ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก Like-aomlife

    #ระวังติดไวรัสโคโรนาจากฟิตเนส - แพทย์เตือนฟิตเนสเสี่ยงแพร่ไวรัสสูง อย่าลืมเช็ดเครื่องเล่นให้สะอาด
    -
    ใครที่ไปออกกำลังกายที่ยิมหรือฟิตเนสช่วงนี้ ต้องเพิ่มความระมัดระวังเรื่องความสะอาดกันหน่อย เพราะผู้เชี่ยวชาญเขาออกมาเตือนว่าฟิตเนสที่มีคนเล่นเยอะๆ เป็นแหล่งแพร่กระจายไวรัสชั้นดี
    .
    ดอกเตอร์ นอร์แมน สวาน แพทย์ด้านโรคระบาด ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว ABC อธิบายว่าในฟิตเนสเป็นสถานที่เชื้อไวรัสจะเติบโตได้ดีมาก เพราะเต็มไปด้วยเหงื่อและความชื้น และฟิตเนสส่วนมากไม่มีระบบระบายอากาศที่ดี จึงมีความเสี่ยงสูงที่เชื้อไวรัสจะแพร่กระจายไปสู่คนอื่นในฟิตเนสได้
    .
    นอกจากนี้ การออกกำลังกาย ทำให้เราต้องหายใจลึกและหายใจถี่กว่าปกติ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงให้เราหายใจรับไวรัสเข้าไปในร่างกาย และระหว่างออกกำลังกาย เรายังต้องใช้มือสัมผัสเครื่องเล่นต่างๆตลอด และเอามือมาสัมผัสใบหน้าต่อเพื่อเช็ดเหงื่อ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงเข้าไปอีก
    .
    ดอกเตอร์สวานแนะนำคนที่ยังอยากไปฟิตเนสเพื่อออกกำลังกายว่าต้องเช็ดทำความสะอาดเครื่องเล่นให้เรียบร้อย ทั้งก่อนและหลังเล่นเสร็จ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงได้ แต่เขาย้ำหนักแน่นว่า อย่าเข้าห้องซาวน่าเด็ดขาด เพราะเป็นห้องที่มีความชื้นสูง ของโปรดเชื้อไวรัสเลย
    .
    บางคนอาจจะนึกว่าห้องซาวน่าจะปลอดภัยจากไวรัส เพราะมีความร้อนสูง แต่จริงๆแล้ว ความร้อนในห้องซาวน่ายังไม่สูงพอที่จะฆ่าไวรัส และความชื้นที่อยู่ในห้องซาวน่าทำให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายได้ดียิ่งขึ้น
    .
    ถึงแม้ว่าเราจะควรหลีกเลี่ยงไปฟิตเนสช่วงนี้ แต่ก็ควรจะออกกำลังกายที่บ้านบ้าง เพราะการออกกำลังกายช่วยกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น และทำให้เราเสี่ยงติดไวรัสน้อยลง
    -
    #aomLIFE #LIVESMART #LIFEHACK #EXERCISE #GYM #FITNESS #SPORT #RUNNING #CORONAVIRUS #INFECTION #ออกกำลังกาย #ฟิตเนส #ภูมิคุ้มกัน #ภูมิต้านทาน #กีฬา #วิ่ง #ป้องกันโรค #ไวรัส #โควิด19 #ไวรัสโคโรนา

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Earthsummary.jpg
    สรุปมหากาพย์หุ้น EARTH
    10 ส.ค. 2017

    ถ้าถามว่าหุ้นตัวไหนดังที่สุดในปีนี้
    คงปฏิเสธไม่ได้ว่าคือหุ้น EARTH
    บริษัทนี้เคยมีมูลค่ามากสุดถึง 30,000 ล้านบาท
    แต่ตอนนี้กลายเป็นหุ้นที่ซื้อขายไม่ได้ในตลาดหลักทรัพย์
    เรื่องราวเป็นมาอย่างไร ทำไมถึงเลยเถิดมาเป็นแบบนี้?
    EARTH เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ MAI เมื่อปี 2553 ด้วยวิธีการ Backdoor หุ้น APC บริษัทนี้เป็นบริษัท trading ถ่านหิน มูลค่าบริษัท (market cap) เคยมากสุดถึง 30,000 ล้านบาท ในปี 2013
    ช่วงก่อนที่จะเกิดเรื่อง market cap ของบริษัทมีมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท ธุรกิจหลักของบริษัทนี้คือว่าจ้างบริษัทอื่นไปขุดถ่านหินในเหมืองที่อินโดนีเซีย และส่งออกไปขายให้ ประเทศต่างๆ ประเทศหลักคือจีน ซึ่งก็ดูเหมือนเป็นธุรกิจที่คล้ายๆกับบริษัทถ่านหินอื่นในตลาดหลักทรัพย์ไทย
    แต่เรื่องมีอยู่ว่าวันหนึ่งหุ้นได้ตกลงมา -30% ภายในวันเดียว หรือ FLOOR ซึ่งเรียกได้ว่าคนที่ขายหุ้นอยากขายทุกราคาเลยทีเดียว
    11 พค 2560 ราคาหุ้นร่วง FLOOR แรก
    12 พค 2560 ราคาหุ้นร่วง FLOOR สอง
    สองวันนั้นทุกคนสงสัยว่าหุ้นนี้เกิดอะไรขึ้น มีข่าวลือว่าผู้บริหารทะเลาะกัน
    ต่อมาผู้บริหารปฏิเสธว่ายังรักกันดี และพื้นฐานบริษัทไม่เปลี่ยน ที่ราคาลงเป็นไปตามภาวะตลาดในตอนนั้น
    นี่คือจุดเริ่มต้นของมหากาพย์ทั้งหมด และความจริงต่อมาไม่ได้เป็นอย่างที่ผู้บริหารพูด
    ช่วงนั้นทุกคนจะมีคำถามว่าใครเป็นคนทุบหุ้น EARTH กันแน่
    สรุปคำตอบก็คือ เจ้าของหุ้น EARTH เอง เพราะเจ้าของเอาหุ้นตัวเองไปค้ำประกันกับโบรคเกอร์ เพื่อกู้เงินก้อนไปลงทุนในธุรกิจอื่น ซึ่งจำนวนหุ้นที่ถูกบังคับขายตามรายงาน 246-2 มีมากถึง 9.59% ของบริษัท หรือ 339,160,100 หุ้น
    ที่น่าสนใจคือในรายงาน 59-2 ซึ่งเป็นรายงานของการขายของผู้บริหาร ราคาที่ถูกบังคับขายในรายงานคือ FLOOR แรกที่ 2.84 บาทต่อหุ้น และ FLOOR ที่สอง 1.98 บาทต่อหุ้น โดยจำนวนหุ้นส่วนใหญ่จะถูกขายในราคา FLOOR ที่สอง
    [​IMG]
    [​IMG]
    ต่อมาผู้บริหารยอมรับว่ากู้เงินโบรคโดยเอาหุ้นค้ำ เพราะเอาเงินไปทำอย่างอื่น
    พอราคาหุ้นตก ทำให้ต้องถูก FORCED SELL บังคับขายหุ้นเพื่อเอาเงินมาใช้คืนโบรค
    การกู้เงินโบรคโดยเอาหุ้นค้ำใช้เครื่องมือที่เรียกว่า “FUTURES”
    FUTURES คือ สัญญาที่อ้างอิงกับหุ้นอีกทีหนึ่ง แต่จะ leverage ได้ หมายความว่า 1 สัญญาฟิวเจอร์ส จะเท่ากับ 1,000 หุ้น แต่ใช้เงินวางน้อยกว่ามาก
    แต่เนื่องจากสัญญาฟิวเจอร์สในตลาดไม่มีสภาพคล่อง แต่โบรคเกอร์ก็หาวิธีที่คิดค้นขึ้นมาใหม่เรียกว่า BLOCK TRADE สามารถให้นักลงทุนซื้อ Futures ได้โดยตรงกับโบรคเกอร์ โดย ขานึงโบรคเกอร์จะรับขาย
    Futures แต่อีกขานึงโบรคเกอร์จะไปซื้อหุ้น EARTH ในตลาดในมูลค่าที่เท่ากันเพื่อปิดความเสี่ยง
    แต่เรื่องมันไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะการ leverage มันจะเร่งให้เงินของนักลงทุนได้และเสียเร็วกว่าปกติ เช่นถ้าเราใช้ leverage 4 เท่า หุ้นลงไป 25% ก็เหมือนเราเงินหมดตัวไป 100% แล้ว
    โบรคเกอร์จึงตั้งเงื่อนไขว่า ถ้าหุ้น EARTH ลง ไปถึงระดับหนึ่ง โบรคเกอร์จำเป็นต้องบังคับขายทุกราคา (FORCED SELL) เพราะกลัวว่าเมื่อนักลงทุนหมดตัวจะไม่มีเงินมาจ่ายถ้าหุ้นยังลงไปอีก
    เมื่อบังคับขายหุ้น EARTH ทุกราคา ราคาก็เลยลงติด FLOOR
    เรื่องนี้เป็นบทเรียนว่าการกู้เงินมาซื้อหุ้นนั้น มีความเสี่ยงที่จะถูกบังคับขายขาดทุน และอย่าประมาทว่าเราจะเป็นคนคุมราคาตลาดได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ
    แต่มหากาพย์ยังดำเนินต่อไป เวลาผ่านไปไม่กี่สัปดาห์..
    7 มิ ย 2560 บริษัทประกาศผิดนัดชำระหนี้ตั๋ว B/E 40 ล้านบาท และบอกว่าน่าจะจ่ายคืนหนี้งวดต่อๆไปไม่ได้เช่นกัน..
    8 มิ ย 2560 ราคาหุ้นร่วง FLOOR ที่สาม
    ตอนนี้คนเริ่มสงสัยว่าหนี้ของบริษัท EARTH มีเท่าไรบ้าง?

    ณ สิ้นไตรมาส 1 2560 บริษัท EARTH มีหนี้รวมกันถึงมากถึง 23,000 ล้านบาท
    โดยแบ่งเป็นรายการใหญ่ๆคือ
    1) ตั๋วแลกเงิน 2,382 ล้านบาท
    2) ทรัสต์รีซีท 5,308 ล้านบาท
    3) แพคกิ้งเครดิต 4,791 ล้านบาท
    4) เงินกู้ธนาคาร 4,213 ล้านบาท
    5) หุ้นกู้ 5,475 ล้านบาท
    หลายคนอาจบอกว่าหนี้พวกนี้บริษัทสามารถหมุนไปเรื่อยๆได้
    ก็จริงอยู่ แต่สถานการณ์ ณ ตอนนี้ ถ้าเราเป็นเจ้าหนี้ เราจะให้บริษัทนี้กู้เราต่อไหม?
    มาดูกันว่า EARTH มีหนี้ที่จะต้องชำระในปีนี้เท่าไร
    ในจำนวนหนี้ทั้งหมด 23,000 ล้านบาท มีหนี้ที่ครบกำหนดชำระภายในปีนี้ มากถึง 14,932 ล้านบาท..
    ประเด็นที่น่าสนใจต่อไปก็คือ ใครให้ EARTH กู้บ้าง?
    เฉลยออกมาว่า portion ที่ใหญ่ที่สุดคือธนาคารกรุงไทย ซึ่งรวมกันเป็นมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งล่าสุดในงบการเงินไตรมาส 2 ธนาคารกรุงไทยได้ตั้งสำรองหนี้ของ บริษัท EARTH ให้เป็น NPL เต็มจำนวนไปแล้วที่ 1.2 หมื่นล้านบาท
    Portion ต่อมาคือบริษัท หรือ บุคคลอื่น ที่มีเงินสดเหลือไปให้ EARTH กู้ ในรูปแบบ หุ้นกู้ และ ตั๋วแลกเงิน
    แล้ว EARTH มีทรัพย์สินอะไรอยู่บ้างเมื่อเทียบกับหนี้ 23,000 ล้านบาท?
    ทรัพย์สินรายการใหญ่ๆของ EARTH ณ ไตรมาส 1 2560 มีดังนี้
    1) EARTH มีเงินสด 1,238 ล้านบาท
    2) มีลูกหนี้การค้า 5,734 ล้านบาท
    3) สินค้าคงเหลือ 1,978 ล้านบาท
    4) เงินจ่ายล่วงหน้าค่าสินค้า 8,461 ล้านบาท
    5) ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ 1,821 ล้านบาท
    6) สิทธิในเหมืองถ่านหิน 8,207 ล้านบาท
    7) เงินจองสิทธิในการซื้อสินค้า 7,608 ล้านบาท
    น่าตกใจว่านอกจากเงินสดแล้ว EARTH มีทรัพย์สินที่จับต้องได้คือ ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ แค่ 1,821 ล้านบาท
    และทรัพย์สินส่วนใหญ่ของ EARTH จะเป็น “สิทธิในเหมือง และการซื้อสินค้า” ที่เหลือก็เป็นสินค้าคงเหลือ ซึ่งธุรกิจของบริษัทคือ ถ่านหิน
    ก็คงต้องไปตรวจสอบว่า สิทธิ นี้คืออะไร มีอยู่จริงไหม
    ถ้าสิทธินี้ไม่สามารถยึดมาเป็นหลักประกันได้ ก็น่าเป็นห่วง
    ดังนั้นวันที่ 8 มิ ย 60 กลต. จึงได้สั่งให้ EARTH ชี้แจงเพิ่มเติมกรณีการผิดนัดชำระตั๋ว B/E ว่าจะมีผลกระทบต่อการดำเนินงานหรือไม่ ภายใน 7 วัน
    7 วันผ่านไป..

