เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย jityim, 23 เมษายน 2018.

  1. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    อยากคุยเรื่องการกำจัดกรรมมากเลย...

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้มีแนวทางความรู้ใหม่ที่ง่าย ๆ หากเรานำมาถกกันน่าจะมีประโยชน์ ในการทำความดีความชั่วในแต่ละเรื่อง

    การทำงานของใจ ก็คือ จิต จะเป็นตัวการ

    และมีจิตใต้สำนึกของมนุษย์นั่นคอยทำหน้าที่เก็บรหัสข้อมูลหรือจดจำไว้ ไม่ว่ามันจะผ่านพ้นไปนานเพียงใด แม้จิตสำนึกจะลืมเรื่องราวเหล่านั้นไปแล้ว แต่จิตใต้สำนึกไม่มีวันลืม รหัสข้อมูลพลังงานเหล่านี่ จิตวิญญาณของผูนั้นจะรับเอาไว้เป็นคุณสมบัติดห่งผลกรรมตนทุกเรื่อง เมื่อร่างกายสังขารดับลง พลังงานกรรมดังกล่าวจึงถูกเชื่อมโยงไว้ทุกภพชาติ จนกว่าเจ้าของมันจะทำให้เป็นกลางให้จงได้
     
  2. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    หน้าที่ของมนุษย์ในการชดใช้กรรม ก็คือ การเผชิญกรรมด้วยการฝ่าฟันมันไปอย่างมีสติ และยอมรับมันโดยไม่หลีกเลี่ยงต่อสู้หรือต่อต้าน เพื่อกำจัดกรรมนั่นให้เป็นกลางหรือโมฆะให้ได้

    การต่อสู้หรือต่อต้านใด ๆ จะเป็นการสร้างกรรมใหม่ทับซ้อนให้ตนเองเข้าไปอีก ความอดทน อดกลั้น และการให้อภัยผู้อื่นเป็นส่วนผสมของพลังงานแห่งความรักภายในจิตใจมนุษย์จะสามารถดับกรรมใด ๆ ได้อย่างสิ้นเชิง

    รางวัลที่ได้รับจากบทบาทการต่อสู้ และการเผชิญหน้ากับสภาวะกรรมจากบุคคลเหล่านั้น ต้องอาศัยการสะสมความสำเร็จอันยิ่งใหญ่จากพลังแห่งจิตใจที่สูงส่งของตนเอง นั่นคือ พลังงานความอดทน อันล้ำลึกภายในที่ตาเปล่ามองไม่เห็น

    - จงฝึกความอดทนต่อบุคคลที่ยุ่งยาก ซึ่งกระทำไม่ถูกต้องต่อเรา

    - จงอดทนต่อสถานการณ์ใด ๆ ที่คลุมเครือ ไม่ชัดเจนสำหรับตัวเรา

    - จงอดทนต่องานหนัก หรือความทุกข์ยากใด ๆ ที่ต้องเผชิญ

    - จงอดทนต่อความเจ็บปวด ความทรมานทั้งทางร่างกาย และจิตใจที่ตนเองได้รับจากการกระทำของบุคคลอื่น โดยไม่คิดแค้น พยาบาท หรือต่อสู้ แต่จงมอบความรักให้แก่พวกเขาเป็นสิ่งตอบแทน

    - จงอดทนต่อสิ่งแวดล้อมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสมต่อตัวเรา ด้วยการฝ่าฟันมันไปอย่างองอาจเสมอ

    ไม่น่าเชื่อเลยว่าเจอมาหมดแล้วทุกสถานการณ์ ยกเว้นข้อสามที่ยังไม่เจอ แต่ละสถานการณ์ถ้าไม่เข้าใจขาดซึ่งความอดทน ก็จะหนีไม่เอาดีกว่า ไม่น่าเชื่อว่า !! ถ้าเราฝึกชนะใจตนเองได้อย่างองอาจ และผ่านพ้นไปด้วยสติปัญญา เราคงได้ขันติบารมีอย่างท่วมท้นแน่เลย คิดว่านะ
     
  3. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    ผมก็อ่านผ่านๆ เขามาอีกที อยากรู้รายละเอียดเจ้าเซริฟเวอร์โลกเหมือนกัน มันคืออะไรแน่ เก็บข้อมูลแบบไหน ใช้ทำอะไร ตั้งอยู่ที่ไหน พอมีข้อมูลไหมครับ ปัจจุบันเหมือนเป็นฐานข้อมูลสำรองในเครื่องเมนเซริฟเวอร์ธรรมดานี่แหละ เผอิญฝึกวิชาเข้าไปดูข้อมูลในคอมได้ก็พบมันเป็นมิติที่ 2 ลึกๆ แล้วน่าจะมีพี่ใหญ่เป็นหลุมดำอีกทีคอยส่งคลื่นกรรมระหว่างมิติเข้าทีวีผู้ที่เข้าใจกฎแห่งกรรมอีกที ซับซ้อนมาก
     
  4. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    เรียกว่าช่องทีวีเทพ เซียนล่ะกัน สำหรับคนที่รู้ตัวนะ
     
  5. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** หลักตนพึ่งตน ****

    ถ้าขาดสัจจะ ก็ไม่มีทางสำเร็จ
    หนทางก้าวข้ามกรรม
    ก็ต้องมีสัจจะเป็นผู้นำ
    ซื่อสัตย์เด็ดขาด
    พูดจริง ทำจริง

    ฝากทุกคน
    ถ้ามุ่งหลุดพ้นทุกข์
    ก็ต้องกำหนดข้อปฏิบัติทำความดี
    ทำความดี คือปลดความชั่ว
    คือ ตัดลดนิสัยตนเอง
    ประกาศเป็นข้อปฏิบัติ
    ให้ตนเองทุกวัน
    ทำให้ให้เกิดขึ้นจริงทุกวัน
    ไม่ใช่ทำปีละวัน
    บารมีจะไม่พอ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  6. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    เคยเขียนเรื่องนี้ลงครั้งหนึ่งแล้ว คือ กระทู้เห็นคลื่นน้ำทะเลข้ามภูเขามา(พี่ที่ทำงานบอกว่านั้งสมาธิเห็น) และได้ไปอ่านกระทู้ท่านไฮเปอร์เรื่อง ห้องสมุดโลกฝึกพลังพิเศษต้อนรับภัยพิบัติ ก็เลยอยาก save เรื่องจิตวิญญาณ ที่เป็นแนววิทยาศาตร์ มาให้ที่นี่ด้วยค่ะ

