งพิธีกรรม ฤกษ์ยาม ให้ตรงตามแบบแผนที่สุด เพราะครูบาอาจารย์ในอดีตกาลท่านผู้มีภูมิรู้มาก มีญาณสมาบัติสูง ท่านได้พิจารณาเห็นพลังงานแล้วว่า การเขียนอุปเท่ห์เช่นนี้ก็เหมือนเขียนแผนที่ให้คนรุ่นหลัง เมื่อมีผู้ทำตามตำราที่ท่านเขียนไว้ ก็จึงสามารถดึงพลังงานจากต้นทางนั้นๆมาได้อย่างเต็มที่ ท่านจึงเขียนอุปเท่ห์และเคล็ดต่างๆไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อคนรุ่นหลังได้ปฏิบัติตามก็ย้อมสามารถดึงพลังงานต้นทางมาได้เช่นเดียวกัน และย้อมส่งผลในทางที่ดีอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

​

....รูปลักษณ์พระพิมพ์ต่างๆ ก็เป็นรูปธรรม(มองเห็นจับต้องได้) ใช้ในการลองรับพลังงานต้นทางที่เป็น นามธรรม(พลังงานความถี่สูง) ดังนั้นพุทธศิลป์ที่สร้างขึ้นเป็นนิมิตหรือเครื่องหมายที่จำลองภาพให้พลังงามมาเข้าสถิต ผู้ที่ปฏิบัติตามอุปเท่ห์หรือเคล็ดวิชาได้มากเท่าใด ก็ย้อมดึงมาพลังผ่านมายังสถิตรูปลักษณ์นั้นๆ ได้มากเท่านั้น

....เมื่อครูบาอาจารย์ผู้ใด ทำตามทั้งพุทธศิลป์และอัญเชิญพลังงานในที่นี้ขอเรียกว่าพุทธคุณมาสถิตตามอุปเท่ห์แล้ว "วัตถุมงคลหรือรูปลักษณ์นั้นๆย้อมเหมือนหนึ่งว่าได้เชื่อมโยงกับพลังงานต้นทางเป็นที่เรียบร้อย" ผู้ที่นำไปบูชาก็ไม่ต้องเยื่อมโยงพลังงานนั้นๆอีกเพราะพลังงานต้นทางมาสถิต ณ วัตถุมงคลนั้นๆแล้ว เพียงหมั่นระลึกถึงพระที่สร้างมานั้น(สวดมนต์) ให้จิตใจเชื่อมโยงกับพลังงานวัตถุมงคล วัตถุมงคลที่ถูกสร้างมาดีแล้วก็ย้อมแสดงผลเป็นความอัศจรรย์ให้เกิดขึ้นอยู่เนื่องๆกับผู้บูชาได้แน่นอน.......

ตัดตอนบทความส่วนหนึ่งมาจาก : วารสารวิชาการกรมศิลปากร ปี 2547
เขียนโดย นายบุญเลิศ เชื้อบุญมี อดีตหัวหน้ากองพิธีการกระทรวงวัฒนธรรม