    เช้าวันที่ 15 มิ ย 60 บริษัท EARTH แจ้งข่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า ได้ผิดนัดชำระหนี้กับสถาบันการเงิน และหุ้นกู้จะกำลังถูกเรียกคืนเงินต้น ซึ่งจะกระทบสภาพคล่องของบริษัทอย่างหนัก
    ย้อนกลับไปหนึ่งวันก่อนหน้านั้น หลังจากที่หุ้น EARTH ได้ดำดิ่งไปแล้ว แต่กลับมีคนมาช้อนซื้อซึ่งอาจจะคิดไปเองว่าบริษัทคงไม่มีปัญหาอะไรหรอก การซื้อขายหุ้น EARTH ในวันก่อนหน้านั้นกำลังคึกคักเปรียบเหมือนงานปาร์ตี้
    แต่..
    หลังจากการแจ้งข่าวของ EARTH ออกไม่นาน ตลาดหลักทรัพย์ก็ได้ขึ้น H และ SP ไม่ให้คนซื้อขายหุ้น EARTH ทันที
    และหลังจากนั้นมา หุ้น EARTH ก็ซื้อขายไม่ได้อีกเลย.. จนถึงวันนี้
    ทำไมตลาดหลักทรัพย์ถึงตัดสินใจ SP ?
    สิ่งที่ตลาดได้ให้เหตุผลในการ SP คือ บริษัท EARTH ชี้แจงไม่ครบถ้วน
    เหตุการณ์นี้กระทบกับคนจำนวนมากขนาดไหน?
    ถ้ารวมการซื้อขายที่เกิดขึ้นทั้งหมดเพียง 5 วัน จะมีมูลค่ามากถึง 9,300 ล้านบาท หรือเกือบ 2 เท่า ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
    เรียกได้ว่าแทบจะเปลี่ยนเจ้าของบริษัทกันเลยทีเดียว
    ทำให้ตอนนี้น่าจะมีคนจำนวนมากติดหุ้น EARTH อยู่
    ย้อนกลับไปวันปิดสมุดบัญชี เดือนมีนาคม มีผู้ถือหุ้น EARTH 7,201 คน
    แต่จากเหตุการณ์งานปาร์ตี้มีคนถือหุ้น EARTH มากถึง 18,000 คน! (ข้อมูลจากผู้บริหารEARTH ล่าสุด)
    วันที่ 23 มิ ย 60 กลต. สั่งให้ EARTH จัดให้มีผู้สอบบัญชีตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ หรือ special audit โดยต้องเป็นผู้สอบบัญชีจากบริษัท big4 เพื่อตรวจสอบรายการเงินจ่ายล่วงหน้าค่าสินค้าและเงินจองสิทธิในการซื้อสินค้าว่ามีจริงหรือไม่? และ เปิดเผยผลการตรวจสอบภายใน 30 วัน

    28 วันผ่านไป..
    วันที่ 21 ก ค 60 บริษัท EARTH ขอผ่อนผันการส่งรายงานผล special audit ต่อ กลต. ให้ขยายเวลาออกไป เพราะอยู่ในระหว่างการรอเสนอราคาจากสำนักงานสอบบัญชี แต่ต่อมา กลต.ไม่ผ่อนผันให้ และเร่งให้ EARTH นำส่งรายงานผล special audit โดยเร็ว
    วันที่ 24 ก ค 60 บริษัท EARTH ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการบริษัท เพราะตอนนี้อยู่ในภาวะที่มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน
    พอเรื่องเป็นอย่างนี้ทุกคนก็ งง เป็นไก่ตาแตก ก่อนหน้านี้ในงบการเงินล่าสุด EARTH มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินอยู่ 10,686 ล้านบาท อยู่ดีๆหนี้สินเพิ่มมาจากไหน ตลาดหลักทรัพย์ได้ขอให้ EARTH แจกแจงว่าหนี้ที่เพิ่มขึ้นมาเป็นของเจ้าหนี้ไหนบ้าง มีการตั้งด้อยค่าทรัพย์สินหรือไม่
    สรุปแล้ว EARTH ชี้แจงกลับไปว่ามีหนี้เกิดขึ้นมาใหม่ 26,000 ล้านบาท เกิดจากคู่ค้าของบริษัทได้ยื่นฟ้องบริษัท
    ต่อมาวันที่ 7 ส ค 60 มีประเด็นเรื่องใหม่เกิดขึ้นอีก คราวนี้ไปเกี่ยวกับธนาคารธนชาต
    ผู้บริหาร EARTH บอกว่าบริษัทมีเงินสดในธนาคารธนชาตประมาณ 800 ล้านบาท และจะโยกเงินสดที่มีอยู่ในประเทศไทยไปหมุนเวียนตามแผนธุรกิจที่ประเทศจีน แต่กลายเป็นว่าถูกอายัดบัญชี โดย EARTH ฟ้องธนาคารธนชาต 60,000 ล้านบาท โดยอ้างว่า ธนาคารธนชาตนำข้อมูลความลับของบริษัทไปเปิดเผย
    ซึ่งธนาคารธนชาตก็ชี้แจง ขอปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ว่าธนาคารธนชาตมีนโยบาย ขั้นตอน วิธีการ ที่ชัดเจนและเข้มงวด ด้วยมาตรฐานระดับสูงในการดูแลรักษาความลับของลูกค้า ที่ EARTH โดนอายัดบัญชีเป็นการดำเนินการตามคำสั่งของศาลจากการร้องขอของเจ้าหนี้รายหนึ่ง และธนาคารธนชาตก็ขอสงวนสิทธิในการฟ้องกลับ EARTH ด้วย
    ที่น่าสนใจคือ ธนาคารธนชาตยังไม่ได้รับหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องที่ EARTH ฟ้องศาลเลย
    ก็น่าแปลกใจว่า EARTH ไม่มีเงินชำระหนี้ตั๋ว B/E และหุ้นกู้ แต่กำลังอยากขนเงินสดไปเมืองจีน
    ประเด็นที่น่าสนใจต่อมาคือ ในการแถลงข่าวครั้งนี้คือ ผู้บริหาร EARTH เปิดใจกับคนที่ถามว่าทำไมถึงถูกธนาคารกรุงไทยระงับสินเชื่อ ผู้บริหารตอบว่า ธนาคารกรุงไทยขอสำเนาสัญญาซื้อขายถ่านหิน แต่บริษัท EARTH ไม่อยากให้ เพราะกลัวความลับลูกค้ารั่วไหล หลังจากนั้น ธนาคารกรุงไทยจึงระงับสินเชื่อ
    ประเด็นนี้ก็น่าคิดว่าถึงเวลานี้แล้ว EARTH ยังกลัวความลับลูกค้ารั่วไหล มากกว่าการได้เงินสินเชื่อจากธนาคารกรุงไทย.. หรือมีอะไรซ่อนอยู่ในสัญญาซื้อขายกันแน่
    สุดท้ายวันที่ 9 ส ค 60
    กลต. สั่งให้เวลา EARTH อีก 5 วันทำการให้ตั้ง special audit โดยด่วน และอธิบายว่าหนี้ที่งอกมาใหม่ 26,000 ล้านบาท เพื่อที่จะอ้างได้ว่าขอเข้าแผนฟื้นฟูนั้น มีที่มาอย่างไรบ้าง ถ้าไม่ปฏิบัติตาม กรรมการและผู้บริหารของ EARTH อาจถูกดำเนินการตามกฎหมายซึ่งมีทั้งโทษทางอาญา และทางแพ่ง

    แต่ปรากฎว่าในการแถลงข่าวของผู้บริหาร EARTH ได้ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ด้วยว่าได้เชิญให้ผู้สอบบัญชี big4 แล้วแต่ไม่มีผู้สอบบัญชี big4 รายไหนรับข้อเสนอนี้เลย…
    ก็ไม่ทราบว่าเรื่องราวต่อไปจะจบลงแบบไหน ต้องติดตามกันต่อไป
    แต่ที่แน่ๆคือเรื่องของ EARTH น่าจะเป็นตำนานของวงการตลาดทุนประเทศไทยไปอีกนาน..
    Tag: EARTH

    https://www.longtunman.com/1483
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก ถามอีก กับอิก Tam-Eig

    ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงหนักที่สุดในรอบ 33 ปี
    .
    FB_IMG_1584402300223.jpg
    #ลงทุนนอกโลก โดย #ถามอีกกับอิก
    .
    1.เป็นครั้งแรกที่พี่ทรัมป์ยอมรับว่าวิกฤตโควิด หนักจริงๆ และอาจจะต้องใช้เวลาถึงเดือน กรกฏาคมอย่างเร็วที่สุดในการควบคุมสถานการณ์
    .
    2.และยอมรับว่าอาจจะมีการปิดเมืองบางแห่ง แต่ไม่ถึงขั้นปิดทั้งประเทศ
    .
    3.ในขณะที่บรรดาสายการบินสหรัฐเรียกร้องช่วยเหลือ 5 หมื่นล้านเหรียญ เพราะกลางปีนี้ ตังที่มีอยู่จะหมดและสายการบิน และธุรกิจเกี่ยวเนื่องจะเจ๊งจำนวนมาก
    .
    “ผมจะสนับสนุน และช่วยเหลือสายการบินอย่างเต็มที่ 100% เต็ม” ประธานาธิบดีทรัมป์ บอกครับ ทำให้บางช่วงราคาหุ้นสายการบิน จากที่ติดลบ 13-15% ก็ดีดกลับมาบวก 10% ก่อนจะถูกทิ้งดิ่งท้ายตลาด
    .
    4.เมืองท้องถิ่นเช่น ซานฟรานซิสโก เริ่มขอให้ประชาชนอยู่ในบ้านเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19
    .
    5. ทั้งนี้มีหลายอย่างที่ประธานาธิบดีทรัมป์ขอให้ทำ เช่น เรียนหนังสือที่บ้าน, หลีกเลี่ยงการรวมตัวกันของกลุ่มคนมากกว่า 10 คนขึ้นไป,
    .
    หลีกเลี่ยงการเดินทาง, หลีกเลี่ยงการทานอาหาร หรือดื่มที่บาร์ หรือ ร้านอาหาร (สามารถซื้อแล้วกลับไปทานที่บ้านได้แบบ take away)
    .
    6.เป็นวันที่เทรดยากที่สุดวันนึงครับร่วงหนักไปติด circuit breaker และดีดกลับไปเกือบบวกได้ แล้วก็ถูกทิ้งดิ่งปิดต่ำที่สุดในของวัน โหดมากๆครับ
    .
    ========
    .
    เริ่มต้นวันนี้ดีที่สุด ขอให้ทุกท่านโชคดีและมีอิสรภาพในการใช้ชีวิต
    .
    อิสรภาพชีวิต !! อยู่ไหนก็ไม่พลาด อย่าลืมกดติดตามนะครับ หรือเพิ่มช่องทางการสื่อสารได้เลย
    .
    ส่งข่าวสารถึงมือผ่าน Line@: http://bit.ly/TAM-EIG_LINE
    คลิกเลย

