เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

พอเราบอก พอเราเตือน ยังมีหน้ามาขำ..

แทนที่จะสำนึก แล้ว แก้ไขตนเอง..

ลิงหลอกเจ้า คบไม่ได้!!!

 

ถ้าสมมุติ นิ้วมือเรา ชี้เป็นชี้ตาย คนได้ เราจะชี้ไปที่คนไม่ยอมแก้ไขตนเองนี้แหละ ก่อนใครเพื่อน..

คนศึกษา ปฏิบัติธรรม กลับ ทำเป็นเล่นซะเอง แทนที่จะตั้งใจปฏิบัติ ขัดเกลาจิตใจตน กลับมาใช้ หลักธรรม ตามหาคู่ เพื่อสนอง กามราคะ ที่มันระอุในใจตน..

ยังงี้พระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองได้ยังไง อุบาสก อุบาสิกา ไม่พร้อมดูแลรักษา..

 

การดูแลรักษาที่ดีที่สุด คือ การน้อมนำคำสอนพระพุทธองค์มาประพฤติ ปฏิบัติ ด้วยตนเอง..

 

ให้ทุกคนเอาไปคิดทบทวนดูดีๆนะ..

เกิดเป็นคนพุทธ มีพระรัตนตรัย เป็นสรณะ..

อย่าเป็นผู้ทำลายซะเอง..

คำสอนพระพุทธองค์ เท่านั้น ที่เยียวยา ให้โลกสงบสุข..

อุบาสก อุบาสิกา ควรหันมาดูแลรักษา อย่างจริงจัง ซะที..

 

ถ้าไม่เริ่มที่ตนเอง ถ้าไม่เริ่มปฏิบัติด้วยตนเอง จะรอให้ใครมาดูแลรักษาให้..

พระพุทธองค์ ฝากหลักธรรมคำสอนไว้ให้ พุทธบริษัท ทั้ง4 ช่วยสืบสานงานของพระองค์ แต่ พุทธบริษัท ทั้ง4 กลับไม่สนใจใส่ใจ..

แล้วจะเหลืออะไร ให้มนุษย์ ได้อยู่เย็นเป็นสุข..

 

รีบแก้ไขตนเองเสียแต่วันนี้ละ จะรอให้ใครมาทำ ถ้าตนเองไม่ทำเอง..

รีบปฏิบัติด้วยตนเองตั้งแต่วันนี้ละ จะรอปฏิบัติเมื่อไหร่ อายุคนมันไม่ได้ยืนยาว

อย่าให้เสียชาติเกิด..

 

เอาล่ะ พอ..

 

สวัสดีครับท่านจิตยิ้ม

 

พอเตือนก็ เห็นว่า ด่าตน..

พอเตือน แรง ก็รับไม่ได้..

ยังเห็น ผู้พูด ผู้ฟังอยู่ ยังห่างไกลธรรมอยู่มาก..

 

จบชาตินี้ ไม่ต้องอธิษฐานมาเกิดร่วมชาติกับเราอีกนะ โพธิสัตว์ที่อ่อนแอให้กับโลก ไปเกิดสร้างบารมี ด้วยตนเองเลย..

 

ที่จริงนะคะ ถ้าเราอยากรู้ว่าถ้อยคำที่ไพเราะสละสลวย คือเนื้อถ้อยคำกระทงความ มีสำนวนไพเราะรื่นหู นั่นเป็นคำขององค์ราชาแห่งธรรม เป็นอย่างไรเมื่อมาเทียบกับพระไตรปิฎก ถ้าทำได้น่าจะขยายความข้อความทางพุทธศาสตร์ได้ด้วย คิดว่าจะดีเหมือนกันน่ะ คือ ถ้าจะลงให้อ้างอิงศาสนาเข้ามาด้วยนะค่ะ ก็ไม่น่าจะผิดนะ

 

ก็บอกแล้วแค่ได้ข่าวมา
ความจริงม้นน่าจะเข้ายุคศิวิไวล์

แต่เรื่องกรรม ยากจะเข้าใจ

 

นี้มันห้องภัยพิบัติ อาจมีศาสนามาแทรกบ้างก็ดี
ภัยพิบัติก็มาจากกรรมของหมู่สัตว์นั้นเอง

 

เมื่อไหร่บ้านเมืองวุ่นวายอย่างหนัก เมื่อนั้นจะเห็นการเริ่มต้นความรุนแรงของทุกสิ่ง..