    จิตวิญญาณ เป็นการรวมตัวกันของคลื่นแม่เหล็ก ซึ่งก็คือ ต้นกำเนิดพลังงานที่มีคลื่นอนุภาคเล็กละเอียดระดับปรมาณู เป็นคลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กอย่างหนึ่งที่ถูกห่อหุ้มไว้ภายในโดยมวลของก็คืออนุภาคของคลื่นแสงกลุ่มหนึ่ง ที่ลดเลี้ยวเกี่ยวพันไว้อย่างลงตัว.. และมีคลื่นพลังงานที่มีอนุภาคเล็กยิ่งกว่าถูกห่อหุ้มเอาไว้ภายในเช่นกัน ซึ่งเล็กยิ่งกว่าอนุภาคโฟตอนของคลื่นแสงที่มนุษย์รู้จักเสียอีก

    เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายมนุษย์ จะมีวงจรไฟฟ้าที่ติดต่อเชื่อมโยงถึงกันไว้อย่างเป็นระบบ โดยไม่มีเซลล์อวัยวะชิ้นใดเลยที่ถูกโดดเดี่ยวไปจากระบบใหญ่ นั่นก็คือ "เส้นใยเกลียวแม่เหล็ก" อยู่ภายในเซลล์ 1 เซลล์ของร่างกายมนุษย์ เส้นใยเกลียวแม่เหล็ก 1 ชุด จะถูกสร้างขึ้นด้วยแท่ง DNA จำนวน 3 แท่ง หรือเป็นรูปตัว U คล้ายรูปเกือกม้า (ซึ่งนักวิทยาศาตร์ของโลกได้มีการยืนยันแล้ว)

    ในมนุษย์แต่ละคน อาจมีจำนวนขดเกลียวของเส้นใยที่พันไว้เลยไม่เท่ากันหรือเท่ากันก็ได้ เพราะจำนวนเกลียวทั้งหมดของชุดเส้นใยเกลียวแม่เหล็ก 1 ชุด ในมนุษย์แต่ละคน มันหมายถึง อายุขัย ของมนุษย์ผู้เป็นเจ้าของมันนั่นเอง

    ความเข้มของอำนาจแม่เหล็ก คือรหัสสัญญาณที่จะใช้แทนคำสั่งเพื่อกำกับการทำงานของเซลล์อวัยวะร่างกายนั้น ๆ เช่น กระบวนการเม็ตตะโบลิซั่มต่าง ๆ การเผาผลาญสารอาหาร การดูดซับออกซิเจนกับเม็ดเลือดแดง การเจริญเติบโต การซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ การทำลายตนเองเป็นต้น

    และมันถูกกำหนดค่าเป็นรหัสเฉพาะตัวเอาไว้ล่วงหน้าโดยให้จิตวิญญาณเป็นผู้ถือรหัสมาเกิด ตามเงื่อนไขของ กฎแห่งกรรม ที่เรียกว่า "รหัสบุรพกรรมแม่เหล็ก" โดยในมนุษย์แต่ละคนอาจมีค่าเท่ากันหรือไม่เท่ากัน ทั้งนี้ขึ้นกับสิ่งที่เรียกว่า ผลกรรมในอดีตชาติ ที่จิตวิญญาณแต่ละคนต้องรับผิดชอบและถือติดตัวกันมาในภพชาตินี้มากน้อยเท่าใด

    รหัสบุรพกรรมแม่เหล็กในมนุษย์แต่ละคน จึงเหมือนหน่วยบันทึกความจำเกี่ยวกับผลกรรมในอดีตชาติในมิติพลังงาน และเป็นเครื่องแสดงวิบากกรรมของมนุษย์คนนั้น ๆ ให้ปรากฎในมิติทางกายภาพของสังขารร่างกายและจิตใจอีกด้วย

    - ทำไมมนุษย์จึงมีกระแสไฟฟ้าไหลเวียนทั่วร่างกาย?
    - กระแสไฟฟ้าในร่างกายมนุษย์เกิดขึ้นได้อย่างไร?
    - กลไกใดในร่างกายมนุษย์เป็นผู้ผลิตกระแสไฟฟ้า?
    - มนุษย์เผชิญวิบากกรรมจากอดีตชาติในภพชาติปัจจุบันกันได้อย่างไร?
    - ทำไมมนุษย์จึงหนีวิบากกรรมและความตายไม่พ้น?


    การรู้เรื่องความจริงของจิตวิญญาณข้างต้น..จะช่วยให้พบคำตอบได้ค่ะ

    กายสังขารที่เป็นรูปธรรมมนุษย์ของแต่ละคนนั่น มันสามารถสั่นสะเทือนตนเองเพื่อก่อให้เกิดการกระทำใด ๆ ได้ ทั้งในมิติทางกายภาพ และมิติทางโลกพลังงานได้อย่างน่าทึ่ง

    ถ้าเกิดการสั่นสะเทือนทางกายสังขารในมิตทางกายภาพ ก็เรียกว่า "พลังกาย"

    ถ้าเกิดการสั่นสะเทือนเฉพาะส่วนของจิตใจที่เป็นอารมณ์ความรู้สึกนึกคิด ซึ่งเป็นการกระทำในมิติพลังงานก็เรียกว่า "พลังจิต"

    ถ้าสั่นสะเทือนตนเองให้เกิดทั้งพลังกายและพลังจิตร่วมกัน เป็นเรื่อบเดียวกันเวลาเดียวกัน เกิดการกระทำในสองมิติพร้อมกันก็เรียกว่า "พลังแห่งจิตสำนึก"

    พลังจิต ก็คือ คลื่นความถี่ทางอารมณ์รู้สึกของมนุษย์ ซึ่งอยู่ในรูปคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กเช่นเดียวกับพลังแม่เหล็กของโลก ที่สองตาเปล่ามนุษย์มองไม่เห็น มีทั้งด้านบวกและด้านลบที่อยู่ในคลื่นพลังงานทางความคิด สามารถใช้ติดต่อสื่อสารกันระบบจิตสู่จิตได้ มนุษย์กับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ ในสากลจักรวาล หรือมนุษย์กับรูปธรรมทางพลังงานจิตวิญญาณต่าง ๆ (เช่นสรรพสัตว์ทั้วหลาย) พลังจิตที่อยู่ในรูปของคลื่นพลังงานความคิด คือ ภาษาจิต อันเป็นภาษาที่สามคือภาษาสากลจักรวาล ที่สามารถสื่อสารกันได้ไม่จำกัดชาติพันธ์