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก ถามอีก กับอิก Tam-Eig

    ไม่ด่วนแต่สำคัญ! เฮีย Ray Dalio มองการลดดอกเบี้ยของเฟดยังไง ที่ลดเหลือ 0%
    .
    อ่านแล้วจะเข้าใจเลยว่าทำไมตลาดหุ้นพังทั้งโลก ทั้งๆที่มีมาตรการล็อตใหญ่จากธนาคารกลางแบบรัวๆ
    .
    #ลงทุนนอกโลก โดย #ถามอีกกับอิก
    .
    สดๆร้อนๆ ค่อยๆอ่านยาวหน่อย แต่อ่านแล้วได้ความรู้มากๆครับ มาลุยกันเลยครับ
    .
    ปล.แต่ถ้าอ่านแล้วชอบ อยากสนับสนุนแอด ก็รบกวนขอกด Like กด แชร์ เพจเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ :)
    .
    ============
    .
    เร่ิมจาก ส่วนแรกกันก่อนครับ
    .
    1.เฮีย Ray Dalio สุดยอด Hedgefund ยอมรับว่าแกเองก็คงจะไม่สามารถคาดการณ์ได้แม่นยำว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับภาวะตลาดแบบนี้
    .
    2.เหตุผลเพราะมันเป็นช่วงเวลาที่สุดติ่งกระดิ่งแมว ที่นานทีปีหนถึงจะเกิดขึ้น “สิ่งที่ผมไม่รู้มากกว่าสิ่งที่ผมรู้มากมาย”
    .
    3.”เหมือนที่คุณคงจะทราบอยู่แล้วว่า ตัวผมเองกังวลว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะขาลง สิ่งที่ตามมาคืออัตราดอกเบี้ยจะถูกลดเหลือ 0%”
    .
    4.และยิ่งเป็นช่วงที่ภาระหนี้สินสูงมาก และผนวกกับการที่ตอนนี้มีความเหลื่อมล้ำของทั้งความมั่งคั่งและ ความแตกต่างทางความคิดเห็นทางด้านการเมือง คล้ายๆกับช่วงปี 1930 ยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ไปใหญ่
    .
    5.รอบนี้โควิด-19 เป็นปัจจัยที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะขาลง ซึ่งถือว่าสร้างความประหลาดใจให้กับคุณ Ray มากครับ
    .
    6.แกมองว่า ถึงภาวะโรคระบาดที่รุนแรง อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างหนัก แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ตัวแกกลัวครับ
    .
    7.แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ ถ้าเศรษฐกิจขาลง ดันมาเจอกับภาวะดอกเบี้ยระยะยาวที่ระดับ 0% อันนี้จะทำให้ตัวเค้ากังวลครับ
    .
    8.ทำไมถึงน่ากลัว? เพราะการที่อัตราดอกเบี้ยระยะยาวแตะระดับ 0% นั่นแปลว่าสินทรัพย์ทุกอย่างจะมีโอกาสร่วงลง (ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ผลบวกจากการที่ลดอัตราดอกเบี้ยลงจะไม่มีอีกแล้ว หรือลดได้อีกไม่มากนัก)
    .
    9.การที่อัตราดอกเบี้ยลดลงเหลือ 0% นั่นหมายความว่าเครื่องมือของธนาคารกลางไม่เวิคแล้ว เข่น การลดดอกเบี้ย หรือการจะให้ guidance ไปที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรก็ไม่เวิคแล้ว
    .
    10.การพิมพ์เงิน และซื้อสินทรัพย์ประเภทหนี้ ที่ธนาคารกลางทำในช่วงที่ผ่านมาก็ไม่เวิค เพราะตอนนี้ตราสารหนี้ไม่สามารถไปได้มากกว่านี้แล้ว
    .
    และก็คงจะไม่ถูกขายออกมาเพื่อที่จะไปซื้อสินทรัพย์ทางการเงินที่มีปัญหาอยู่
    .
    11.สิ่งที่จะเกิดขึ้นภายใต้อัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0% คือ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง จะเพิ่มขึ้น (อัตราดอกเบี้ยลบกับ อัตราเงินเฟ้อ) พูดง่ายๆคือ เราจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืดครับ
    .
    12.อีกหนึ่งเหตุผลที่จะทำให้เกิดภาวะเงินฝืดคือ การที่ราคาน้ำมันร่วงหนัก เช่นเดียวกับสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ผนวกกับการชะลอตัวเศรษฐกิจ, และยังมีปัญหาเรื่องหนี้อีก
    .
    13.สิ่งที่จะตามมาคือ Credit Spreads (ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นจากพันธบัตรรัฐบาล) ก็จะเพิ่มมากขึ้น และอาจจะทำให้ภาระการจ่ายหนี้สูงขึ้น พร้อมๆกับ การปล่อยสินเชื่อที่จะลดลง
    .
    14.และนั่นจะยิ่งทำให้ภาวะสินเชื่อตึงตัว และยิ่งผนวกกับปัญหาเงินฝืด และเจอภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวอีกจะยิ่งทำให้เกิดปัญหาตามมา
    .
    “พระเจ้า ช่วยประเทศที่เจอปัญหาเหล่านี้ด้วยเถิด” เฮีย Ray Dalio ถึงขั้นเปรยแบบนี้ครับ
    .
    15.สิ่งที่ทีมของคุณ Ray ทำคือ ลองจำลองสถานการณ์ราคาตลาด และลองทดสอบดูว่า ผลกระทบจะเป็นอย่างไร
    .
    16.เช่น จะลองคิดถึงสถานการณ์ของกองทุนบำเหน็จบำนาญและบริษัทประกัน รวมถึงบริษัทอื่นๆ ที่มีภาระหนี้สินระยะยาว และมีการลงทุนในตลาดหุ้น หรือสินทรัพย์ที่คล้ายๆกับตลาดหุ้น
    .
    17.สิ่งที่คุณ Ray ทำ คือ ลอง mark to market ของราคาตลาด (ตามมาตรฐานบัญชี) เพื่อลองดูว่า ภาระหนี้สินแบบนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ (เพื่อที่จะเอามาจ่ายให้ กับภาระหนี้สินเหล่านี้ ผลลัพธ์จะเป็นยังไง)
    .
    ข่าวร้ายคือ “ไม่พอครับ” ผลตอบแทนจากการลงทุนไม่พอที่จะเอามาจ่ายภาระหนี้สินครับ
    .
    18.สิ่งที่คุณ Ray คิดต่อ คือ เอ... ถ้าเราเป็นบริษัทเหล่านั้น เราจะทำอะไร เช่น ขายสินทรัพย์เพื่อเอามาจ่าย ค่าใช้จ่ายสารพัดอย่าง
    .
    19.ยกตัวอย่างเช่นผู้ผลิตน้ำมัน (อาจจะเป็นประเทศหรือบริษัทก็ได้)
    .
    แล้วลองคำนวณรายจ่ายของพวกเค้าดู จะเห็นว่ามากกว่า รายได้ของมากๆ และชวนคิดดูว่าถ้าเราเป็นเค้าเราจะทำยังไง
    .
    20.ทางเลือกหนึ่งก็คงจะเป็นการลดรายจ่าย และขายสินทรัพย์
    .
    ซึ่งเฮีย Ray Dalio คิดว่า นั่นคือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับหลายๆบริษัท หรือหลายๆประเทศ และนั่นแหละครับที่ทำให้เป็นสิ่งที่น่ากังวลมากๆ เพราะนั่นหมายความว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจและราคาสินทรัพย์ในตลาดน่าจะร่วงลงหนักมาก
    .
    21.สิ่งที่แกชวนคิดคือ นักลงทุนส่วนใหญ่ และธุรกิจส่วนใหญ่เป็นประเภท Long คือซื้อ แล้วถือสินทรัพย์เพื่อหวังว่าราคาของพวกมันจะเพิ่มขึ้นในอนาคต (โดยที่อาจจะเป็นกู้ยืมเงิน)
    .
    22.เพราะฉะนั้นผลกระทบจากการร่วงลงของราคาของสินทรัพย์ที่เราเห็น “มันจะมากกว่าการที่ตลาดร่วงลงแบบที่ไม่มีการกู้ยืมเงิน”
    .
    (เช่นอาจจะมีการ panic sell , force sell ถูกบังคับให้ขาย) ทำให้ราคาจะเหวี่ยงลงหนักมาก
    .
    23.สิ่งที่อาจจะขัดแย้งกับความคิดของคนส่วนใหญ่คือ ตลาดมักจะมีผลกระทบที่มากมายต่อเศรษฐกิจ มากกว่าการที่เศรษฐกิจจะมีผลต่อตลาดหุ้นครับ
    .
    24.เพราะฉะนั้นลองคำนวณเล่นๆดูว่าใครบ้างที่ตอนนี้ลงทุนอยู่บ้าง และลองคิดดูว่าเค้าจะทำอย่างไร (เช่น ลดค่าใช้จ่าย, ขายสินทรัพย์)
    .
    โอวววว แค่นี้ก็ปวดตับละครับ
    .
    ============
    .
    มาลุยส่วนที่สองกันครับ “ความร่วมมือระหว่างการใช้นโยบายการเงินและนโยบายการคลัง เป็นสิ่งที่ต้องการมากๆ”
    .
    1.ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุด มักจะมาจากคนที่เลือกตั้งให้เค้าเข้ามาบริหารประเทศ แต่กลับบริหารได้แย่มากๆ
    .
    2.เพราะตอนช่วงวิกฤตมันยากมากๆ ที่จะรู้ว่าต้องทำอะไร และต้องกล้าที่จะทำอย่างหนักแน่น ตัดสินใจเฉียบขาด
    .
    3.และด้วยการเมืองที่มีความเห็นไม่ตรงกัน มีความแบ่งแยกกันยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นความร่วมมือที่ดีระหว่างนโยบายการเงินและการคลัง (เค้าหมายถึงในสหรัฐนะครับ อิอิ)
    .
    4.ตอนนี้ยอมรับว่านโยบายด้านการคลังเริ่มเอามาใช้บ้างแล้ว แต่สิ่งที่เห็นคือไม่มากพอ และไม่เฉพาะเจาะจงมากพอที่จะช่วยลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาด ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัส (ซึ่งถ้าไปถามรัฐบาล เค้าก็จะเถียงกลับมา)
    .
    5.”อย่างไรก็ตามตอนนี้เราเริ่มเห็นแล้ว ว่า คนกำหนดนโยบายเริ่มใช้นโยบายแบบ Whatever it takes” คือ พร้อมทุ่มทุกวิถีทางเพื่อแก้ไขปัญหาจากวิกฤตไวรัสครั้งนี้ ก็นับว่าเป็นสัญญานที่ดีครับ
    .
    6.แต่ก็มาตามดูทีหลังว่ามันประสบความสำเร็จหรือป่าว เพราะความแบ่งแยกทางการเมืองทำให้มีข้อจำกัดในการบริหารจัดการ
    .
    ============
    .
    มาลุยทีละประเทศกันครับ เริ่มจากสหรัฐกันก่อนครับ
    .
    1.จนถึงตอนนี้การใช้นโยบายการเงินและการคลัง ดูจะสายไปนิดนึง แต่อย่างน้อยก็เริ่มเห็นสัญญานของการใช้นโยบายแบบทุ่มสุดตัวของทั้งสองฝ่ายแล้ว
    .
    2.แต่ผลจากการใช้นโยบายจะเวิคหรือไม่ ก็ต้องติดตามกันต่อ เพราะทุกวันนี้เหตุการณ์สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว
    .
    3.ตอนนี้เฮีย Ray Dalio มองว่าเม็ดเงินยังน้อยไปครับ เช่น 3 พันล้านเหรียญสำหรับการพัฒนาวัคซีน, เครื่องมือทดสอบว่าคนติดไวรัสไหม และเครื่องมือในการรักษา
    .
    4.ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค CDC มีงบประมาณเพียง 2.2 พันล้านเหรียญในการควบคุมการแพร่ระบาด
    .
    5.ในขณะที่กระทรวงการต่างประเทศมีงบ 1.2 พันล้านเหรียญในการช่วยลดการแพร่ระบาดของไวรัสในต่างประเทศ
    .
    6.ส่วนอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงการเตรียมตัวด้านสุขภาพ และศูนย์ชุมชนต่างๆมีงบ 1 พันล้านเหรียญ
    .
    7.ส่วน การให้เงินชดเชยเงินกู้สำหรับ SME มีงบ 1 พันล้านเหรียญ
    .
    8.งบสาธารณสุขสำหรับการให้บริการแพทย์ทางไกล มีงบ 500 ล้านเหรียญ
    .
    9.ในขณะที่งบสำหรับการให้วัคซีนแบบมีค่าใช้จ่ายน้อยๆ หรือแบบฟรี มีงบ 300 ล้านเหรียญ
    .
    10.ส่วนนโยบายลดภาษีตอนนี้ก็ยังไม่ถูกจุด และคิดว่าพรรคฝ่ายค้านอาจจะไม่เห็นด้วย (แต่ตอนนี้นโยบายยังไม่ชัดเจน)
    .
    11.สิ่งที่เฮีย Ray มองเห็นคือตอนนี้นโยบายยังไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนครับ เพราะตอนนี้มีหลายภาคส่วนทีต้องการความช่วยเหลือเรื่องหนี้ และเศรษฐกิจเพื่อไม่ให้ลุกลาม บานปลาย (มีบ้างแต่ถือว่าน้อยเกินไป)
    .
    12.ยกตัวอย่างเช่นการให้เงินกู้ชดเชยกับ SME , การจ่ายเงินชดเชยให้กับคนที่ต้อง กักตัวเองทำให้ไม่ได้ทำงาน, รวมถึงการให้ค่ารักษาจากไวรัส กับคนที่ไม่มีประกัน
    .