แผ่นดินไทย แผ่นดินธรรม..

แผ่นดินธรรมบอบช้ำ ทางโลกทิพย์ก็เข้ามาเยียวยา..

 

ทุกตำแหน่งหน้าที่ มันควรจะเสร็จ จบทุกสิ่งตั้งแต่ปีกลาย..

แต่มันก็ขยับมาอีก แต่ไม่รู้จะใช้เวลาอีกกี่ปี..

 

บุคคลนั้น บุคคลทางโลกทิพย์ จิตญาณภายใน บุคคลที่โลกรอคอย ยืนรอ อยู่หน้าประตูอุโมงค์ ระหว่างฝั่งโลกุตระ กับ ฝั่งโลกียะ..

คงยืนรออะไรบางอย่าง คงยืนรอเวลาอันสมควร

คงยืนรอให้โลกปรับสมดุลเสร็จ..

 

สวัสดีค่ะท่านนักรบอธรรม สบายดีนะคะ
เพลงเพราะมาก ฟังแล้วมีความหมายดีค่ะ

"รักคงยังไม่พอ"

เราคงปฏิเสธกันไม่ได้ใช่ไหมคะ นอกจากความรักแบบบริสุทธิ์ที่เป็นแก่นแท้ของจิตวิญญาณทุกดวงมี และเป็นอาวุธคู่กายในการเกิดและดำรงอยู่ในวัฏฏะนี้ อยู่ที่ว่าใครจะดึงออกมาใช้กันต่อสรรพสัตว์ที่มาเกิดร่วมกันได้กันมากน้อยแค่ไหนนะค่ะ

ยังมีความรักอีกแบบหนึ่งที่ใช้ในเวียนว่ายในโลก ซึ่งความรักแบบนี้ ก็ต้องใช้ความรักของแก่นแท้ให้ดำเนินไปด้วยเหมือนกัน เพราะถ้าปราศจากความรักบริสุทธิ์แบบแก่นแท้ด้วยแล้ว ความทุกข์ความรักย่อมมาเยือนแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราคงปฏิเสธไม่ได้ถ้าบุคคลนั้นไม่ใช่พระอรหันต์ เราก็อยู่ในฐานะผู้สร้าง คือ หน้าที่ในการสืบต่อความมนุษย์ที่บุคคลอื่นจะมาเกิด และทำอย่างไรที่เราจะอยู่ให้เป็นและอยู่ให้ได้อย่างไรจึงจะดีและเป็นวิถีที่ถูกต้องที่สุด?

"รักคงยังไม่พอ" หากฟังจากเนื้อเพลงแล้ว เราจะเห็นได้ว่า ความพึงพอใจหรือความปราถนาของแต่ละคนมันลึกลับสลับซับซ้อน ในแต่ละคนมีความทรงจำ และความปรารถนาเป็นแรงผลักดันอยู่ข้างในที่เป็นตัวขับเคลื่อนให้ชีวิตเดินไป แต่ละคนสั่งสมความต้องการความปรารถนาลึก ๆ เอาไว้ และนอกจากนั้น ไม่รู้ว่าแต่ละคนได้ผูกมัด หรือยึดติดกับใครกับสิ่งใดไว้บ้าง