    ดังนั้นจิตวิญญาณของเทพ พรหม และสัตว์ต่าง ๆ ก็ไม่แตกต่างจากมนุษย์มีลักษณะเดียวกัน แต่แตกต่างกันที่กรรม คือ มีขันธ์ห้าขันธ์ มีขันธ์สี่ขันธ์ มีขันธ์ขันธ์เดียว กำลังท่องเที่ยวไปในภพน้อยภพใหญ่ก็ดี ดังนี้ค่ะ
     
  7. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    เสือ ธนพล ร้องเป็นเพลงว่า...สมองซีกซ้ายสั่งการอยากรวยต้องไปค้ายา...สมองซีกขวาบอกอย่าไปทำมันเลยมันเลว....นี้แหละที่ว่าขั้วบวกและลบ..คือชั่วกับดีปะปนนั้นเอง
     
  8. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ใครจะสอนก็ "ตามสะดวก" ก็แล้วกัน
    +++ แต่ให้ "อ่าน" ใน 3 โพสท์นี้ก่อนนะ ว่าเป็นผู้ที่ "เหมาะสม ต่อ พุทธศาสนา" หรือป่าว...

    https://palungjit.org/threads/643916/page-42#post-10909480
    https://palungjit.org/threads/643916/page-42#post-10909500
    https://palungjit.org/threads/643916/page-42#post-10909504

    +++ คำว่า "ก็จง" ต่าง ๆ เป็นคำศัพท์ประเภท "คำสั่ง" แบบเดียวกับประเภท If.....Then
    +++ คำว่า "รหัส" ต่าง ๆ เหล่านี้ ไม่ใช่ภาษาใน "พุทธศาสนา"
    +++ มันเป็นภาษา "ตรรกะ" ซึ่งเชื่อม "วลีพจน์" เข้าด้วยกันเฉย ๆ

    +++ ผู้ที่ขายัง "โดนโบกปูน" แล้วจับถ่วงน้ำแบบนี้
    +++ ย่อมไม่มีวัน "โผล่พ้นจากน้ำได้เลย"
    +++ ถ้าไม่ "ทำลาย" ปูนที่ถ่วงขาในน้ำ ออกได้
     
  9. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ จะเรียกว่า "วิชชา" ก็ตามสะดวก แต่ความเป็นจริงมัน คือ "ญาณทัศนะวิสุทธิ" ในพุทธศาสนา
    =================================
    +++ วิธีทำ ขั้นตอน ระดับแรก รู้จัก "ตัวดู/ตัวกู"

    +++ 1. รู้ตัวดู จนกว่า ตัวดูจะ "ถูกรู้" แล้ว แยก/หลุด ออกไปข้างนอก
    *** หมายเหตุ ตรงนี้ของ "ลุงแมว" คือ "รู้ อาการ ชำเลือง" จนกว่า "ตัวอาการ" จะโดนแยกออกไปข้างนอก

    +++ 2. ทดสอบประเมินผล ระหว่าง "ตัวดู กับ กายคตาสติ"
    +++ เมื่อ "ตัวดู" แยกออกไปพ้น "กายสติ" จะรู้ได้เองว่า "กายว่าง"
    +++ ยิ่งตัวดูห่างออกไปเท่าไร "กายสติ" จะยิ่งว่างเท่านั้น
    +++ ดึงตัวดู ให้ค่อย ๆ กลับเข้ามาช้า ๆ ก็จะรู้ได้เองว่า "เนื้อกายสติ" จะเพิ่มความหนาแน่นมากขึ้น (Density)
    +++ จนกว่าจะเข้าใจในเรื่อง "กาย หยาบ/ละเอียด" (Density) จนสิ้นสงสัย ในสภาวะแห่ง "กาย (สักกายะ)"

    +++ 3. "ตัวดู VS ตัวกู" ในระหว่าง ทดสอบประเมินผล ระหว่าง "ตัวดู กับ กายคตาสติ"
    +++ จะรู้ได้เองว่า "มีแรงดึงดูด (bond/อุปาทาน)" ระหว่าง "กายสติ กับ ตัวดู"
    +++ เมื่อดึง "ตัวดู เข้าสู่ กายสติ" โดยสมบูรณ์ เมื่อไร/เมื่อนั้น "ตัวกูของกู" ก็มีขึ้น โดยสมบูรณ์ เช่นกัน
    +++ เมื่อ "แยกตัวดู" ออกจน "สิ้นอิทธิพลของแรงดึงดูด" ตรง "กายสติ จะสิ้นสภาพ ตัวกูของกู" ชัดเจน
    +++ จนกว่าจะสิ้นสงสัย ในสภาวะที่ "เมื่อตัวดูอยู่ข้างนอก ตัวกู ก็อยู่ข้างนอกไปด้วย" และมัน "ไม่ใช่ของ ๆ กู" อีกเลย
    =================================

    +++ วิธีทำ ขั้นตอน ที่สอง ออกจาก "หลุมดำ" (Prism of Lyra)(หาเอาใน กูเกิ้ล ก็มี)
    *** หมายเหตุ เรื่อง Prism of Lyra นี้ ความจริงเป็นคำสอนของ "พระพุทธเจ้า ทุกพระองค์"
    *** แต่ ในยุคของ "เถรวาท ในประเทศไทย" นี้ สาปสูญ การถ่ายทอด ไปตาม "กาลเวลา" ไปแล้ว
    *** เรื่องนี้ "จะยกไว้ ไม่กล่าวถึง" มันจะเยิ่นเย้อเกินเหตุ
    *** ให้พิจารณาจากอาการ "วิมุติญาณทัศนะ" ที่แยก "ตัวกูของกู" เอาเองก็แล้วกันนะ