    การเพิ่มเงินทุนสำหรับการให้บริการทั้งระดับรัฐ และท้องถิ่น (โดยการใช้งบฉุกเฉิน และงบที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติ), การให้เงินสำหรับคนว่างงาน และเพิ่มเงินทางอ้อม เช่น การให้สแตมป์อาหาร สำหรับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ
    .
    13.สัปดาห์ก่อนหน้านี้สภาคองเกรส อนุมัตินโยบายที่เฉพาะเจาะจงบางส่วนแล้ว เช่น การให้ทดสอบไวรัส ฟรี! ไม่เสียตัง, การให้ประกันการว่างงาน, การจ่ายเงินชดเชยสำหรับคนที่พักงานแบบไม่ได้ตัง (จากผลกระทบจากไวรัส) , รวมถึงการให้เงินชดเชยค่าอาหารสำหรับนักเรียน เช่น ฟรีค่าอาหารกลางวัน
    .
    14.แต่มาตรการเหล่านี้ถือว่าคิดเป็นเม็ดเงินที่น้อยมากๆ และยังไม่ได้ช่วยพยุงปัญหาเศรษฐกิจ “คนที่ได้รับผลกระทบจำเป็นต้องได้รับมาตรการที่มากกว่านี้”
    .
    15.อีกส่วนหนึ่งที่ยังไม่เห็นคือ นโยบายช่วยเหลือเรื่องภาระหนี้สินให้กับอุตสาหกรรมที่จะเจ๊ง จากภาวะช็อคครั้งนี้
    .
    16.แม้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะร้องขอให้สภา อนุมัติเงินช่วยเหลือ ผู้ประกอบการ SMEs เพิ่มเติม 5 หมื่นล้านเหรียญ
    .
    ก็น่าจะพอช่วยเหลือเงินกู้ ระดับแสนล้านเหรียญได้ แต่ก็คงจะไม่มากพอ และไม่ชัดเจนว่าจะได้รับการสนับสนุนจากพรรคเดโมแครตหรือไม่
    .
    17.เพราะฉะนั้นการช่วยเหลืออุตสาหกรรมที่สุ่มเสี่ยงต่อการเจ๊งรอบนี้ คือสิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทำสำหรับรัฐบาล เพื่อรับประกันความปลอดภัยของธนาคารพาณิชย์สำหรับการปล่อยกู้ก้อนใหม่
    .
    18.”ตอนนี้เราเริ่มเห็นบริษัทที่มีปัญหาเรื่องหนี้กับธนาคารแล้ว” สิ่งที่จะช่วยได้คือการที่ให้ความช่วยเหลือกับบริษัทที่มีปัญหาถูกบีบด้านการเงิน
    .
    19.การให้เงินกับบริษัทที่มีปัญหานี้ถือว่าเป็นหน้าที่ ส่วนหนึ่งของธนาคารกลางสหรัฐ แต่ธนาคารกลางสหรัฐก็สามารถให้สภาพคล่องแก่ธนาคารพาณิชย์เพื่อปล่อยกู้อีกที
    .
    20.แต่สิ่งที่คุณ Ray คิดว่าน่าจะเห็นคือ โปรแกรมคล้ายๆกับ ธนาคารกลางยุโรป (TLTRO) หรือการที่ให้สินเชื่อเงินทุนแก่สถาบันการเงิน โดยการเสนอการระดมทุนระยะยาวของธนาคารในเงื่อนไขที่น่าสนใจ เพื่อกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร นั่นเองครับ
    .
    โดยธนาคารกลางสหรัฐจะให้เงินต้นทุนต่ำๆ และปกป้องธนาคารในการปล่อยกู้
    .
    "สิ่งที่รัฐบาลควรทำคือ การปกป้องไม่ให้ธนาคารล้มละลาย" แกย้ำครับ
    .
    21.บริษัทที่มีปัญหาจะไม่ใช่ทั้งหมด ที่มี วงเงินสินเชื่อ ดังนั้นก็ยังมีช่องว่างยังเหลืออยู่ ซึ่งก็อาจจะยังทำให้เกิดความเสียหายได้
    .
    22.สิ่งที่เฮีย Ray ไม่ทราบคือ ไม่รู้ว่าประธานาธิบดีสหรัฐและผู้กำหนดนโยบายด้านการคลังเคยทำ stress test ทดสอบดูว่าถ้าเกิดสถานการณ์เลวร้ายแบบสุดขีด
    .
    บริษัทต่างๆ อุตสาหกรรมต่างๆจะอยู่รอดไหม?
    .
    23.สิ่งที่เฮีย Ray มองเห็นตอนนี้ค่อนข้างกังวลใจเลยครับ เพราะตอนนี้มีบริษัทและหลากหลายอุตสาหกรรม จำนวนมากที่มีปัญหาหนี้สิน ที่อาจจะทำให้เกิดการปรับโครงสร้างหนี้ และปรับโครงสร้างบริษัท
    .
    24.เพราะถึงจุดหนึ่ง....นโยบายการเงินจะเริ่มไม่ได้ผล และการแตกแยกทางการเมืองจะมากขึ้น และทำให้เกิดความไม่แน่นอน
    .
    25.และถ้าบริหารจัดการไม่ดี ก็จะเป็นปัญหาการเมืองและปัญหาสังคมใหญ่ตามมา
    .
    26.”ถ้าผมอยู่ในจุดที่ประธานาธิบดีทรัมป์อยู่ตอนนี้” เฮีย Ray จะเป็นคนใจดี เป็นคนเห็นอกเห็นใจมากขึ้น (ใจเย็นมากขึ้น) เพราะนับว่าข่าวสารที่ถ่าโถมเข้ามาก็จะแย่ลงเรื่อยๆ ในช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อนแบบนี้
    .
    27.ตัวเค้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าภาคการเมือง จะทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ มากกว่าที่ก้าวขึ้นมาอยู่ในอำนาจของตัวเอง (ใช้ได้กับทุกประเทศ)
    .
    28.สำหรับธนาคารกลางสหรัฐ เองก็เพิ่งจะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้แล้ว ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยที่ไม่ต้องทำ นโยบายการเงินภาค 3 (ทำงานร่วมกับนโยบายการคลัง)
    .
    สำหรับ MP1 : คือ การใช้อัตราดอกเบี้ยในการควบคุมเศรษฐกิจ และพอเริ่มไม่เวิค
    .
    แล้วก็จะใช้วิธีการพิมเงินออกมา เพื่อซื้อสินทรัพย์อันนี้แกจะเรียกว่า MP2 ภาค 2
    .
    แล้วถ้าใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป สิ่งที่เกิดขึ้นคือ รัฐบาลกลางจะมีงบขาดดุลมหาศาล และจะเริ่มขายพันธบัตรให้กับธนาคารกลาง (ภาค 3)
    .
    29.ตอนนี้เราอยู่ในวงจรหนี้ระยะยาว และเราควรจะต้องเห็นการร่วมมือกันระหว่างผู้กำหนดนโยบายการเงินและการคลัง และคอยติดตามว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ เพราะหลังจากนี้ก็คงจะเหลือวิธีไม่มากในการแก้ไขปัญหาวิกฤตรอบนี้
    .
    30.ตามทฤษฏีแล้ว ธนาคารลางสหรัฐสามารถซื้อสินทรัพย์อื่นๆได้เช่น หุ้น แต่คงไม่ทำเพราะคงถูกวิพากย์วิจารณ์มาก และก็คงจะมีผลไม่มากเช่นกัน
    .
    ============
    .
    ถัดมา มาดูทางฝั่งยุโรปกันครับ
    .
    1.ตอนนี้มีความคาดหวังสูงมาก ที่ประชาคมเศรษฐกิจยุโรป จะยืดหยุ่นต่อกฏของสหภาพยุโรป ซึ่งยึดมั่นเรื่องความมีเสถียรภาพและการเติบโตของเศรษฐกิจ
    .
    2.ตอนนี้นโยบายการคลังในยุโรป เน้นไปที่การสนับสนุนบริการด้านสาธารณสุขและอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบหนัก และ SMEs
    .
    3.มาตรการที่เอามาใช้มีหลายอย่างครับ เช่น การลดภาษี และค่าธรรมเนียม และยกหนี้ให้
    .
    รวมถึงการชดเชยพนักงานที่ทำงานน้อยลง (อาจจะโดนกักตัวเพื่อดูอาการ)
    .
    4.ยกตัวอย่างอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบหนัก เช่น ท่องเที่ยว, ขนส่ง และยานยนต์
    .
    5.ทั้งฝรั่งเศสและอิตาลีตอนนี้กำลังร่วมมือกันอย่างหนักในผู้บริหารระดับสูงและระดับรัฐบาล แต่ก็ยังมีความเห็นไม่ค่อยตรงกันเท่าไหร่สำหรับทิศทางนโยบาย และแนวทางการใช้งบแบบขาดดุลร่วมกัน
    .
    6.เบื้องต้นประชาคมเศรษฐกิจยุโรปเพิ่งเสนอใช้งบประมาณ 2.5 หมื่นล้านยูโร สำหรับหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น สาธารณสุข, SMEs, การสนับสนุนตลาดแรงงาน
    .
    7.”ผมเดาว่า แต่ละประเทศจะใช้นโยบาย whatever it takes” ทุ่มทุนสุดตัวทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อช่วยให้พ้นวิกฤตครั้งนี้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการช่วยประเทศของตัวเอง ไม่ได้ช่วยคนอื่น
    .
    ทำให้สหภาพยุโรปเองก็จะมีข้อจำกัดในการช่วยเหลือ ทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาได้เช่นกัน
    .
    8.เนื่องจากการใช้นโยบายกระตุ้นการคลังและงบขาดดุลแบบจัดเต็ม ก็จะทำให้เกิดการขายพันธบัตร และถ้าธนาคารกลางยุโรปไม่ซื้อ ก็จะทำให้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น
    .
    9.ธนาคารกลางยุโรปไม่สามารถทำอะไรได้มากมายเพราะว่าไม่สามารถลดดอกเบี้ยได้มากกว่านี้แล้ว และไม่มีอำนาจในการซื้อ
    .
    “แต่แน่นอนครับ เจ้าหน้าที่จะไม่พูดตรงๆหรอกครับ” แต่คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรปก็บอกเองว่า จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ -0.5% และจะใช้มาตรการเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด
    .
    10.เช่น การเสริมสภาพคล่องและซื้อพันธบัตรมูลค่า 1.339 แสนล้านเหรียญภายในสิ้นปีนี้
    .
    และใช้โครงการใหม่เพื่อให้เงินกู้ต้นทุนต่ำ ด้วยอัตราต่ำมากถึง -0.75% ต่ำกว่าอัตราเงินฝากของธนาคารกลางยุโรป
    .
    11.นี่ถือว่าเป็นสิ่งที่ชัดเจนมากๆ ว่าธนาคารกลางยุโรปจะไม่ทำอะไรนอกจากการเพิ่มสภาพคล่อง
    .
    12.เพราะการลดดอกเบี้ยมากกว่า ติดลบ 0.5% จะส่งผลเสียมากกว่าผลดี และตอนนี้ยุโรปเหนือเองก็เริ่มไม่เห็นด้วยกับการลดดอกเบี้ย และเริ่มปรับเปลี่ยนข้อจำกัดในการซื้อพันธบัตรรัฐบาล
    .
    13.สิ่งที่คุณลาการ์ด กำลังทำ คือการให้เงินที่มีต้นทุนถูกสุดๆ และทำให้มั่นใจว่าสภาพคล่อง และสินเชื่อไม่เหือดหายไปจากระบบ
    .
    14.และเธอก็บอกชัดเจนว่า การรับมือกับโควิด จะต้องใช้นโยบายการคลังก่อน และเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะตอนนี้รัฐบาลในกลุ่มยุโรปใช้เงินเพียงแค่ 3 หมื่นล้านเหรียญเท่านั้น
    .
    15.ในขณะที่มาตรการจากธนาคารกลางจะได้ผลก็ต่อเมื่อ รัฐบาลใส่งบประมาณลงมาด้วยเช่นกัน และต้องทำให้มั่นใจว่าธนาคารจะยังคงปล่อยกู้ให้กับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ
    .
    16.สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป คือ ธนาคารกลางยุโรปจะพิจารณาการเพิ่มสภาพคล่องให้กับ SMEs โดยอาจจะต่อมาตรการ TLTRO หรือโครงการใหม่
    .
    17.สิ่งที่จะทดสอบได้ว่า ECB จะใช้มาตรการแบบสุดตัวหรือป่าว คือให้ดูว่าพวกเค้าเพิ่มเพดานการซื้อพันธบัตรหรือไม่, ในขณะที่ทำให้อัตราดอกเบี้ยและ credit spreads ลดลงหรือไม่
    .
    18.ถ้าใช่ ก็จะเป็นการซื้อเวลาเพื่อช่วยลดงบขาดดุล แต่ก็ยังไม่พอสำหรับระยะยาว (แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำ)
    .
    19.แต่ถ้าคำตอบคือ “ไม่ละก็” ก็จะทำให้เกิดความกังวลได้
    .
    ============
    .
    ส่วนอิตาลีเองก็มีหลายจุดที่น่าสนใจครับ
    .
    1.ตอนนี้มาตรการนโยบายการคลังคิดเป็นเม็ดเงินสัดส่วน 0.4% ของ GDP แต่จริงๆแล้วอิตาลีต้องการงบประมาณมากกว่านั้น และควรจะมีงบมากกว่านั้นมากๆ
    .
    2.สิ่งที่ทำได้ดีคือ การลดภาษีแบบเฉพาะเจาะจงโดยเน้นไปที่อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ เช่น การขนส่ง, โรงแรม และภาคการส่งออก ควบคุ่ไปกับสนับสนุนด้านสาธารณสุข
    .
    รวมถึงการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับบริษัทที่รายได้หดหายไปกว่า 25%
    .
    3.สำหรับเฮีย Ray มองว่า นโยบายเหล่านี้ดีมาก และเป็นนโยบายที่ประเทศอื่นๆควรพิจารณาเวอร์ชั่น ของตัวเอง เพราะยังมีธุรกิจดีๆอีกมากที่มีความเสี่ยงที่จะล้มละลาย และอาจจะเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ
    .
    4.แต่จริงๆแล้วแกก็ยังมองว่ายังไม่พอนะครับ เพราะรัฐบาลอิตาลีเองก็ยังเตรียมใช้แพคเกจในการปฏิรูปเศรษฐกิจเช่น การสนับสนุนมาตรการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ FDI และการลงทุน แต่ก็ยังไม่ใช่ประเด็นที่จะมาพูดถึงในช่วงวิกฤตแบบนี้
    .
    5.เหตุผลเพราะนโยบายเหล่านี้จะทำให้เกิดประเด็นทางการเมืองตามมา เพราะฝ่ายค้านก็อาจจะมองว่ามีอีกหลายประเด็นที่จะต้องทำ (สุดท้ายก็จะเถียงไป เถียงมา)
    .
    6.รัฐบาลอิตาลีตอนนี้กำลังพิจารณางบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเท่าตัว เป็น 2.5 หมื่นล้านยูโร หรือ สัดส่วน 1.2% ของ GDP และอาจจะทำให้สัดส่วนขาดดุลเพิ่มเป็น 3.3% ในปีนี้ (ตัวเลขจริงอาจจะมากกว่านี้เพราะรายได้จากภาษีจะลดลงอย่างมีนัยยะ)
    .
    7.แม้ว่าตอนนี้สหภาพยุโรปจะยืดหยุ่นให้กับอิตาลีมากขึ้น แต่การกู้ยืมเงินมากขึ้นก็จะทำให้อิตาลีมีปัญหาระดับหนี้ได้เหมือนกัน
    .
    ทั้งนี้รัฐมนตรีต่างประเทศอิตาลีเองก็ขอแรงสนับสนุนจาก ธนาคารกลางยุโรปเช่นกัน เดี๋ยวต้องรอดูผลว่าจะเป็นอย่างไร
    .
    ============
    .
    อีกหนึ่งประเทศพี่ใหญ่ในยุโรป คือ เยอรมนีครับ
    .
    1.เยอรมนีเริ่มต้นรับมือกับวิกฤตครั้งนี้ด้วยความขี้เหนียว ใช้เงินไม่เยอะ ปล่อยสินเชื่อไม่แยะ
    .
    2.แต่ตอนนี้เร่ิมใช้นโยบาย whatever it takes ทุ่มสุดตัวเหมือนกันครับ โดยจะเพิ่มการขายพันธบัตรมากขึ้น โดยธนาคารกลางยุโรปจะซื้อพันธบัตรเหล่านี้ เพื่อทำให้อัตราดอกเบี้ยต่ำลง
    .
    3.ตอนนี้รัฐบาลกำลังเตรียมมาตรการในการปกป้องพนักงานและบริษัทห้างร้านต่างๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อเตรียมสภาพคล่องให้เพียงพอสำหรับการผ่านพ้นวิกฤตไปให้ได้ และผ่านไปได้อย่างดีด้วย
    .
    4.เช่นการจ่ายเงินชดเชยสำหรับ นายจ้างและลูกจ้างที่ลดเวลาการทำงานลง และปกป้องสภาพคล่องผ่านวาณิชธนกิจ
    .
    5.นอกจากนี้ยังใช้มาตรการเลื่อนการจ่ายภาษี และยกเลิกการทำโทษกรณีที่จ่ายภาษีช้า
    .
    6.และยังจะให้เงินกู้สำหรับธุรกิจ และการการันตีเงินกู้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น
    .
    7.”สำหรับผมมองว่า เป็นนโยบายที่ดีทั้งในแง่ของขนาดของมาตรการ และแนวทางนโยบายที่เอามาใช้แบบเน้นๆเฉพาะกลุ่มไปเลย” แต่สิ่งที่ต้องการคือ ต้องการยืมเงินมากขึ้น (จากธนาคารกลางยุโรป)
    .
    แต่ยังคงต้องติดตามข้อจำกัดของเยอรมันเองด้วยเช่นกัน (กฏเกณฑ์เยอะเกิ๊น สำหรับเยอรมนี แต่ก็เข้าใจได้)
    .
    ============
    .
    สำหรับฝรั่งเศส ตอนนี้ก็ใช้มาตรการหลายอย่างครับ
    .
    1.หลักๆแล้วเน้นไปที่การช่วยเหลือเรื่องการจ่ายหนี้ และผ่อนคลายกฏเหล็กหลายอย่าง เช่น การช่วยเหลือการจ่ายหนี้สูงสุดถึง 70% ของยอดหนี้
    .
    2.รวมถึงการยกเลิก การทำโทษกรณีการจ่ายหนี้ช้าตามสัญญาที่ทำกับรัฐบาลและจ่ายภาษีช้า
    .
    3.นอกจากนี้รัฐมนตรีคลังฝรั่งเศสเองก็ยังได้ริเริ่มการใช้มาตรการเศรษฐกิจแบบฉุกเฉิน
    .
    โดยข้อดีคือ ฝรั่งเศสมีการรวมศูนย์ของการบริหารงานมากกว่าเยอรมนี ทำให้ข้อจำกัดน้อยกว่า เยอรมนี
    .
    4.ทำให้รัฐบาลจะสามารถใช้นโยบายที่ทำให้เกิดความร่วมมือระหว่าง ภาคส่วนต่างๆของเศรษฐกิจในภาพรวมได้
    .
    5.นอกจากนี้รัฐบาลยังตอบสนองข้อเรียกร้องของประชาชนมากกว่า เพราะฉะนั้นก็น่าจะคาดหวังได้เลยว่าน่าจะมีมาตรการมากกว่านี้ ถ้าสถานการณ์แย่ลง
    .
    6.แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ยอดขาดดุลของฝรั่งเศสก็สูงมากแล้วและมีโอกาสที่จะแหกกฏนโยบายการคลังของสหภาพยุโรป (คิดเป็นสัดส่วน 3.2% ของ GDP)
    .
    ทำให้อาจจะเป็นอุปสรรคในการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคต
    .
    ============
    .
    ส่วนญี่ปุ่นเองก็ใช้มาตรการจัดหนักครับ
    .
    1.สดๆร้อนๆ นโนบายการคลังรัฐบาลตอนนี้เน้นไปที่สาธารณสุข และคนหรือบริษัทที่ได้รับผลกระทบ โดยหลักๆเน้นๆไปที่ SMEs ครับ
    .
    2.โดยก่อนหน้านี้ไม่นานก็เพิ่ง ใช้มาตรการใช้จ่ายสูงถึง 4.5 แสนล้านเยน เช่น การสร้างคลินิกหมอแห่งใหม่ และการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกทางการแพทย์
    .
    นอกจากนี้ยังช่วยพ่อแม่ที่ทำงานอยู่ แต่จำเป็นต้องลางานเพราะโรงเรียนปิด , และช่วยเหลือ SMEs
    .
    3.ไม่ใช่แค่นี้ครับรัฐบาลยังอัดเงิน 1.6 ล้านล้านเยนในการช่วยเหลือทางการเงินแก่ SME และธุรกิจอื่นๆที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดครั้งนี้
    .
    ”เป็นนโยบายที่ดีเลยแหละในความเห็นของผม” และรัฐบาลยังสามารถประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้
    .
    4.นี่เป็นมาตรการที่นอกเหนือจากนโยบายการคลังที่อัดเงินไปแล้วกว่า 13.2 ล้านล้านเยน ที่ประกาศไปตั้งแต่เดือนธันวาคม โดยจะทยอยแบ่งเอาไปใช้หลายๆไตรมาส
    .
    5.ทั้งนี้รัฐบาลกำลังพิจารณาเงินก้อนใหม่ช่วงเดือน เมษายนมูลค่า 10-20 ล้านล้านเยน ซึ่งรวมถึงมาตรการในการให้เงินสดแก่ประชาชนด้วยครับ
    .
    6.ข้อควรระวังคือ ตอนนี้ธนาคารกลางญี่ปุ่นค่อนข้างถูกบีบหนักกว่าธนาคารกลางอื่นๆครับ เพราะมีปัญหาเหมือนกัน แต่ดันมีปัญหาค่าเงินเยนแข็ง
    .
    และเจอภาวะเงินฝืด และเจอเศรษฐกิจชะลอตัวกดดันอีก
    .
    7.แต่ข้อดีคือ มีความยืดหยุ่นในการใช้เงินซื้อสินทรัพย์ต่างๆและซื้อปริมาณเท่าไหร่ก็ได้
    .
    8.โดยปกติแล้วธนาคารกลางญี่ปุ่นจัดหนักซื้อ ETF มูลค่ากว่า 1 แสนล้านเยนในทุกๆวัน โดยเข้าแทรกแซงตลาดในเดือนมีนาคม สูงกว่าก่อนหน้านี้ที่ใช้งบวันละ 7 หมื่นล้านเยน
    .
    9.นอกจากนี้ยังให้สภาพคล่องกับตลาด ผ่าน repo และยังอาจจะเพิ่มเป้าหมายการซื้อ ETF ในการประชุมเดือน มีนาคมนี้ด้วย
    .
    ============
    .
    โอเค ถึงประเทศสุดท้ายละครับ คือจีน
    .
    1.”นับว่าเป็นนโยบายการเงินและการคลังที่ได้ผลและตรงจุดมากที่สุด” เฮียแกชมใหญ่เลยครับ
    .
    2.ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ จีนเป็นประเทศที่มีความสามารถในการใช้นโยบายการเงินและการคลังร่วมกัน และไม่มีปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และมีผู้กำหนดนโยบายเศรษฐกิจที่ฉลาดสุดๆ
    .
    3.จีนประกาศมาตรการการคลังโดยใช้สัดส่วนประมาณ 1.2% ของ GDP ไม่นับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
    .
    เช่น การยกเลิกการจ่ายเงินให้กับสังคม เช่น บำนาญ, การว่างงาน, ประกันการบาดเจ็บในที่ทำงาน, ลดการจ่ายเงินสมทบด้านประกันสุขภาพ
    .
    ลดภาษี VAT สำหรับบริษัทต่างๆ
    .
    4.ในขณะเดียวกันก็ลดค่าไฟ ค่าแก๊สสำหรับบริษัทห้างร้านต่างๆ
    .
    5.นอกจากนี้ยังมีเงินชดเชยให้กับบริษัทเล้กๆในระดับท้องถิ่น
    .
    ส่วนถ้าเป็นระดับชาติ ทางรัฐบาลก็ใช้มาตรการในการสนับสนุนบางอุตสาหกรรม และยกเลิกมาตรการควบุคมหลายอย่าง เช่น การชะลอการนับ NPL หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
    .
    6.ธนาคารกลางจีนสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง เช่นนโยบายอัตราดอกเบี้ย และสามารถเพิ่มหรือลดการปล่อยสินเชื่อในอุตสาหกรรมที่จีนต้องการอยากจะเห็น ให้เพิ่มหรือลด
    .
    7.จีนจัดหนักทั้งลดดอกเบี้ย ลดเงินฝากขั้นต่ำที่ธนาคารพาณิชย์ต้องเก็บไว้เป็นเงินสำรอง
    .
    นอกจากนี้ก็เสริมสภาพคล่องให้และจัดตั้งแพคเกจช่วยเหลือบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสมูลค่าสูงถึง 7.9 หมื่นล้านเหรียญ
    .
    8.นอกจากนี้ยังเปลี่ยนนโยบายการบริหารเป็นการบริหารด้วยความรอบคอบ แต่มีความยืดหยุ่นที่เหมาะสม
    .
    9.และยังมีมาตรการกว่า 30 มาตรการในการช่วยเหลือบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาด โดยเน้นไปที่ SMEs เช่น การปล่อยกู้, การลดต้นทุนการกู้เงิน
    .
    ============
    .
    สรุปคือ สิ่งที่คุณ Ray Dalio เชื่อ มีตามนี้ครับ
    .
    1.การที่ลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 0% โดยขาดการใช้มาตรการของธนาคารกลางที่มีประสิทธิภาพอื่นๆ จำเป็นต้องใช้มาตรการทางการคลังที่มีคิดเป็นเม็ดเงินมหาศาลมากๆ
    .
    และจะต้องมีเป้าหมายไปช่วยเหลือกลุ่มคนที่เจอปัญหาจริงๆจากโควิด ไม่ใช่หว่านแหไปมั่วๆ
    .
    และต้องได้รับความร่วมมือกับธนาคารกลางในการลดดอกเบี้ยและจัดเต็มเสริมสภาพคล่องให้กับระบบการเงิน
    .
    2.ตอนนี้มาตรการตอบโต้รับมือ กับโควิดยังถือว่าไม่พอ ทั้งในแง่ขนาด, การโฟกัสเน้นไปที่กลุ่มคนที่เจอปัญหา และความร่วมมือกันอย่างเต็มที่
    .
    3.ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเริ่มเห็นความร่วมมือระหว่างนโยบายการจัดหนักจัดเต็มของทั้งนโยบายการเงินและนโยบายการคลัง
    .
    4.สิ่งที่เป็นปัญหาคือ ความเหลื่อมล้ำระหว่างความมั่งคั่งและปัญหาทางการเมือง
    .
    โดยจะเป็นบททดสอบความร่วมมือกันและช่วยเหลือกัน มากกว่าการทำลายล้างกัน ในการจัดการกับปัญหาเหล่านี้
    .
    ============
    .
    วันนี้ยาวมาก ยาวจริงจัง แต่ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านนะครับ
    .
    ถ้าอ่านจบแล้วอยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันก็จัดมาที่คอมเม๊นท์ข้างล่างนี้ได้
    .
    .
    ปล.แอด จะพยายามหาเรื่องดีๆ ที่เป็นประโยชน์กับนักลงทุนไทยมากฝาก เรื่อยๆนะครับ
    .
    แต่ถ้าอ่านแล้วชอบ อยากสนับสนุนแอด ก็รบกวนขอกด Like กด แชร์ เพจเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ :)
    .
    ========
    .
    เริ่มต้นวันนี้ดีที่สุด ขอให้ทุกท่านโชคดีและมีอิสรภาพในการใช้ชีวิต
    .
    อิสรภาพชีวิต !! อยู่ไหนก็ไม่พลาด อย่าลืมกดติดตามนะครับ หรือเพิ่มช่องทางการสื่อสารได้เลย
    .
    ส่งข่าวสารถึงมือผ่าน Line@: http://bit.ly/TAM-EIG_LINE
    คลิกเลย

