กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย 9@Phonlee, 1 กุมภาพันธ์ 2018.

  1. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,215
    ค่าพลัง:
    +10,107
    สาธุในบทความท่าน9 ครับ เรื่องพระธาตุน่าสนใจมากๆ
     
  2. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,865
    ค่าพลัง:
    +4,704
    1. (ปักหมุด30) หน้า49 อันดับที่#803ต่อเนื่องถึงหน้า50
    2. :):):):):eek::eek::eek::eek::eek::eek:
    3. เรื่อง 9@ฝากคำถามถึงอจ.นพ
    4. แบบว่า 4 คืน มา 3 คืนเพื่อนต่างภพมาเยี่ยมถึงหัวเตียงในยามวิกาลคงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้วนะครับ(ผมคิด)คือผมกังวลเล็กๆอยู่เหมือนกันว่า...ต้นสายปลายเหตุจากอะไรแม้เสียงดังก้องมาทางด้านขวาคือ "ดี"
    5. คืนแรก "มะลิ" หน้าสวยๆ
    6. ผมยาวประบ่า สาวโบราณกึ่งยุคใหม่
      ดูเปี่ยมไปด้วยพรหมวิหาร 4
      เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
      ...นั่งอยู่ตรงปลายเตียงขวามือด้วยสิ

      อย่างนี้จะใช่แปลว่า "ดี"ด้วยหรือไม่ ครับ?

      แต่มาปุ๊บปั๊บ..ไม่ไลน์แจ้งล่วงหน้าก่อน
      ผมสะดุ้ง...รับไม่ไหวเหมือนกัน
      ยิ่งในยามวิกาลห้องมืดๆอย่างนี้

      ...ถามถึงตรงนี้...เห็นภาพผีสาวญี่ปุ่น
      ...ที่ ฮิเมะซัง ใจดี...ดีที่สุด
      ...อุตส่าห์ส่งมาแกทับผีสาวไทย

      จึงขอถามแถมปิดท้ายครับท่านอจ.นพ

      ระหว่างผีสาวไทย กะ ผีสาวญี่ปุ่น
      ผีชาติไหนเฮี้ยน...ดุ...หึงหวงกว่ากัน ?
      คือผมข้องใจจริงๆนะครับท่านอาจารย์นพ
      *ไม่ได้เขียน...เอามัน...เอาฮา*
    (อาจารย์นพโพสต์ตอบ)
    มาด้านขวาถือว่ามาดีหมดนั่นแระ
    ถ้ายืนตรงหัวไหล่ แต่เหมือนมองดูโน้นนี่นั้น คือ ท่านที่ดูแลเราตอนนั้น
    ถ้ายืนตรงเอว จะเป็นพวก กุมารเทพ พวกที่เป็นกึ่งเทพกึ่งสัตว์
    เช่น เสือ สิงโต ที่เป็นเครืองราง อย่าตกใจหละ ส่วนตัวมี พกติดกระเป๋าสะพายอยู่
    ถ้ายืนปลายเท้า ก็จะเป็นภูมิระดับความสูงบนโลกเรานี่หละ
    ยกเว้นพวกภูมิที่สูงกว่าโลกแวะ จะอยู่ตรงปลายเท้า
    มีประกายระยิบระยับ ให้เห็นความแตกต่าง (หมายถึง ญ )

    แต่ถ้าเป็นท่านมีฤิทธิ์มีชื่อ รับรองอลังการงานสร้างเวลาปรากฏตัว

    ถ้ามาด้านซ้าย ให้เตรียมอุทิศส่วนกุศลทำบุญ ทำตัวให้ดี
    เจ้ากรรมนายเวร มาซ้าย แต่เยื้องๆไปไกลหน่อย
    ส่วนถ้าพวกอยู่นานอยากให้เราทำบุญให้ ก็จะอยู่เหนือเอวขึ้นมาไม่เกินไหล่
    พวกนี้ผิวดำด้าน หรือไม่ก็ออกดำเขียว