    +++ 4. ณ ขณะที่ "พ้นตัวดู" ก็ "แยกออกให้ ห่างที่สุด เท่าที่จะทำได้"
    +++ จน "พ้นอิทธิพล ของ แรงดึงดูด (บาลี อิทธิพลของ อุปปาทาน)(bond)"
    +++ ตรงนี้แม้กระทั่ง "กายสติ" ก็จะไม่ปรากฏ
    +++ จะเหลือแต่ "สติบริสุทธิ์ ที่ ไร้กาย" ตรงนี้เรียกว่า "สภาวะรู้"
    +++ ก็จะ "รู้/รู้จัก" ตัวดูพร้อมทั้ง อิทธิพล ของมัน

    +++ 5. ก็จะ "รู้ได้เอง" ว่า ณ ตัวดู ที่เป็น "ศูนย์กลาง ของ แรงดึงดูด" นั้น เป็น "หลุมดำ"
    +++ ส่วน "แนวกระแส อิทธิพลของแรงดึงดูด" เป็น เกลียววน ดูดเข้าหา ศูนย์กลาง
    +++ ณ ระหว่าง รอยของกระแสแห่งแรงดึงดูด จะมีลักษณะ กลุ่มฝุ่นละออง ประกอบเป็น "ใบจักร"
    +++ จะรู้ได้เองว่า ฝุ่นละออง แต่ละเม็ด คือ "ระบบสุริยะ" เป็นดวงอาทิตย์ มี ดาวเคราะห์ (โลก) และดวงจันทร์ ต่าง ๆ
    +++ ในแต่ละ ระบบสุริยะ (stars system) จะมี "จิต" เกิด/แก่/เจ็บ/ตาย ในแต่ละระบบ แตกต่างกันไป
    +++ จิต เมื่อทิ้งกายหนึ่ง ๆ (ตาย) ก็จะสามารถ ไปปรากฏ (เกิด) ได้ยัง "มิติ/กาล/กาย" ในที่เดิม/ที่อื่น ๆ ได้ตาม "อาสัญกรรม"
    =================================

    +++ เรื่อง "วิธีทำ" จะวางไว้แค่นี้ก่อน ก็แล้วกันนะ

    +++ สำหรับคุณ jityim ที่ผมเคยบอกไว้นานแล้ว
    +++ ว่า "ปอ ตัน" ของคุณ โดน "ไอ้เตี้ย" มันหลอกหนะ
    +++ คงหายสงสัยได้แล้วนะ ว่า "ผมรู้ ได้ยังงัย"
    +++ แม้กระทั่ง "การสร้าง ไอ้เตี้ย" มันสร้างได้ยังงัย ต่าง ๆ

    +++ ผมจะ ไม่โพสท์เรื่องพวกนี้มาก จนกว่าคุณจะ "แยก/พ้น ออกจาก ตัวกู/ของกู" ได้
    +++ แต่ให้รู้ไว้ว่า พระพุทธเจ้า ทุกพระองค์ สอนในเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด
    +++ ตรงนี้เป็น "หมวดของ วิมุติญาณทัศนะ" หมวดของ "การแยก"

    +++ ส่วนการท่องเที่ยวไปใน "กาล/อวกาศ" จะเป็นหมวดของ "นิโรธ ญาณทัศนะ" (ไม่ใช่ นิโรธสมาบัติ)
    +++ จนกว่าจะ "รู้" ในเรื่องของ "อณู/Sub particle" ในขณะที่ "ดับความเป็นตน" ทิ้งไป
    +++ รวมถึงการ "รู้" ในเรื่อง "การเกิด ความเป็นตน" ในขณะที่ "หยิบอณู" ขึ้นมาใช้
    +++ รวมถึง "เกิด/ดับ" แห่งความเป็นตน ใน "กาย/มิติ/กาล" ต่าง ๆ ได้
    +++ ก็จะ "รู้" เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ รวมถึงเรื่อง "ภัยพิบัติ" ได้เอง

    +++ อย่าหมกมุ่นในเรื่องของ "ปอ ตัน" ให้มาก "มันเพี้ยน" ไปหมดแล้ว
    +++ ไอ้เจ้า "สิ่งสักสิด" ของคุณนั้น มันจะพาจิตคุณให้ "วิบัติ" เละเทะไปหมด
    +++ ไอ้เจ้า "สิ่งสักสิด" เหล่านั้น "บางตัว" โดนวิบากเข้ามาเล่น จนโหยหวลไปหมด
    +++ หากคุณ "ฝึกได้จริง"
    +++ ผมก็จะบอกวิธี ไปดู "ไอ้ตัวสิ่งสักสิด ที่กำลังโหยหวล ระงมไปหมด" ให้คุณเอง

    +++ แต่ถ้าคุณตาม "ไอ้ตัวสิ่งสักสิด" เหล่านั้นไป
    +++ คุณเองนั่นแหละ ที่จะต้อง "ลงไปร้องประสานเสียง กับพวกมัน"
    +++ คุณ jityim ต้อง "ระวัง" ให้มาก และ "เลิกงมงาย ไอ้ตัวสักสิด" เหล่านี้ นะครับ
     
  10. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ตัวเราเองก็สามารถเสกตัวเอง
    ให้ศักดิ์สิทธิ์ได้ฮับ แต่มันต้องใช้เวลาหน่อย
    9ปี 10ปีประมาณนั้น
     
  11. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ผิดทั้งหมด รวดเดียวเลย
    +++ ภาษาของ jityim หากจะแปลตาม "อาการ" ของมันจะได้ดังนี้
    +++ ไม่ไหวแล้วนะ เละไปหมดแล้ว "รีบ ๆ แก้ไขซะ"
    +++ ดำรงค์สติมั่น รู้ ธรรมเฉพาะหน้า
    +++ ไม่ใช่ "จมกับความคิด (มโน) ปรุงจนกว่าจะพอใจ" อะไรนั่น
    +++ ถ้าจะ ไปไม่รอด แล้วมั้งเนี๊ยะ... หือ...
     