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บทเรียนโควิด-19 จากจีน: อย่าให้ผู้ป่วยจ่ายเงินค่าตรวจเชื้อและค่ารักษาเอง โดย THE STANDARD TEAM
    12.03.2020
    UPDATE_TEMPLATE-20202-4-4.jpg
    สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศจีน ตอนนี้ถือได้ว่าส่งสัญญาณบวกในการควบคุม และยับยั้งการแพร่ระบาดหลังตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในแต่ละวัน มีจำนวนน้อยลงจากหลักร้อยเป็นหลักสิบ โดยตัวเลขล่าสุดเมื่อวานนี้ (11 มีนาคม) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มเพียง 24 ราย

    ความสำเร็จขั้นต้นที่เกิดขึ้นนี้ เป็นผลจากบทเรียนสำคัญอย่างหนึ่งที่รัฐบาลจีนต้องการชี้ให้รัฐบาลอื่นๆ ทั่วโลก ที่กำลังประสบปัญหาการระบาดของโควิด-19 ได้เห็น คือการเตรียมพร้อมงบประมาณ สำหรับจ่ายค่าตรวจเชื้อ และค่ารักษาแก่ผู้ป่วยทุกคน

    หนังสือพิมพ์ South China Morning Post เผยแพร่บทความที่ชี้ให้เห็นถึงบทเรียนสำคัญของจีน ในการเตรียมพร้อมงบประมาณเพื่อดูแลค่าตรวจเชื้อและค่ารักษา เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยที่มีรายได้น้อย หลีกเลี่ยงการตรวจรักษาเนื่องจากกลัวค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

    โดยผู้เชี่ยวชาญจีน ชี้ว่าผลกระทบจากการหลบเลี่ยงการตรวจรักษาเพราะกลัวค่าใช้จ่ายนั้น จะยิ่งส่งผลให้สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น ขณะที่ข้อมูลจากวารสารการแพทย์จีนชี้ว่าปกติแล้ว ค่าตรวจโรคโควิด-19 ของจีนจะอยู่ที่ประมาณ 370 หยวน (ราว 1,676 บาท) ส่วนค่ารักษา หากเทียบจากโรงพยาบาลในนครเซี่ยงไฮ้ จะอยู่ที่ประมาณ 23,000 หยวน (ราว 104,100 บาท) สำหรับผู้สูงอายุ และ 5,600 หยวน (25,370 บาท) สำหรับเยาวชน

    นอกจากนี้ ยังมีวิธีการรักษาบางอย่าง เช่นการทำ ECMO หรือ ออกซิเจนเมมเบรนจากภายนอก (Extracorporeal Membrane Oxygenation) ซึ่งเป็นการให้ออกซิเจนในเลือดสำหรับผู้ป่วย เพื่อช่วยในการหายใจ ก็มีราคาค่อนข้างแพง แต่ทั้งหมดนี้เป็นส่วนที่รัฐบาลต้องสนับสนุนค่าใช้จ่าย ซึ่งรัฐบาลจีนจัดเตรียมงบประมาณกว่า 110,480 ล้านหยวน (ราว 500,000 ล้านบาท) เพื่อสนับสนุนอุปกรณ์การรักษา และค่าใช้จ่ายสำหรับแพทย์และพยาบาลไว้แล้ว

    สำหรับในประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐฯ ที่ตอนนี้พบผู้ติดเชื้อแล้วเกือบ 1,000 คน พบว่าสิ่งที่ประชาชนไม่น้อยพากันกังวล คือค่าใช้จ่ายจากการตรวจหาเชื้อที่ค่อนข้างสูง โดยรัฐบาลสหรัฐฯ มีนโยบายไม่คิดค่ารักษาสำหรับการตรวจหาเชื้อในโรงพยาบาลที่ทางการกำหนดไว้ แต่การเดินทางไปยังโรงพยาบาลเหล่านี้ ก็มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามมาอีกไม่น้อย ซึ่งบางรายต้องจ่ายเงินถึง 3,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 101,000 บาท) สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปตรวจเชื้อ

    ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาด (CDC) ของสหรัฐฯ ระบุว่า ในวันจันทร์ (9 มีนาคม) ที่ผ่านมา มีประชาชนเข้ารับการตรวจหาเชื้อเพียง 1,707 คน ขณะที่อาจมีผู้ป่วยบางรายไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลหรือศูนย์การแพทย์ท้องถิ่นอื่นๆ ที่ภาครัฐไม่มีข้อมูล

    ขณะที่แนวโน้มผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ ตอนนี้ อาจเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก โดยผลการศึกษาจากศูนย์การแพทย์ Cedars-Sinai ในนครลอสแอนเจลิส ประเมินว่าอาจมีผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม อยู่ที่ราว 1,043 คน จนถึง 9,484 คน

    เกาหลีใต้ที่พบผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 7,800 คน รัฐบาลเกาหลีใต้และบริษัทประกันภัย ต่างก็ประกาศตั้งแต่เดือนมกราคมว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการตรวจหาเชื้อ กักตัว และรักษาผู้ติดโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานีตรวจหาเชื้อ รวมถึงจุดบริการตรวจเชื้อแบบ Drive-through หรือขับรถผ่าน ทำให้มีประชาชนเข้ารับการตรวจเชื้อวันละกว่า 15,000 คน

    ส่วนญี่ปุ่น รัฐบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของโควิด-19 ทั้งการตรวจหาเชื้อและการรักษา

    ขณะที่อังกฤษก็เปิดให้ประชาชนเข้ารับการตรวจหาเชื้อโดยไม่มีค่าใช้จ่ายตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และจนถึงตอนนี้ มีผู้เข้ารับการตรวจแล้วกว่า 18,000 คน ในจำนวนนี้พบผู้ติดเชื้อ 373 คน

    ทั้งนี้ ศาสตราจารย์เดิร์ก ไฟฟ์เฟอร์ จากมหาวิทยาลัยซิตี้ในฮ่องกง ชี้ว่าการจ่ายค่าตรวจรักษาโควิด-19 เองนั้น จะขัดขวางความพยายามในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส

    “เห็นได้ชัดว่า ไม่ว่าที่ไหนที่คุณต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล บุคคลที่มีอาการไม่รุนแรงและอยู่ในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยจะลังเลที่จะไปโรงพยาบาล และบางทีอาจจะเป็นกรณีที่เกิดขึ้นในกลุ่มผู้ติดเชื้อโรคระบาดร้ายแรงด้วย พฤติกรรมเหล่านี้จะทำให้การแพร่ระบาดยิ่งขยายตัวมากขึ้น” ศาสตราจารย์ไฟฟ์เฟอร์ กล่าว

    พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

    อ้างอิง:

    https://thestandard.co/coronavirus-lesson-from-china/
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก China Report ASEAN - Thailand

    เส้นใยนาโนที่ใช้ผลิตหน้ากาก มีขนาดเท่าไวรัสโควิด-19
    .
    1.จีนเผยนวัตกรรมใหม่ 'หน้ากากอนามัย KN95' สวมใส่ป้องกันไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะ
    .
    2.หน้ากากอนามัย KN95 ผลิตจากเทคโนโลยีนาโน ผลิตโดยสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน สามารถทำความสะอาดและใช้ซ้ำได้หลายครั้ง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อหน้ากากอนามัยใหม่
    .
    3.คุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมของหน้ากากอนามัยรุ่นใหม่นี้คือ เส้นใยนาโนที่ใช้ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 นาโนเมตร เท่ากับขนาดของไวรัส จึงช่วยปกป้องเชื้อไวรัสให้กับผู้ใส่ได้
    .
    4.หน้ากากอนามัยรุ่นนี้ นำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก เพียงทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ และใช้ได้นาน 10-12 วัน
    .
    5.หน้ากากรุ่นใหม่เตรียมวางจำหน่ายในท้องตลาดจีนในอีกครึ่งเดือนข้างหน้า
    .
    6.ชมวีดิโอ ได้ที่นี่ครับ https://www.xinhuathai.com/vdo/วิทย...l9FObQ3H37Fvq5QuFqyob4syM-lKDEskVUTZCgq4AaQNg
    .