    เอาหน้ามา จ่อๆ ห่างไม่เกิน คืบ เป็นพวกภูติ แค่มาทดสอบ ส่วนใหญ่แปลงร่างได้
    และพวกนี้ลอยได้ ขาไม่ติดพื้น แต่ถ้านิ่งๆ อุทิศแล้วไม่ไปไหน
    แบบนี้ให้เราระวัง เป็ฯพวกอสูรกาย แต่จะมาหาเฉพาะพวกนักปฏิบัติบางกลุ่ม
    ที่ฝึกวิชาพิเศษเท่านั้น นั่งสมาธิ มีสัมผัสภายในทั่วไป จะไม่ไปให้เสียเวลา
    ถ้ามาตรงๆ มุมประมาณ หน้าฝาก เป็นญาติเราเอง
    ในทำนองเดียว แสงสว่างๆมาด้านซ้าย หน้าฝาก ก็อดีตญาติเรามาดูแลนั่นหละ

    เทพมีฤิทธิ์ก็มักจะมาด้านขวา อยู่ลงไปเยื้องๆ ทางปลายเท้าไปหน่อย
    ส่วนครูบาร์อาจารย์ มาทางอากาศ มีหลายๆกรณี โผล่ๆตรงๆเลยก็มี

    ส่วนถามว่า ผีสาวชาติไหน เฮี้ยนกว่ากัน ตอบไม่ได้ เพราะว่า
    ความหึงหวง เป็นนิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่ก่อนตาย คือ หึง ผู้ ชาย หรือคนรัก
    เรียกว่าเสียทองเท่าตัว แต่จะไม่ยอม เสียคนรักให้ใคร
    และความเฮี้ยน ก็เป็นนิสัยในลักษณะที่ หวงสิ่งของ ที่ตนได้ครอบครอง
    เช่น แหวน สมบัติต่างๆ อาจจะรวมทั้งเด็กๆ เป็นต้น คือ ถ้าไปเอาของเค้ามา
    เค้าถึงจะเฮี้ยน แต่อยู่ดีๆ จะมาปรากฏในส้วมแบบหนังไทย
    ในขณะที่กำลังคะระรี่ คงไม่มี ๕๕๕

    การที่มีวิญญานมาให้เราเห็น และให้เราได้ทำบุญ ณ ถือว่าดีมากแล้ว
    ดีกว่าไม่เคยเห็นเลย แล้วทำบุญไปเรื่อยๆ แบบเชื่อว่าได้ผล
    ๔ วันมา ๓ คืนถือว่า เป็นการเริ่มต้นที่ดี และควรเป็นเช่นนั้น
    ส่วนตัวตอนที่ศึกออกมา...
    ถ้าถามว่า ในรอบ ๒ ถึง ๓ ปีมีวันไหน
    ไม่เจอผีมาหาบ้าง จะพอตอบได้
    แต่ถ้าถามว่า เคยเจอผีแบบนี้ไหม
    ไม่รู้จะตอบยังไงดี ๕๕๕๕ อันนี้โม้...

    พยายามสังเกตุแววตา ดูดีๆจะเขียว
    ถ้าผมเส้นเล็กตรงยาว หน้าจะคม
    ถ้าผมดูหนาตรง หน้าจะวงรีหรือออกกลม
    ถ้าผมดูหนา คล้ายๆไม่หวี หน้าจะดูแข็งแรง คล้ายมีกล้าม
    แต่โดยรวมๆ คือ สวยทุกแบบ ขึ้นอยู่กับว่า จะออกสวยเปรี้ยว
    สวยหวาน หรือสวยเท่ห์ ถ้าเค้ามาดี อย่าไปขัดไปว่าเค้า
    ถ้าเค้ามาลวนลาม ต้องไว้ลาย ลูกผู้ชาย
    ทำเป็นฝืนๆก่อนในช่วงแรก ๕๕๕๕

    ทำไมเป็น ผี สาว ต้องมาสวยๆ ก็ขนาดมาสวยๆคนยังกลัวไง ๕๕๕

    ปล. ถ้าเจอ ผี ญ แบบมีฤิทธิ์ ถ้าเค้าคิดจะลวนลามเรา
    ยังไงเราก็ไม่รอด เพราะฉนั้นให้แล้วก็แล้วไปนะ ๕๕๕
    อย่ามาขอให้ช่วย ตัวใครตัวมันนะ ๕๕๕๕