ความต้องการภายในที่คิดว่ายังไม่พอ ส่วนใหญ่ให้นึกถึงเหตุ ....เหตุที่ต่างคนได้กระทำต่อกัน ความปราถนาต่อกันของความพึงพอใจในแต่ละคน ได้กระทำให้แก่กันอย่างถึงที่สุดหรือยัง คำว่า"ยัง" คือ ที่สุดแห่งความเต้องการ แต่ก็ไม่อาจให้ได้ที่อีกใจหนึ่งต้องการ บางทีมีกรรมเรา กรรมเขา และกรรมเราที่ทำไว้กับคนอื่น และกรรมเขาที่ทำไว้กับใคร ๆ มันลึกลับสลับซับซ้อน บางทีก็ยากเกินอธิบาย

เมื่อจำต้องเวียนว่ายตายเกิดและยังหนีไม่พ้น สิ่งที่ช่วยได้ก็คือปัญญาในการเข้าใจ ที่เราไม่ต้องดิ้นรนจนเป็นทุกข์ หรือไม่ต้องโกรธแค้นใครเมื่อไม่ได้ตามปรารถนา เราสามารถที่จะรักและให้อภัยกับใคร ๆ ก็ได้ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามเหตุ เมื่อเราไม้ยึดมั่น ทำปัจจุบันในดีที่สุด เราสามารถรักและทำดีได้กับทุกคน เพราะไม่รู้ว่าเราต้องวนเวียนมาเกิดเจอร่วมกันอีกชาติไหนหรือไม่ อย่างน้อยความเป็นมิตรดีกว่าที่เกิดมาแล้วต้องมาฟาดฟันเบียดเบียนกัน แก้แค้นและเอาคืนกัน

เมื่อรู้อย่างนี้ใจเราจะมีวัคซีนในการป้องเรื่องนี้ได้ ถ้าเรามีวัคซีน และใครเรียนรู้และทำใจได้ โดยเฉพาะผู้สั่งสมบารมีพระโพธิสัตว์ เมื่อไม่ยึดมาก ไม่บีบเค้นทางใจมาก กำลังใจไม่ตกมาก การเวียนว่ายก็คลายทุกข์จากเรื่องนี้ไปครึ่งเลยมั้งค่ะ

เพราะทุกข์จากความรักแล้ว ถ้ามองชาวโลกดี ๆ จะเห็นเป็นเหตุแห่งกิเลสตัณหาน้อยใหญ่ที่แตกแขนงไปได้กว้างไกลเลยล่ะค่ะ เช่น เกิดความเห็นแก่ตัวเพื่อคนที่เรารัก เกิดการอิจฉาริษยา ความโลภ พยาบาท ผูกอาฆาตกับคนอื่น กรณียกทัพยกทัพไปช่วงชิงรบราฆ่าฟันกันเพราะคนที่เรารัก จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาเป็นต้น ดูเหมือนแล้วจะเป็นคนใจดำใช่ไหมคะ แต่จริง ๆ คือการเข้าใจ และละความยึดมั่นจนเกินไปมากกว่าค่ะ ทุกอย่างล้วนเกิดแต่เหตุ เป็นหนึ่งปัญญาของพระโพธินะค่ะ ว่าอย่างนั้นไหมคะ

 

ราชาแห่งธรรม ท่านไม่สาธยายยืดยาวหรอก ราชาแห่งธรรมท่านพูดสั้นๆเข้าใจง่าย..

แต่เจ้าของกระทู้โพสต์ทีเล่นไปเกือบหนึ่งหน้า คนอ่านก็พิจารณาตามลำบาก อย่างกับอ่านนิยาย..