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Michael DiFato

    การวัดสนามแม่เหล็ก ACE (B_x, B_y, B_z) ถ่ายเมื่อวันที่ 15 มีนาคม
    ส่วนประกอบของสนามที่ถูกบีบอัดนั้นเป็นเครื่องบ่งชี้ว่ามีการรบกวนอย่างรุนแรงในสนามแม่เหล็กของดาวเคราะห์และมีอำนาจเหนือสนามแม่เหล็กของโลก
    [สวิงรุนแรง]
    FB_IMG_1584404566216.jpg
    ACE Magnetic Field (B_x, B_y, B_z) measurements taken March 15.
    Compressed field components giving indications of strong disturbances in the Interplanetary Magnetic Field and dominating the Magnetosphere of the Earth.
    [Wild swings]

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ดูจากข้อมูลแล้วมนุษยชาติไม่น่าจะรอดและจากความเห็นส่วนตัวมนุษยชาติก็ไม่สมควรรอดจริงๆ

    Michael DiFato
    FB_IMG_1584404775361.jpg
    โลกระเบิดด้วยแมกนินซ่าเมื่อไม่นานมานี้ ส่งผลให้ การไหลวนของ Magnetons สร้างขึ้นหลังโลก มันจะเป็นเหตุการณ์ตอนเย็น ... ...

    Earth blasted with magnetonsa short while ago. Resulting Eddy Flow of Magnetons build behind the Earth. It's going to be a eventfull evening...
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก คัดข่าว

    COVID19...และกัญชา
    .
    ช่วงวิกฤต #โควิด19 ทำให้คนกลัวจะปิดเมือง กลัวข้าวของจะขาดแคลน จึงพากันตื่นตกใจแห่กันไปเข้าคิวตุนซื้อหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ กระดาษชำระ ข้าวสาร มาม่า น้ำดื่ม

    แต่ที่เนเธอร์แลนด์กลับแห่กันเข้าคิวไปซื้อ “กัญชา” ตุนเอาไว้ก่อน

    #COVID19 #ไวรัสโคโรนา #Coronavirus

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก Thailand Investment Forum

    #ไม่มีที่ให้ไปแล้วจ้าแม่
    FB_IMG_1584405928752.jpg
    Ref ราคาในรูป: CNBC.com ณ 21.18น.

    ทั้งนี้ CNBC รายงานความเห็นจากนักวิเคราะห์ว่า สัปดาห์ก่อนที่นักลงทุนเทขายทองคำแม้หุ้นจะตก ก็เพราะต้องการสภาพคล่องไปเสริมผลขาดทุนจากหุ้น แต่เข้ามาสัปดาห์นี้ แม้ FED จะหั่นดอกเบี้ยลงใกล้ 0% แต่หุ้นก็ยังตกแรง นักลงทุนจึงขายสินทรัพย์เสี่ยงอย่างทองคำ ตามออกมาด้วย โดยล่าสุดคืนนี้เหมือนจะไหลเข้าตลาดพันธบัตรสหรัฐและอังกฤษแทน ซึ่งดูจาก Bond yields ที่ปรับลดลงมาก พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ให้ผลตอบแทน 0.84% ต่อปี พันธบัตรรัฐบาลอังกฤษ อายุเท่ากัน ให้ผลตอบแน 0.39% ต่อปี

    Ref: cnbc.com/2020/03/16/gold-markets-fed-rate-cut-in-focus.html และ cnbc.com/bonds

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก Jeerachart Jongsomchai

    ... "เวียตนาม : หยุดรับนักท่องเที่ยวจากอังกฤษและเชงเก้นยุโรปแล้ว"

    ... โดยจะพักวีซ่าท่องเที่ยวจากอังกฤษ ไอร์แลนด์ และเชงเก้นวีซ่า ( ที่ประกอบด้วยประเทศในยุโรป 26 ประเทศ )ออกไปก่อนหนึ่งเดือน รวมทั้ง Visa on Arrival กับทุกประเทศที่เคยได้รับสิทธิ์ หยุดพักก่อนด้วยเช่นกัน แต่วีซ่าธุรกิจและการทูตจะยังมาได้แต่ก็ต้องรับการตรวจโรคอย่างละเอียดหรือแม้แต่อาจจะต้องถูกกักบริเวณก็ตาม โดนมีผลเริ่มเมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม 2020 ที่ผ่านมา

    ... ขณะที่สายการบินของเวียตนามแอร์ไลน์ก็จะไม่บินกลับไปที่สนามบินในลอนดอน แฟรงก์เฟิร์ต ปารีส ที่พิาจารณาว่าเป็นแหล่งอันตรายในการติดเชื้อไวรัส โดยเริ่มมีผลในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเหมือนกัน

    ... ขณะที่เมืองไซง่อนหรือโฮจิมินห์ ก็ได้ประกาศปิดโรงหนัง ผับบาร์ คาราโอเกะ ร้านนวด ดิสโกเธค ทั้งเมืองตั้งแต่เย็นวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังจากพบผู้ติดเชื้อมากขึ้นอีก

    ... การประกาศ "ปิดเมืองแบบอ่อนๆของเวียตนาม" ครั้งนี้มาจากเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2020 พวกเขาตรวจพบผู้ติดเชื้ออีก 6 คน รวมเป็น 53 ในวันนั้น

    ... แม้ว่าจะต้องสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวไปมากมายมหาศาล แต่ "การชั่งน้ำหนักความสำคัญ" ว่าชีวิตคนและการจะต้องเสียงบประมาณในการเฝ้ารักษาพยาบาลในอนาคตถ้าติดการระบาดมันจะมีมากกว่า รัฐบาลเวียตนามก็ต้องกระทำออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด

    .

    ... https://www.bloomberg.com/news/arti...nd-entry-of-tourists-from-uk-schengen-nations

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    PSX_20200317_075908.jpg

    (Mar 17) พิษโควิด-19!ดาวโจนส์ดิ่งเกือบ 3 พันจุด,น้ำมันร่วง$3แตะ$28 ทรัมป์รับศก.สหรัฐฯส่อถดถอย : วอลล์สตรีทในวันจันทร์(16มี.ค.) ดิ่งลงหนัก ทำสถิติเป็นวันเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 1987 หลังโควิด-19ปิดตายหลายภาคส่วนของสหรัฐฯและเศรษฐกิจโลก ปัจจัยนี้ฉุดน้ำมันร่วงต่อและทองคำดิ่งเหว 30 ดอลลาร์

    ดาวโจนส์ ลดลง 2,997.10 จุด (12.93 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 20,188.52 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 324.89 จุด (11.98 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,386.13 จุด แนสแดค ลดลง 970.28 จุด (12.32 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,904.59 จุด

    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยอมรับเป็นครั้งแรกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจกำลังดิ่งสู่ภาวะถดถอย ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ คำพูดที่ตรงกับความคิดเห็นของพวกนักเศรษฐศาสตร์ "ตลาดจะต้องดูแลตัวเอง" ทรัมป์กล่าว "ตลาดจะแข็งแกร่งอย่างเร็วที่สุด ทันทีที่เรากำจัดไวรัสได้"

    ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐฯมีขึ้นแม้เมื่อคืนวันอาทิตย์(15มี.ค.) ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ประกาศใช้มาตรการฉุกเฉินต่างๆนานา ในนั้นรวมถึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยสู่ 0-0.25% ระดับเดียวกับเมื่อครั้งวิกฤตการเงินโลกปี 2008 และเฟดยังได้ปรับลดอัตราการกันสำรองของธนาคารจำนวนหลายพันแห่งสู่ระดับ 0%

    นอกจากนี้ เฟดยังได้ประกาศความร่วมมือกับธนาคารกลางระดับโลก เช่น ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางแคนาดา ธนาคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารกลางสวิส ในการเพิ่มสภาพคล่องของดอลลาร์ทั่วโลกผ่านทางข้อตกลงสวอประหว่างธนาคารกลางดังกล่าว

    การดำเนินการของเฟดในครั้งนี้ ถือเป็นมาตรการครั้งใหญ่ที่สุดภายในวันเดียวที่เฟดเคยดำเนินการ และมีขึ้นก่อนที่เฟดมีกำหนดจัดการประชุมในวันที่ 17-18 มีนาคม

    ด้านราคาน้ำมันขยับลงต่ำสุดในรอบ 4 ปีในวันจันทร์(16มี.ค.) โดยสัญญาสหรัฐฯหลุด 30 ดอลลาร์ ปักหัวตามตลาดทุนโลก หลังความเคลื่อนไหวของเฟดไม่อาจสกัดกั้นความตื่นตระหนกของนักลงทุนอันมีต้นตอจากการแแพร่ระบาดของโควิด-19

    สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 3.03 ปิดที่ 28.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ลอนดอนงวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 3.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 30.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    ตลาดน้ำมันขยับลงต่อเนื่องมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว เมื่อรัสเซียและซาอุดีอาระเบียเริ่มทำสงครามราคาน้ำมันดิบ หลังการเจรจาปรับลดกำลังผลิตเมื่อช่วงต้นเดือนพังครืนลง ท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

    ส่วนราคาทองคำในวันจันทร์(16มี.ค.) ปิดลบแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม หลังการตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยของเฟดไม่อาจสกัดกั้นการดิ่งลงในตลาดหุ้น กระตุ้นให้นักลงทุนตะเกียกตะกายถือครองเงินสดแทน โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 30.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,486.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์

    Source: ผู้จัดการออนไลน์
    https://mgronline.com/around/detail/9630000026616

    เพิ่มเติม
    - Dow drops nearly 3,000 points, as coronavirus collapse continues; worst day since ’87 https://www.cnbc.com/2020/03/15/tra...m.html?__source=sharebar|twitter&par=sharebar

    - เฟดเล็งซื้อคืนพันธบัตร 5 แสนล้านดอลลาร์วันนี้ หวังเพิ่มสภาพคล่องระบบการเงิน: https://www.ryt9.com/s/iq27/3105898
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    PSX_20200317_080550.jpg

    (Mar 17) สหภาพยุโรปเตรียมประกาศมาตรการจำกัดการเดินทางเข้าสหภาพยุโรปกรณี all non-essential travel จากประเทศที่สามทั้งหมด ชั่วคราวเป็นเวลา 30 วัน เพื่อยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ Covid-19 ขณะที่ สหราชอาณาจักรเริ่มประกาศมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น :

    นาง Ursula von der Leyen ประธานกรรมาธิการยุโรปประกาศ “guidelines on border measures” ผ่าน tweeter โดยมีรายละเอียดเบื้องต้นดังนี้
    (1) กำหนดให้มีการจำกัดการเดินทางเข้าสหภาพยุโรปกรณี all non-essential travel เป็นเวลา 30 วัน ยกเว้นกรณีผู้พักอาศัยระยะยาวในสหภาพยุโรป (long term residence) สมาชิกครอบครัวของคนในสหภาพยุโรป หรือ essential staffs เช่น หมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพ นักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องการเชื้อไวรัส เป็นต้น

    (2) กำหนดให้มี green lane / fast lane ยกเว้นกรณีการเดินทางหรือการขนส่งสินค้าที่มีความจำเป็นสำหรับ economic mobility ของสหภาพยุโรป อาหาร ยา เครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ ชิ้นส่วนอุปกรณ์การผลิต รวมถึงคนที่เดินทางข้ามพรมแดนเพื่อไปทำงานในอีกประเทศเป็นปกติ เป็นต้น

    นาย Boris Johnson นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ประกาศมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ในสหราชอาณาจักร โดยกำหนดว่า “everyone should now avoid social contact with others and stop non-essential travel” ซึ่งรวมไปถึงการให้เริ่มทำงานจากที่บ้านหากสามารถทำได้ และหลีกเลี่ยงการเข้าใช้บริการ pubs clubs และ theatres โดยขอให้ผู้ที่อาจมี serious condition เช่น ผู้สูงอายุ หลีกเลี่ยงการมี social contact เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พร้อมร้องขอให้ประชาชนไปใช้บริการ NHS เฉพาะเท่าที่จำเป็น

    อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวยังมีข้อกำหนดที่น้อยกว่าหลายประเทศในสหภาพยุโรป อาทิ ฝรั่งเศส สวิสเซอร์แลนด์ เยอรมนี สเปน อิตาลี และ ไอร์แลนด์ ที่ประกาศปิด ร้านอาหาร โรงเรียน public venues จนถึงมาตรการปิดพรมแดน เพื่อพยายามสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19

    Source: BOTSS

    - The EU will ban all nonessential travel into Europe for 30 days to slow the spread of the coronavirus: https://www.businessinsider.com/coronavirus-eu-to-ban-non-essential-travel-for-thirty-days-2020-3
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    PSX_20200317_080921.jpg

    (Mar 16) เยอรมนีเบรคสหรัฐ แอบทาบซื้อบริษัท ‘วัคซีนโควิด-19’ : นายไฮโก มาส รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศเยอรมนีให้สัมภาษณ์กับกลุ่มสื่อท้องถิ่น “ฟุงเคอ” (Funke) ในวันจันทร์ (16 มี.ค.) ว่า สิทธิในการวิจัยวัคซีนต้านโรคโควิด-19 “ไม่ได้มีไว้ขาย” บรรดานักวิจัยเยอรมันมีบทบาทนำในการพัฒนายาและวัคซีน และรัฐบาลไม่อาจปล่อยให้ผู้อื่นมาคว้าผลลัพธ์งานวิจัยนี้ไปครองได้