    บุรุษไร้เงา, 26 สิงหาคม 2018
     
  3. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,865
    ค่าพลัง:
    +4,704
    (ปักหมุดที่30) หน้า50 #994
    :):););):oops::rolleyes::oops::rolleyes:o_Oo_Oo_O

    (Tips&Tricks)วรรคทอง
    (โพสต์โดยอจ.นพ)

    สิ่งต่างๆที่ มองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
    มีการเปลี่ยนแปลงได้ รักษาให้อยู่นาน
    ตามใจเราไม่ได้. หรือจับต้องไม่ได้
    เราเรียกว่า นามธรรม
    เช่น อารมย์โกรธ อารมย์ไม่ชอบ ความรู้สึกดีไม่ดี
    คลื่นต่างๆ อากาศ ในที่นี้ รวมทั้งเรื่องภพภูมิต่างๆด้วย.....

    ถ้าตัดภาษาที่ใช้เรียกพวกนี้ออกไป
    หากสังเกตุ แล้วมาดูที่ต้นกำเนิดของมัน เราจะพบว่า
    มันจะเหลือให้ในรูปของพลังงานอย่างหนึ่งเท่านั้น
    อารมย์ก็เป็นพลังงาน ความรู้สึกก็เป็นพลังงานอย่างหนึ่ง
    คลื่น ก็เป็นพลังงานอย่างหนึ่ง
    ผีภพภูมิก็เป็นพลังงานเช่นกัน พลังงานต่างๆเหล่านี้
    ปกติมันไม่สามารถที่จะเอาอะไรมาวัดได้
    นอกจากจะมีเครื่องมือในการตรวจจับ
    แต่แม้ว่า เราจะมองไม่เห็น แต่ก็รู้ว่ามันมีอยู่จริง

    เหมือน ตดนั้นหละ แม้จับต้องไม่ได้ แต่ก็รู้ว่า
    มันมีกลิ่นปนอยู่ด้วยจริงนั่นหละ ๕๕๕
    และพลังงานเหล่านี้ เป็นก็เป็นสื่อนำแรงในตัวเอง
    เหมือนทางวิทย์ที่กล่าวว่า อนุภาคทุกอนุภาคมัน
    มีแรงดึงดูซึ่งกันและกัน แต่พูดไปอาจจะยังไม่เห็นภาพ
    แต่ให้เข้าใจก่อนว่า ก่อนจะเกิดแรงหรือพลังงานเหล่านั้น
    มัน สร้างจากแหล่งพลังงานที่มาจากจิตเรานั้นเอง

    เรียกว่า จิตเป็นต้นกำเนิดพลังงาน. อารมย์ ความรู้สึก
    ผี ภพภูมิ ขึ้นมาเป็นพลังงาน(ทางวิทย์อาจจะเรียกว่าแรง)
    เมื่อมีต้นกำเนิดพลังงาน สร้างให้เกิดพลังงานแล้ว
    อากาศภายนอกดูผิวเพิน
    ก็จะเป็นเสมือนสื่อนำแรงต่างๆเหล่านั้นออกไปภายนอก
    แต่ความจริงแล้ว เมื่อเรามาดูข้อมูลทางธรนีวิทยาของ
    โลกเรานี้จะพบว่า

    ในโลกเรานี้ มันมีสนามพลังแม่เหล็กอยู่แล้วเป็นปกติ
    และเราก็อยู่ภายใต้แรงดึงดูดของโลก(ถ้าไม่มี
    เวลาเรากระโดด เราจะลอยออกจากโลกไปเลย)
    รวมทั้งมันก็ยังอยู่ภายใต้แรงโน้มถ่วงต่างๆ มันจึงหมุน
    รอบดวงอาทิตย์ และ มีดวงจันทร์มาหมุนรอบตัวมัน....

    เราจะพบว่า แท้จริงๆแล้ว เราก็อยู่ภายใต้แรงดึงดูด
    ภายใต้สนามพลังงานแม่เหล็ก ตลอดจนภายใต้แรงโน้มถ่วง
    อยู่แล้วเป็นปกติ. พวกนี้ก็เสมือนเป็นสื่อนำแรงนั่นเอง
    เป็นนามธรรมเช่นกัน เราจึงมองไม่เห็นได้ด้วยตาปกติ


    ดังนั้นเมื่อเราแค่คิดอะไรลงไป เมื่อจิตสร้างแรงขึ้นมาแล้ว
    มันก็จะเหมือนว่า เราได้สร้างสื่อนำแรงขึ้นมาเพื่อเข้าไปรวม
    กับสนามพลังงานแม่เหล็ก แรงโน้นถ่วง แรงดึงดูดของโลก
    ใบนี้ไปโดยปริยายนั้นเอง.....