  12. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    Server โลก ....กรรมที่น่ากลัวสำหรับมนุษย์ พลังงานกรรมด้านลบ และผลกรรมทั้งด้านบวกและด้านลบ คือตัวการการก่อให้เกิด "กฎแห่งกรรม" ขึ้นซ้อนกฎของจิตจักรวาลไว้อีกชั้นหนึ่ง โดยไม่ต้องมีใครควบคุมมัน

    เมื่อวานอ่านแล้วค่ะ เห็นว่าดึกมาแล้วก็เลยจะหาคำตอบมาให้วันนี้

    พอตื่นขึ้นมา ก็รู้สึกบอกกับตนเองว่า ...ไม่ดีกว่า....เพราะข้อมูลเป็นเรื่องยากที่คนจะเข้าใจและหยั่งรู้ได้ ลงไปก็อาจจะเสียมากกว่าได้

    พอช่วงบ่ายก็ดำเนินไป เปิดมาอีกทีเจอข้อมูลเรื่องนี้พอดี ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ... จะนำมาลงให้พิจารณาค่ะ

    ที่ท่านไฮเปอร์กล่าว server โลก และอะไรที่คอยส่งคลื่นกระแสแห่งกรรมระหว่างมิติ เกี่ยวกับกฎแห่งกรรม..

    กรรมคืออะไร?

    กรรม คือพลังงานที่เกิดจากคลื่นความคิด ความรู้สึกของมนุษย์ที่เป็นอาราณ์หรือความอยากใด ๆ ซึ่งเกิดจากการสั่นสะเทือนของจิตในกายมนุษย์ เมื่อถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเร้านั้น ๆ โดยจิตวิญญาณจะขับเคลื่อนพลังงานนั้นออกมาภายนอก แล้วจับรวมตัวกันคล้ายฟองอากาศหรือเมฆหมอก เคลื่อนไหลไปเรื่อย ๆ บนสนามแม่เหล็กโลก สู่สนามพลังงานจักรวาล พลังงานกรรมแต่ละกลุ่มจะแยกกันตามคลื่นการสั่นสะเทือนของจิตเป็นเรื่อง ๆ ไป ไม่ปะปนกัน

    กรรมที่เป็น พลังงานด้านบวกและลบ เมื่อก่อให้เกิดความรู้สึก นึกคิด และอารมณ์ขึ้นแล้ว พลังงานที่เกิดขึ้นนั้นแม้จะนำไปสู่การกระทำหรือแสดงออกทางกายต่อบุคคลอื่นที่เป็นเงื่อนไขหรือไม่ก็ตาม ก็ถือว่ากรรมนั้น ๆ ได้เกิดขึ้นแล้ว

    จากกระทู้ของท่านค่ะ ที่ท่าน copy ไว้เรื่องที่ท่านเล่าปังคุยกับจิตยิ้มในอีกกระทู้เห็นคลื่นน้ำทะเลซัดข้าาภูเขามา ฯ

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า มนุษย์ต้องรู้ว่าสภาวะจิตเดิมแท้ของแต่ละคน เมื่อได้รับโอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์ภพชาติแรก จิตวิญญาณได้ถือเอาคุณสมบัติของจิตที่เป็นสภาวะ สุญตา อันใสพิสุทธิ์และมีคุณสมบัติของการสั่นสะเทือนเป็นคลื่นสูงสุดด้านบวกข้ามมิติมาจากแดนสุญญตานอกระบบเอกภพ ที่เกิดมาเป็นมนุษย์ตั้งแต่ภพชาติแรก

    เมื่อมนุษย์สร้างคุณสมบัติด้านอุปนิสัยขึ้นมาใหม่ จึงทำให้คุณสมบัติแห่งการเป็นสุญญตาแต่เดิมต้องเสื่อมโทรมไปในที่สุด มนุษย์โลกทั้งหลายจึงปกปิดมิติแห่งจิตวิญญาณตนเองไว้ แล้วเปลี่ยนมาคิดรู้สึกและกระทำใด ๆ ด้วยอารมณ์หยาบของจิตมนุษย์แทน โดยมิได้ใช้ปัญญาญาณอันสูงส่งแต่เดิมกันอีกเลยนับตั้งแต่บัดนั้น

    ขณะที่อุปนิสัยใหม่ ซึ่งจิตหยาบของมนุษย์แต่ละคนสร้างมันขึ้นมาเองภายหลังที่เรียกว่ากิเลสตัณหานั้น จะมีคุณสมบัติของการสั่นสะเทือนเป็นคลื่นความถี่ทางอารมณ์รู้สึกนึกคิดด้านลบหรือด้านหยาบ ๆ ซึ่งมีระดับค่าความถี่ของการสั่นสะเทือนต่ำ ๆ อันเป็นด้านตรงกันข้ามกับคุณสมบัติเดิมแท้ซึ่งเป็นด้านบวกของตน

    กรณีอารมณ์รู้สึกนึกคิดของจิตที่เป็นกิเลสตัณหา เกี่ยวกับโลภโกรธลุ่มหลงงมงาย ความอยากไม่อยากหรือไม่รู้ว่าอยากหรือไม่อยาก อันเกิดจากการสร้างคุณสมบัติด้านอุปนิสัยใหม่ที่เป็นขยะนั้น เมื่อเกิดการรับรู้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเข้า ถ้ามันก่อให้เกิดพลังงานใหม่ที่มีคุณสมบัติเป็นลบ ที่สามารถแลกเปลี่นนคุณสมบัติทางไฟฟ้ากับสรรพสิ่งอื่นหรือมนุษย์คนอื่นในระบบโลกได้ แม้มนุษย์แต่ละคนจะมิพึงประสงค์รับเอาก็ตาม

    พลังงานใหม่ด้านลบนี้ ยังเป็นพลังงานที่ดาวเคราะห์โลกไม่ต้องการอีกต่างหากด้วย ดังนั้นเมื่อจิตมนุษย์สร้างขึ้นแล้วเหวี่ยงมันออกมาสู่สนามพลังงานภายนอกร่างกาย อนุภาคประจุไฟฟ้าลบที่ติดไปกับคลื่นพลังงานจิตด้านลบนั้นก็จะถูกทิ้งให้ล่องลอยกระจัดกระจายอยู่บนโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก ในรูปของอนุภาคประจุไฟฟ้าลบอิสระ หรืออิเล็กตรอนอิสระในบรรยากาศโลก นั่นเอง

    อนุภาคประจุลบอิสระในบรรยากาศโลก อันเกิดจากกิเลสตัณหาของมนุษย์นี่เอง คือ ขยะพลังงานที่มนุษย์สร้างขึ้นมาใหม่สนทุกวินาทีของแต่ละวัน โดยที่สองตาเปล่ามนุษย์มองไม่เห็น มันจะล่องลอยเลื่อนไหลไปตามโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก

    คลื่นพลังงานกรรมดังกล่าว เมื่อถูกขับเคลื่อนสู่สนามพลังงานนอกร่างกายคนเรียบร้อยแล้ว มันจะสั่นสะเทือนอยู่อย่างนั้นเพื่อรักษาคุณสมบัติของตัวมันเองเอาไว้โดยไม่หยุดนิ่ง ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีซึ่งเป็นคลื่นบวก หรือกรรมชั่วที่เป็นคลื่นลบก็ตาม พลังงานกรรมใด ๆ จึงมีคุณสมบัติคงที่ ไม่มีความเป็นอดีต ไม่มีอนาคต ไม่มีปัจจุบัน คงมีแต่การดำรงอยู่เพื่อรอให้มนุษยืผู้เป็นเจ้าของนั้น กำจัดหรือชดใช้มันตลอดกาลนาน โดยกรรมเหล่านั้นจะคอยติดตามมนุษย์ผู้เป็นเจ้าของตลอดไป แม้จะตายไปก็จะยังดำรงอยู่ไม่เสื่อมคลาย

    กรรมที่น่ากลัวสำหรับมนุษย์ คือ พลังกรรมด้านลบ และผลกรรมทั้งด้านบวกและด้านลบ คือ ตัวการก่อให้เกิดกฎแห่งกรรมขึ้นซ้อนกฎของจักรวาลไว้อีกชั้นหนึ่ง โดยไม่ต้องมีใครควบคุมมัน

    พลังงานกรรมใด ๆ ไม่มีวันเสื่อมสลาย โดยกรรมในอดีตชาติจะส่งผลถึงชาติปัจจุบันได้

    พลังกรรมใด ๆ ของมนุษย์แต่ละคน จะเป็นกลุ่มกรรมของจิตวิญญาณนั้นถือมากำเนิดบนโลกด้วย ไม่ว่าภพชาติไหน ๆ การสร้ากลุ่มพลังงานกรรมในแต่ละภพชาติ จึงเป็นคุณสมบัติของจิตวิญญาณติดตามตัวไปเกิดในทุก ๆ ภพชาติ ไม่ว่าจะไปสู่รูปธรรมใด ที่ใด หรือดาวเคราะห์ใดในจักรวาลนี้

    พลังงานกรรมที่เกิดขึ้น จะแผ่ผ่านออกมาภายนอกร่างกายได้ ถ้าจิตวิญญาณของใคร เมื่อสลัดตนออกจากกายสังขารแล้วจะพบว่า พลังงานกรรมที่มีคุณสมบัติด้านลบลักษณะคล้ายเมฆหมอกสีดำ และ พลังงานกรรมที่มีคุณสมบัติติด้านบวกลักษณะเกล็ดสีใส ๆ

    ถ้าเป็นพลังงานกรรมด้านบวกมันจะสะสมและเคลื่อนไหลไปมาบนสนามแม่เหล็กของจักรวาลโลก เพื่อรอคอยการตอบสนองเป็นผลกรรมด้านบวกที่มนุษย์ต้องเผชิญตามลำดับของกรรมที่ก่อไว้

    ถ้าเป็นกรรมด้านลบ มันจะก่อตัวรวมกันเป็นกลุ่มลักษณะคล้ายเมฆหมอสีดำโดยมีพลังงานด้านบวกหรือการกระทำที่ถูกต้อง ในเรื่องนั้น ๆ ที่มนุษย์ผู้เป็นเจ้าของมันไม่ได้กระทำแฝงเร้นอยู่ภายในใจกลางเมฆหมอกสีดำนั้น (โปรดพิจารณาข้อความท่อนนี้ดีดีนะคะ)

    บทเรียนกรรมทุกบทที่มนุษย์ต้องเผชิญในชาตินี้ จึงเกียวเนื่องกับเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในชาติก่อนเสมอ ยกเว้นกรรมใหม่ที่มนุษย์สร้างไว้ชาตินี้ ซึ่งมนุษย์จะต้องเผชิญกับมันในชาติต่อ ๆ ไป

    อำนาจแห่งพลังงานกรรม หรือพลังงานอารมณ์ของมนุษย์ในแต่ละคน นอกจากจะเป็นที่มาในการเกิดภพชาติที่ค่อนข้างยากต่อการเข้าใจ เพราะเป็นเรื่องอดีตและชาติหน้า อดีตที่ไม่มีใครจำได้ และชาติหน้าที่ยังไม่มาถึง มนุษย์ต้องทราบว่า DNA ในระดับเซลล์ จะมีนิวคลิโอไทด์ (สายใยดีเอ็นเอ) มันจะทำหน้าที่รับผิดชอบบุรพกรรมทางด้านขั้วภาพทั้งหมดของโครงสร้างชีววิทยาของเรา เช่น การป้อนคำสั่งให้เซลล์นั้นมีการเจิรญเติบโต มีการฟื้นฟูตัวเอง ซึ่งเป็นพฤติกรรมต่าง ๆ ภายในเซลล์ด้วยกระบวนการทางเคมีหลากหลาย