    ความเห็นของนายมาสมีขึ้นในช่วงที่คณะนักวิทยาศาสตร์หลายประเทศแข่งขันกันพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ที่คร่าชีวิตผู้ป่วยกว่า 6,000 คนทั่วโลก รวมทั้งทำให้ประชาชนหลายล้านคนถูกกักกันโรคและสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดโลก
    ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์เวลต์ อัม ซอนน์ทากของเยอรมนีรายงานอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดรัฐบาลว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เสนอเงินจูงใจ “หลายพันล้านดอลลาร์” ให้บริษัทเคียววัคย้ายไปวิจัยในสหรัฐ เพื่อให้สิทธิเข้าถึงวัคซีนโรคโควิด-19 เป็นของสหรัฐเพียงผู้เดียว

    รายงานอ้างแหล่งข่าวในกระทรวงสาธารณสุขด้วยว่า รัฐบาลเยอรมนีพยายามอย่างยิ่งที่จะสร้างความมั่นใจว่าวัคซีนและสารต้านไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่จะพัฒนาขึ้นในเยอรมนีและยุโรป เพราะประธานาธิบดีทรัมป์กำลังพยายามอย่างเต็มที่ที่จะชิงผลงานวิจัยไป

    ขณะที่นายปีเตอร์ อัลต์ไมเออร์ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนี กล่าวถึงรายงานดังกล่าวต่อสถานีโทรทัศน์ เออาร์ดี เมื่อวันอาทิตย์ (15 มี.ค.) ว่า “เยอรมนีไม่ได้มีไว้ขาย”
    เช่นเดียวกับ นายฮอร์สต ซีโฮเฟอร์ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ตอบผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับรายงานที่ว่าเคียววัคโดนสหรัฐทาบทามในวันอาทิตย์ว่า เขาพูดได้เพียงว่าได้ยินข่าวนี้มาหลายครั้งจากเจ้าหน้าที่รัฐบาล และรัฐบาลก็จะหารือกันในวงประชุมคณะกรรมการฉุกเฉินในวันจันทร์

    ขณะที่บริษัทเคียววัคแถลงวานนี้ว่า บริษัทของดออกความเห็นเกี่ยวกับกระแสข่าวต่าง ๆ ในช่วงนี้ และขอปฏิเสธรายงานที่ว่ามีข้อเสนอซื้อกิจการบริษัทหรือเทคโนโลยีของบริษัท

    สำหรับเคียววัคเป็นบริษัทเอกชนที่ก่อตั้งเมื่อปี 2543 ปัจจุบันมีสำนักงานใหญ่อยู่ในรัฐทือริงเงิน ทางภาคกลางของเยอรมนี

    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    https://www.bangkokbiznews.com/news...dium=internal_referral&utm_campaign=todaynews

    เพิ่มเติม
    - Germany tries to stop US from luring away firm seeking coronavirus vaccine
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จ่อเลื่อน 'หยุดสงกรานต์' เป็น ก.ค.

    750x422_870960_1584344970.jpg
    16 มีนาคม 2563

    เสนอศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เลื่อนหยุดสงกรานต์-ปิดสถานบันเทิงก่อนเวลา

    **อัดเดท** ที่ประชุมคกก.บริหารสถานการณ์ COVID-19 เลื่อนสงกรานต์ 13-15 เมษายน ออกไปก่อน พื่อเพิ่มระยะห่างทางสังคม ลดการเคลื่อนย้ายคน ทั้งในประเทศและออกนอกประเทศ

    เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 63 รายงานข่าวจากที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ศูนย์ฯ ที่ประชุมเสนอให้เลื่อน หยุดสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน ให้ไปหยุดช่วงเดือนกรกฎาคมแทน โดยมอบให้กระทรวงมหาดไทยเสนอเรื่องเข้า ครม.ในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีการหารือเสนอให้ สถานบันเทิงต่างๆ ปิดในเวลา 20.00 น.

    รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นพ้องร่วมกัน เสนอปิด มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เริ่มสอน online ตั้งแต่ 1 เม.ย เป็นต้นไปจนกว่าจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

    https://www.bangkokbiznews.com/news...tions&utm_campaign=-19&utm_content=&utm_term=
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คัดข่าว
    dlf-bYLi&w=476&h=249&url=https%3A%2F%2Fcdn.thestar.com.my%2FThemes%2Fimg%2FnewTsol_logo_socmedia.png
    รัฐบาลสหรัฐจัดสรรงบช่วยรัฐบาลลาวในการปกป้องตัวเองจาก COVID19 จำนวน 1.9 ล้านเหรียญสหรัฐ
    โดยปัจจุบันประเทศลาวถือเป็นหนึ่งในสองประเทศในอาเซียนที่ยังไม่ตรวจพบผู้ป่วย COVID19 อีกประเทศคือประเทศพม่าโดยมีคำถามสำคัญคือลาวไม่มีผู้ป่วย Copa 19 จริงๆหรือ? เมื่อเพื่อนบ้านรอบประเทศลาวทุกประเทศมีผู้ป่วยCOVID 19 ทั้งสิ้น

    https://www.thestar.com.my/news/reg...4HJxtFKVuIFrpBo5txnBxUy5d4hFLIEeEs8YnPf67UiSU
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    ด่วน:

    ผู้ต้องขังมากกว่า 1,350 คน หลบหนีออกจากคุกในเซาเปาโลหลังจากตึงเครียดกับข้อ จำกัด ของ coronavirus ผู้คุมหลายหลายคนถูกจับเป็นตัวประกัน
    BREAKING:

    More than 1,350 inmates escape from prisons in São Paulo after tensions over coronavirus restrictions; several guards being held hostage.
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ออกมาเพื่อช่วยโลกเต็มตัว! Bill Gates ประกาศลาออกจากบอร์ดบริหาร Microsoft ทุ่มเวลาให้งานการกุศล เพื่อช่วยสู้โลกร้อน! การพัฒนา สุขภาพ และการศึกษา

    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา บริษัทไมโครซอฟท์ประกาศว่า Bill Gates กำลังลงจากตำแหน่งเก้าอี้บอร์ดบริหารแล้ว และเขาก็กำลังลงจากตำแหน่งบริหาร Berkshire Hathaway เช่นกัน

    โดยเขาได้ระบุผ่าน LinkedIn ว่าได้ตัดสินใจที่จะทุ่มเวลาให้แก่งานด้านสิ่งแวดล้อม สาธารณะสุข และการศึกษาให้มากยิ่งขึ้นผ่านมูลนิธิ Bill and Melinda Gates Foundation ของเขา โดยเผยว่าบริษัท Berkshire และ Microsoft ไม่เคยมีความเป็นผู้นำที่เข้มแข็งขนาดนี้มาก่อน ถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องทำสิ่งนี้”

    โดยมูลนิธิของเขาได้ทำงานเพื่อแก้ไขภาวะโลกร้อนมากขึ้น โดยในรายงานประจำปีของมูลนิธิ เขาได้เผยว่าโลกไม่สามารถแก้ไขปัญหาอย่างภาวะโลกร้อนได้หากไม่การลงทุนลงแรง โดยมันจะต้องได้รับความร่วมมือจากทั่วโลกในการสร้างสรรค์นวัตกรรมในทุกด้านเศรษฐกิจ อย่างการหันมาใช้พลังงานสะอาด และช่วยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโลกที่ร้อนขึ้น

    อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่า Bill Gates จะลงจากบอร์ดบริหารแล้วเขายังคงจะมีบทบาทในการที่จะช่วยบริหารทิศทางของบริษัทให้ตรงตามเป้าหมาย ด้วยการเป็นผู้ให้คำแนะนำด้านเทคโนโลยี (Technology Advisor)

    Bill Gates ก่อตั้ง Microsoft ร่วมกับ Paul Allen ผู้ล่วงลับเมื่อปี 1975 เขาเป็น CEO จนถึงปี 2000 หลังจากนั้นมาเป็นผู้อำนวยการของบอร์ดบริหารจนถึงปี 2014 เมื่อปี 2008 เขาหันมาทุ่มเทเพื่องานเพื่อสังคมและก่อตั้งมูลนิธิ Bill and Melinda Gates Foundation ซึ่งเป็นมูลนิธิส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยในปีหลังๆที่ผ่านมา ทางมูลนิธิได้ดำเนินงานเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น

    โดยก่อนหน้านี้ไม่นานได้มีข่าวว่าเขาได้สนับสนุนสตาร์ทอัพพลังงานสะอาด และกิจกรรมอื่นๆที่ช่วยโลกอยู่เรื่อยๆ

    ดูเหมือนโลกจะมีความหวังมากขึ้น ขอบคุณในความตั้งใจในการช่วยโลกให้พ้นจากหายนะโลกร้อน

    ที่มา

    https://www.linkedin.com/pulse/focusing-my-time-bill-gates/

    https://www.cnbc.com/…/bill-gates-leaves-microsoft-board.ht…

    https://www.washingtonexaminer.com/…/bill-gates-leaves-micr…

    เด็กหญิงแก้มยุ้ยเป็นมิตร
    environman
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฮ่องกงมีผู้ติดเชื้อเพิ่ม โดย 8 ใน 9 ได้ออกเดินทางไปต่างประเทศรวมทั้งประเทศไทย และหนึ่งในนี้มีศัลยแพทย์ รวมล่าสุดเป็น 158 ราย

    รายที่ 150 - ชายอายุ 37 ปี ได้เดินทางไปที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ และกลับมาฮ่องกงวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา ด้วยเที่ยวบิน CX270 เขาพักที่โรงแรม Hotel Icon ที่ Tsim Sha Tsui หลังกลับมาฮ่องกง

    รายที่ 151 - ชาวต่างชาติ วัย 30 ปี ได้เดินทางไปแอฟริกาตะวันตก และดูไบ เขานั่งเที่ยวบิน ‪EK380 ‬กลับมาฮ่องกงวันที่ 10 มีนาคม และได้เข้าพักที่ Whole Sunshine Internation Hotel ที่ Tsim Sha Tsui

    รายที่ 152 - ชายอายุ 73 ปี ได้เดินทางไปไคโร และกรุงเทพ เขากลับมาฮ่องกงวันที่ 13 มีนาคมด้วยเที่ยวบิน MS960 และพักที่บ้านที่ Oceania Heights ย่าน Tuen Mun

    รายที่ 153 - หญิงอายุ 26 ปี ซึ่งเป็นแฟนสาวของผู้ติดเชื้อรายที่ 143 เธอได้เดินทางไปฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น และได้นั่งเที่ยวบิน CX561 กลับมาฮ่องกงวันที่ 11 มีนาคม และพักที่บ้านที่ Pristine Villa ย่าน Tai Wai

    รายที่ 154 - หญิงอายุ 42 ปี ได้เดินทางไปออสเตรีย ลอนดอน และเยอรมนี เธอนั่งเที่ยวบิน BA0027 กลับมาฮ่องกงวันที่ 14 มีนาคม

    รายที่ 155 - ชายอายุ 58 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถของผู้ติดเชื้อรายที่ 143 เช่นกัน เขาอาศัยอยู่ที่ Diamond Hill

    รายที่ 156 - ชายอายุ 59 ปี ได้เดินทางไปออสเตรีย โดยพักอยู่ที่ Island Shangri-La ย่าน Admiralty และทำงานที่ Hopewell Center ย่าน Wan Chai

    รายที่ 157 - หญิงอายุ 42 ปี ได้เดินทางไปแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา และกลับมาฮ่องกงวันที่ 15 มีนาคม ด้วยเที่ยวบิน CX837

    รายที่ 158 – หญิงอายุ 42 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนกับผู้ติดเชื้อรายที่ 157 เธอได้เดินทางไปแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดาเช่นกัน และทำงานเป็นศัลยแพทย์ที่โรงพยาบาล Pamela Youde NetersoleEastern Hospital ย่าน Chai Wan

    ***ติดตามอัพเดทสรุปประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าในฮ่องกงได้ที่กระทู้ปักหมุด***
    https://www.facebook.com/119537452088669/posts/494989721210105/?d=n

    Source : https://www.facebook.com/chinadailyhkedition/photos/a.161168817241276/3196101763747951/?type=3

    #ข่าวฮ่องกง #khaohongkong

     

แชร์หน้านี้

Loading...