    เคยได้ยินไหม เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาวนั้นหละ.....

    เพราะฉนั้นถ้าเราคิดทำอะไร ที่เป็นกุศล ตัดคำว่า กุศลออกไป
    เหลือแต่แรงนะ เมื่อเกิดแรงขึ้นมา คงไว้ก่อนนะ

    อนุภาคที่เป็นสือนำแรงที่เหมือนกัน ย่อมดึงดูดเข้าหากัน
    พอคุ้นๆไหมคำนี้ และสื่อนำแรง อย่าลืมว่า มันไม่ต้องใช้
    พื้นที่ เมื่อไม่ใช้พื้นที่ ก็ไม่มีระยะทางและเวลามาเกี่ยวข้อง

    ดังนั้น เมื่อมีต้นกำเนิดแรงขึ้นมา แล้วอยู่ภายใต้แรงโน้นถ่วง
    สนามแม่เหล็กโลก. และมีแรงที่อยู่ภายนอกอยู่แล้ว
    ลักษณะคล้ายๆกันดวงจิตที่ไม่มีกาย
    และไปเจอต้นกำเนิดแรงอื่นๆ(จิตดวงอื่นๆ
    ที่สามารถสร้างแรงแบบเดียวกันได้ที่มีกาย)
    แรงในลักษณะเดียวกันที่ออกมา มันก็เป็นเสมือนการ
    ไปเชื่อมแรงชนิดนั้นๆเข้าด้วยกัน มันก็ย่อมมีการดึงดูดซึ่งกัน
    และกัน......นั่นหละเป็นที่มาของการ ชอบอะไรเหมือนๆกัน
    ทำอะไรเหมือนกันเป็นกลุ่ม ในที่นี้รวมทั้งแรงที่ออกฝ่ายดี
    และแรงที่ออกฝ่ายไม่ดี เช่นกัน

    และแรงไม่แน่ใจ คงว่าเล่าไปในกระทู้อื่นมั่ง
    อะตอม มันประกอบด้วยอนุภาค ๒ ส่วน นอกจากนิวเคียส
    และอิเลคตรอน คือ อนุภาคที่เรียกว่า เฟอมิอ้อน กับ บัวซอง
    ซึ่งเฟอมิอ้อน มันเป็นองค์ประกอบสะสาร มันซ้อนทับกันไม่ได้
    อยู่แล้ว แต่ บัวซอง เป็นสื่อนำแรง มันซ้อนทับกันได้ไม่จำกัด
    ซึ่งมันสามารถสร้างสนามแรงให้เกิดขึ้นได้มากมาย.....

    ดังนั้นเมื่อ ผีหรือวิญญาน เป็นพลังงาน และแรงอย่างหนึ่ง
    เค้าสร้างพลังงานขึ้นมา (อยู่บนโลกใบนี้ ก็จะอยู่ภายใต้
    สนามแม่เหล็ก แรงโน้นถ่วง แรงดึงดูดไปในตัว)
    เป็นรูปเป็นร่าง ก็เพื่อเป็นสื่อนำแรง
    ให้เข้ามาเชื่อมกันต้นพลังงานของเรานั้นเอง ทำไม่ต้องมา
    เชื่อมกับเรา ก็เพราะการสวดมนต์ การทำสมาธิ การอุทิศ
    ส่วนกุศลนั้น เป็นเหตุให้จิต สามารถสร้างต้นกำเนิดของแรง
    (แต่เรามักเรียกให้เข้าใจง่ายๆ ว่า บุญ กุศล แล้วแต่จะเรียก)
    เพื่อไปรวมไปสร้าง ให้แรงพลังงานที่มาจากภายนอกหรือผีนั้น
    เกิดการเปลี่ยนแปลงพลังงานไปในทิศทางเดียวกัน
    ที่จิตได้สร้างขึ้นมา จากการสวดมนต์
    นั่งสมาธิอุทิศส่วนกุศลนั้นเอง