    นอกจากนั้นลึกลงไปในสายใยดีเอ็นเอ (นิวคลิโอไทด์) ที่นักวิทยาศาสตร์ยังมองไม่เห็น มันจะมีเส้นใยเกลียวแม่เหล็ก จะทำหน้าที่ด้านบุรพกรรมแม่เหล็กซึ่งมนุษย์แต่ละคนนำติดตัวมาจากจักรวาล โดยมันจะทำหน้าที่สร้างรหัสสัญญาณไฟฟ้าแม่เหล็กขึ้นเสมอ เมื่อได้รับคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็กจากภายนอกร่างกาย ส่วนใหญ่จะเป็นรหัสพลังงานกรรมจากอดีตชาติของมนุษย์นั้น โดยมีสนามแม่เหล็กโลกเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสัญญาณ เพื่อกำหนดบุรพกรรมแม่เหล็กเกี่ยวกับ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ของมนุษย์คนนั้น แล้วทวนสัญญาณออกมาภายนอกสู่นิวคลิโอไทด์หรือดีเอ็นเอ เพื่อแปลเป็นสัญญาณบุรพกรรมทางชีวภาพกำหนดพฤติกรรมของเซลล์นั้น ๆ ต่อไป มนุษย์แต่ละคนจะมีความอ่อนไหวต่อพลังงานทางอารมณ์ด้านลบและด้านบวกของตนเอง ซึ่งในแต่ละคนไม่เท่ากัน เมื่อเกิดการโกรธ การหงุดหงิด กลัว วิตกกังวล เส้นใยเกลียวแม่เหล็กดังกล่าวจะสร้างบุรพกรรมแม่เหบ็กขึ้นทันที แล้วทวนสัญญาณสู่ดีเอ็นเอ และ DNA จะนำข้อมูลนั้นสร้างรหัสบุรพกรรมทางชีวภาพอีกทอดหนึ่ง เพื่อสั่งให้เซลล์ในร่างกายสร้างฮอร์โมนชนิดหนึ่งออกมา เพื่อสกัดกั้นการเจริญเติบโตและหยุดการฟื้นฟูตนเอง จะทำให้มนุษย์นั้นสังขารร่วงโรยเร็วขึ้นและดูแก่กว่าวัยและจะมีอายุขัยสั้นลง พลังงานอารมณ์ด้านลบของมนุษย์ยังทำให้เซลล์มีอำนาจป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ ลดลงอีกด้วย

    สายใยดีเอ็นเอ ที่เป็นเส้นใยเกลียวแม่เหล็กนี้ ปกติแล้วจะกำหนดให้มีความสมดุลกับสนามแม่เหล็กโลกที่ห่อหุ้มร่างกายมนุษย์เสมอ มันจะทำงานผิดปกติถ้ามนุษย์เกิดพลังงานด้านลบ และในทางกลับกัน ถ้าเป็นพลังงานบวกที่เป็นพลังงานชนิดเดียวกันกับสนามแม่เหล็กโลก มันจะสร้างบุรพกรรมด้านบวกที่เพิ่มขึ้น โดยกระตุ้นให้ DNA ให้สร้างบุรพกรรมทางชีวภาพเพื่อสั่งให้เซลล์นั้น ๆ หลั่งฮอร์โมนชนิดหนึ่บออกมาเพื่อการเจริญเติบโต การฟื้นฟูตนเอง และการป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ มีผลให้มนุษย์คนนั้นมีความกระชุ่มกระชวยมีสุขภาพพลานามัยดีขึ้น มีอายุยืนยาว และดูหนุ่มสาวกว่าวัยอีกเช่นเดียวกัน

    ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นผลจากพลังงานกรรม ที่ตัวมนุษย์เองเป็นผู้ก่อขึ้นและรับมันทันทีในชาตินี้ โดยไม่ต้องรอผลชาติหน้า

    ส่วน....บทเรียนกรรมทุกบทที่มนุษย์ต้องเผชิญในชาตินี้ จึงเกี่ยวเนื่องกับเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในชาติก่อนเสมอ ยกเว้นกรรมใหม่ที่มนุษย์สร้างไว้ในชาตินี้ ซึ่งมนุษย์จะต้องเผชิญกับมันในชาติต่อ ๆ ไป เมื่อกรรมนั้นมาถึง

    พลังงานกรรมใด ๆ ก็ตาม ที่เกิดจากการคิดและอารมณ์ของมนุษย์ เมื่อแสดงออกและกระทำต่อสรรพสิ่งใด ๆ เมื่อแผ่ออกมาสู่สนามร่างกายแล้ว จะเป็นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กชนิดหนึ่บที่จับกลุ่มกันไว้ ถ้าเป็นพลังงานด้านบวกจะถูกเก็บรักษาไว้บนสนามพลังงานนั้น ถ้าเป็นพลังงานลบ มันจะค่อย ๆ ถูกผลักสะท้อนกลับมาสู่มนุษย์ผู้เป็นเจ้าของมัน ตามลำดับกาลเวลาที่ได้กระทำไว้บนโลก เนื่องจากมนุษย์อยู่ในกรอบเวลาที่เป็นเส้นตรง โดยเหตุการณ์หนึ่งจะเกิดก่อนอีกเหตุการณ์หนึ่งเสมอ พลังงานกรรมแต่ละกลุ่มที่มนุษย์ต้องเผชิญก็เป็นเช่นนั้นด้วยเช่นกัน

    คนที่ทำกรรมชั่วในขาตินี้แล้วดูเหมือนว่ากรรมไม่สนองนั่นเพราะเวลายังมาไม่ถึง เนื่อวจากกรรมเก่ามนภพขาติก่อน ๆ ยังมีอีกมากต่างหาก

    การเกิดภพชาติของมนุษย์ เมื่อจิตวิญญาณมาสู่รูปธรรมมนุษย์บนโลกเข้าจริง ๆ ปรากฎว่าบานประตูระหว่างมิติถูกปิดสนิท เลยไม่รู้ที่มาที่ไปของตนเอง จึงได้ก่อพลังงานลบขึ้นทับซ้อนมากมาย พลังงานกรรมเลยไม่อาจสูญหายไปไหนได้ กลุ่มกรรมเหล่านั้นจะไร้พลังอำนาจก็ต่อเมื่อมนุษย์ผู้เป็นเจ้าของมัน ทำให้แตกกระจัดกระจายไปคนละทิศละทางแทรกซึมไปทั่วจักรวาลเท่านั้น คุณสมบัติของกรรมจึงจะหมดไปได้
     
  13. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    ค่ะ ตนเองกำลังเดินตามรรคแปดอยู่

    เมื่อเกิดมาสัมมาทิฐิ (คือ ความเห็น) ความเห็นถูกต้อง ย่อมต้องให้เกิดสัมมาสังกัปปะ คือ ความดำริชอบ (ความคิดชอบ) ตามมา

    เพื่อเราลดละนิสัยอารมณ์กรรมได้ ก็ไม่มีอะไรที่มากไปกว่านี้แล้วค่ะ เพราะการหาอารมณ์มิได้นั่นคือที่สุดแห่งทุกข์