 

ไม่ใช่ค่ะ ความเห็นส่วนตัวก็มี ส่วนถ้าเป็นเรื่องโลกนี้ยังไม้รู้ เป็นความรู้ใหม่ และนำมาเปิดเผยและคำนั้นเป็นจริงไพเราะรื่นหู สิ่งนั้นจิตยิ้มนำมาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ค่ะ

 

ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วนะค่ะ

อยากนำเรื่อง "ยอม" มาเล่าสู่กันฟังจัง

https://eatrices.com/ฝึกแพ้บ้าง-ถ้าชนะแล้วไม/

คำว่า "ยอม" คำนี้ ถ้ามองดูดี ๆ มีความหมายที่ลึกซึ้งมาก

ย คือ เย็น
อ คือ อดทน
ม คือ เมตตา

ปัญหาอันใหญ่หลวงในภพชาตินี้ที่สร้างนิสัยที่ไม่ดีให้แก่ตนเองมากที่สุด คือคำว่า ไม่ "ยอม"

ไม่ยอมบางทีอ้างว่า ยอมให้แก่ผู้มีเมตตา และยุติธรรม ถ้าตนคิดว่าไม่ได้ความยุติธรรม ถึงไหนถึงกัน

สิ่งนี้คือความเห็นที่เป็นแรงผลักดัน ที่เป็นเหตุปัจจโยของการกระทำที่ผิดทั้งมวล ถ้ามีมูลเหตุจากอีโก้สูง ผิดไปจากธรรมชาติของจิตที่ดีงามและบริสุทธิ์ถึงแม้นจะมีเบื้องลึกที่ไม่เบียดเบียนใคร เข้าข้างตนเองแบบทิฐิผิด ๆ แต่ถ้าทำถูกต้องแล้วใยผลจึงไม่ดี

ในวันหนึ่งที่สถานีรถไฟเชียงใหม่ มีแม่ขาวส่ง CD หนึ่งมาให้เขียนคำว่า "ยอม" ไว้ที่ซีดี โดยมีรูปพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง คือ CD บรรยายธรรมะของท่านนั้นเอง และ คืนหนึ่งก่อนที่จะเจอเหตุการณ์บางอย่างได้มีนิมิตรฝันของในหลวง ร.9 ที่ท่านให้นิมิตรเกี่ยวกับคำว่า "ยอม" ที่พระองค์ทรงปฏิบัติต่อข้าราชบริภาร ทั้ง ๆ ที่พระองค์ตำแหน่งเป็นถึงพระมหากษัตริย์ ในนิมิตรฝันจำได้

เมื่อระลึกถึงทุกเหตุการณ์ที่ผ่านมาล้วนเกิดจากคำว่า "ไม่ยอม" คำเดียวจึงเป็นเหตุใหญ่แห่งนิสัยไม่ดีทั้งปวง

ดูแล้วอาจเหมือนจะไม่เบียดเบียนใคร..แต่มันใช่สิ่งถูกต้อง เพราะมันไม่ใช่คุณสมบัติแท้ของจิตวิญญาณ

เพราะ.....

การพูดตรงเกินไป การไม่รักษาน้ำใจใคร และการกระทำที่รุนแรง เป็นผลให้

1.สร้างนิสัยที่ไม่ดีแก่ตนเองที่ต้องรับปัจจุบัน และเป็นนิสัยที่ไม่ดีของตนอนาคตอย่างแน่นอน

2.การกระทำที่ก้าวร้าว บางทีเราอาจคิดว่ามันถูกต้อง แต่คนส่วนใหญ่ทำไมไม่ชอบ เพราะความก้าวร้าวไม่ใช่คุณสมบัติของจิตวิญญาณ

3.ใครที่แสดงนิสัยของจิตวิญญาณ คือ พลังความความรัก จึงเป็นที่รักของคนมากกว่า เพราะไม่ว่าจะอย่างไรแก่นแท้ภายในของทุกคนย่อมชอบสิ่งที่ทุกคนมี คือ พลังงานความรักซึ่งมีอยู่ในตัวตนของทุกคนกันอยู่แล้ว

4.คนจะดูถูก หลบหลู่ ไม่ให้เกียรติ และไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย

5.จะเป็นผู้มีศรัตรูมาก

เมื่อระลึกบ่อย ๆ เห็นคุณเห็นโทษบ่อย ๆ ฝึกอบรมจิตบ่อย ๆ มันจะค่อย ๆ จางคลายลงได้เองค่ะ