    แต่การสวดมนต์ ก็สามารถสร้างต้นกำเนิดแรง
    ที่จะผลักหรือดึงดูก็ได้
    เราเรียกว่า แรงสนามแม่เหล็ก(มีทั้งขั้วบวกและขั้วลบ)
    ถ้ากรณีเราไปสวดมนต์ แล้วเกิดเป็นขั้วเดียวกัน
    กับพลังงานภายนอกที่สร้างสื่อนำแรงแล้ว
    ก็จะเกิดการผลักกันเกินขึ้น(เราเรียกว่าคาถากันผีนั่นหละ)


    มันก็จะปิดโอกาส ของตัวจิต ที่จะสร้างพลังงานขึ้นมา
    เรียกว่า พลาดโอกาส ในการสร้างพลังงานบุญ กุศล
    ขึ้นมาอย่างที่เราคาดไม่ถึงได้นั้นเอง.....

    ดังนั้น เลยมีคำพูดว่า อย่าสวดมนต์ไล่ผี
    ปรมจารย์ด้านการปราบผี ท่านไม่ได้ใช้
    คาถาหรือฤทธิ์อะไรเลย ท่านใช้เมตตานำ
    ก็คือ ท่านมีสื่อนำแรง ที่มีอนุภาคมากพอ
    ที่จะเปลียนแรงต่างๆภายนอก ให้เปลี่ยนไป
    ตามกำลังของแรง(เมตตา)ท่านนั้นเอง....


    เนี่ย ถ้าเรามามองในต้นกำเนิดของมัน
    เราจะพบเหตุและผลในการเกิดขึ้นได้เอง....
    แต่มันไม่ใช่สากลที่จะพูดแล้วเข้าใจเห็นได้ง่ายทุกคน
    จริงใช้คำพูดในเชิงที่ เอื้อต่อการให้จิตสร้างต้นกำเนิด
    แรงขึ้นมาก่อน เช่น ทำแล้วได้บุญ ทำแล้วได้กุศล
    ทำแล้วจะเป็นโน้นนี่นั้น ฯลฯ ก็เพื่อเป็นอุบายตรงนี้นั้นเอง

    ปล. ตั้งแต่เกิดมาเท่าที่เคยเห็นผีมาตอนเด็กๆ
    หรือโตหน่อย หรือ ย้อนไปไม่นาน หรือจะปัจจุบัน
    ไม่ว่าจะเจอที่ไหน เมื่อไรก็ตาม แบบตาเปล่าๆ
    หรือว่าจะหลับตาเห็น หรือ ครึ่งหลับครึ่งตื่นก็ตาม
    สิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำเลย ก็คือ การไปสวดมนต์ไล่ผี
    เพราะจะตัดโอกาสในการสร้างต้นกำเนิดแรง
    ในทางด้านกุศลของเราได้อย่างคาดไม่ถึงหากไปทำ.....
    และการที่สวดมนต์แล้วพบเห็นโน้นนี่นั้น จะเลิกสวดดีไหม
    นั่งสมาธิแล้วเห็นโน้นนี่นั้น เลยกลัวแล้วเลิก...
    ก็เหมือนการตัดการสร้างต้นกำเนิดแรงฝ่ายกุศลนั่นหละ
    ทางปฏิบัติเค้าเรียกว่า ตัดการสร้างบารมีให้ตนเอง
    อย่างที่เราคาดไม่ถึง เพราะเราอาจจะไม่ได้ย้อนมา
    มองในเรื่องของแรง แต่อยู่ภายใต้สัญญาต่างๆนั่นเอง....

    เล่าให้ฟังเฉยๆ พอขำๆ

    ที่ไม่ใช่ว่าว่าง หรือไม่ว่าง นั่นหละว่าง / กลจิตเป็นแค่เพียงมายาจิตชนิดหนึ่ง /กายอยู่อย่างไร จิตก็อยู่อย่างนั้น ไม่ใช้กายไม่ใช้จิต นั่นหละสภาวะดับ/ สุดยอดของทุกวิชาคือว่าง
    (อาจาร์ยนพ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2024 at 06:31

แชร์หน้านี้

Loading...