    ผู้รู้บางคน ผู้มีอิทธิฤทธิ์ก็ยังมีตัวตน มีการใช้อำนาจอัตตาในการตัดสินตนอื่นโดยมิได้ดูว่าทิฐิที่ควรจะนำมาแสดงตามมรรคแปดที่กระทำต่อคนอื่น ที่ต้องคิดถูกต้อง พูดถูกต้อง และ ทำถูกต้อง ที่เหมาะสม ดีงาม นั้นเป็นอย่างไร จึงจะเป็นไปตามมรรคในการใช้ชีวิตร่วมกับบุคคลอื่นได้ไม่สร้างกรรมต่อกัน

    มนุษย์ฝึกฝนตนเองด้วยการปฏิบัติการทางจิต มุ่งแสวงหาอำนาจหยั่งรู้แต่หลงไปยึดติดกับปาฏิหาริย์อัศจรรย์ กระทำตนเป็นผู้วิเศษแทนที่จะเข้าให้ถึงแก่นแท้ เพราะร่างกายและจิตใจขาดการขัดเกลาให้ใสสะอาดเสียก่อน จึงสร้างสมดุลสู่การหลุดพ้นไม่ได้
     
  14. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ตอนนี้ก็ตลกเกาะรั้วตะโกนด่าด้วยไอดี555
     
  15. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    เซริฟเวอร์โลกก็มี 3 ภพภูมิหลักๆ คือ สวรรค์ นรก โลก สำหรับคนเปิดโหมด UI แล้วจะไปได้หมด และยิ่งเป็นผู้รู้เรื่องระบบธาตุศักดิ์สิทธิ์ก็อาจไปปรับแต่งเซริฟเวอร์ได้ด้วย โดยผมเคยไปสร้างภพภูมิใหม่คือภพภูมิการ์ตูนไว้ให้เด็กตายก่อนวัยไปเที่ยวเล่น อาจเรียกภพภูมิย่อยที่ 32 อะ ไว้คลายเครียด ไม่มีเจ็บ ไม่มีแก่ เกิด กับ ตายเท่านั้น เพราะตามคำทำนายพระพุทธเจ้าว่าเราจะอายุสั้นลงไม่ถึง 10 ปี บางทีผมอาจเป็นผู้ปลดปล่อยไปแล้ว
     
  16. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    สมองแกเละ มาหลายปีฮับ
    แต่ยังคุยกันกับคนสมองเละด้วยกัน
    ได้อย่าง
    เบิกบานกลมกลืนฮับ
     
  17. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    สตาร์ซี้ดจากผมอะ โลกวิญญาณเอาไปปรับแต่งกันมันเลย แต่หาวิธีปลดล็อคให้มันโผล่มาใช้จริงได้เท่านั้น เป็นมิติแห่งเกมซ้อนทับกับโลกความเป็นจริง อย่าถามว่าผมรู้ได้ไง บอกแล้วฝันทุกวัน
     
  18. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    อำนาจแห่งปัญญาญาณ

    คืออำนาจสูงสุดและเป็นกลไกชนิดเดียวเท่านั้นที่จะก่อให้เกิดการคิดพิจารณาตัดสินใจใด ๆ ที่จะแสดงออกทางอารมณ์รู้สึก ที่เกิดเป็นการกระทำที่เรียกว่าพฤติกรรมภายนอกนั่นเอง

    มรรค ไม่ว่าจะมีสติ มีสมาธิ ก็เป็นเครื่องค้ำจุนให้เกิดสติปัญญาในความคิดเห็นที่ดีงาม แล้วนำออกมาสู่การแสดงทางกาย วาจา ใจ ให้สมบูรณ์เท่านั้น

    การปฏิบัติไม่ว่าจะสูงส่งสักเพียงใด ขอเพียงเกิดมหาสติ คือ ธรรมชาติสมาธิ

    ๑.ต้องเป็นผู้ใช้จิตสอนจิตตนเองได้ทุกเมื่อ

    ๒.ต้องเป็นผู้ตั้งใจกำหนดจิตให้รู้นึก รู้คิด รู้รู้สึก รู้กระทำ รู้จดจำ และรับรู้ใด ๆ ได้ด้วยตนเอง โดยมิยอมให้จิตเป็นผู้กำหนดได้เสมอ

    ๓.ต้องเป็นผู้เข้าถึงการใช้สติปัญญาของจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ของตนเอง ที่เรียกว่า"ปัญญาญาณ" อันเป็น "ญาณ" ขั้นสูงที่แยบยลกว่าการคิดแบบจิตมนุษย์ เพื่อการรู้แจ้งด้วยตนเองได้เสมอ

    คุณสมบัติทั้งสามประการนั้นย่อมหมายถึง

    ๑.ต้องเป็นครูคนแรก และคนสุดท้ายของตนเองได้ หรือรู้แจ้งได้ด้วยตนเอง

    ๒.ต้องสามารถอยู่เหนืออารมณ์รู้สึกนึกคิด ที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม หรือไม่ดีงามของตนได้

    ๓.ต้องสามารถยกระดับกาย จิตใจ และจิตวิญญาณให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้เสมอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2019
  19. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    ผมต้องหาจังหวะพิมพ์นะเพราะข้อมูลจากดวงดาวมาไวไปไวมาก กว่าผมจะเอามาเรียบเรียงอ่านรู้เรื่องก็หลายวัน บางทีเป็นปี เพราะข้อมูลเข้าจากหลายที่มากเลย เชื่อมเป็นบทร้อยแก้วสุดจะพรรณา ไม่มีใครบ้าเท่าผมอีกแล้วโลกนี้ งานหนักแต่ไม่มีประโยชน์เลย เบื้องบนนะเบื้องบนทำสมองผมติดบั้คมั่งเปล่า
     
  20. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    นั่นคือ การเรียนรู้อารมณ์ จิต เจตสิก ได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุดค่ะ หากมนุษย์ไม่เผชิญกรรมของตน แล้วจะเรียนรู้ได้อย่างไรคะ

    มนุษย์ที่สามารถกำจัดกรรมของตนเองฉันใด!! ไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงเผชิญกรรมได้ฉันนั้น

    ตอนนี้ควบคุมความคิดและความรู้สึกของตนเองได้อย่างสบายเลยค่ะ และรู้ที่มาที่ไปของการคิดได้อีกด้วย

    เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไม่ได้อิทธิปาฏิหาริย์แค่นั้นเองค่ะ กำลังจะอธิษฐานขออยู่ อยากมีฤทธิ์จะได้มีดาบออกสนามรบได้เหมือนคนอื่นเขานะค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...